LONGINES กับประวัติการเป็นผู้บอกเวลาการแข่งขันต่างๆ ของโลก ตอนที่ 2
ด้วยอุปกรณ์บอกเวลาที่มีความแม่นยำในระดับสูง LONGINES จึงได้รับเชิญให้เป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการ ให้กับการแข่งขันกีฬาที่สำคัญที่สุดในทั่วทั้งโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเกียรติภูมิอันน่าภาคภูมิใจนี้ได้ขับเคลื่อนให้ LONGINES สามารถพัฒนานาฬิกาที่มีการแสดงค่าเวลา ได้อย่างแม่นยำและเที่ยงตรง รวมไปถึงอุปกรณ์ในการแสดงเวลาที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
จากการแข่งขันแรลลี่ระดับโลกในเดือนมกราคม 1949 ที่รถยนต์จากทั่วยุโรปได้เข้าร่วมในการแข่งขันแรลลี่ครั้งแรกของ Rallye Monte-Carlo ที่จัดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สองและ LONGINES ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้จับเวลาการแข่งขัน จากชื่อเสียงด้านการจับเวลาในการแข่งขันมานานกว่า 30 ปี พร้อมด้วยอุปกรณ์การพิมพ์พิเศษที่เรียกว่า Printogines ที่ขับเคลื่อนด้วยนาฬิกาที่มีพลังสำรองลานนาน 8 วันและทำให้ผู้เข้าแข่งขัน สามารถตอกบัตรของตนเองที่จุดเช็คพ๊อยท์ที่ห่างกันถึง 5,000 กิโลเมตรได้
ความแม่นยำและแข็งแรงทนทานของอุปกรณ์ชนิดนี้ สามารถบันทึกเวลาของผู้ชนะในการแข่งขันจากเส้นทางที่ผ่านเช็คพ๊อยท์ทั้งหมดได้ และนับได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์อย่างมากจนทำให้ LONGINES ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จับเวลา ให้กับการแข่งแรลลี่ชื่อดังมากมายในยุคนั้นซึ่งรวมถึง Coupe des Alpes, the RAC Rally of Great Britain, TAP Rally ในโปรตุเกส และ Thousand Lakes ในฟินแลนด์ รวมไปถึง Rallye Acropolis ในกรีซและ Rallye de Côte d’Ivoire ในแอฟริกาอีกด้วย
ส่วนทางด้านการแข่งขันจักรยาน ในปี 1951 LONGINES ยังได้รับคำเชิญให้เป็นผู้จับเวลาของการแข่งขันจักรยานระดับโลกอย่าง Tour de France การแข่งปั่นจักรยานทั่วประเทศฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมในการทดลองระบบใหม่ ที่ผสมผสานกล้องที่เส้นชัยพร้อมด้วยอุปกรณ์ การบันทึกเวลาของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนบนแผ่นฟิล์ม ซึ่งระบบการจับเวลาแบบนี้ช่วยแก้ปัญหาการถ่ายภาพ เมื่อกลุ่มผู้เข้าแข่งขันมาอยู่ใกล้กันที่บริเวณเส้นชัยในเวลาไล่เลี่ยกัน
โดย Jean Pitallier อดีตประธานแห่ง French Cycling Federation เป็นผู้กดจับเวลาการแข่งด้วยตัวเองในทุกการแข่งของ Tour de France ตั้งแต่ปี 1973 ถึง 1980 พร้อมด้วยนาฬิกาจับเวลาแบบสปลิท-เซคคั่น ที่ทำงานด้วยความถี่สูงของลองจินส์ (Ref. 7411) จำนวนสองเรือนพร้อมกัน โดย LONGINES รับหน้าที่เป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการจนถึงปี 1982 และจากปี 1954 ถึงปี1988 LONGINES ยังได้เป็นผู้จับเวลาให้กับการแข่งจักรยานระดับโลกอีกถึง 28 ครั้งรวมไปถึงการรายการแข่งชื่อดังอย่าง Giro d’Italia หรือ Vuelta ในสเปน
และสุดท้ายกับการแข่งขันรถแข่งฟอร์มูล่า 1 จากปี 1949 ที่ LONGINES ได้เปิดตัวระบบการจับเวลาสำหรับการแข่งรถที่สามารถบันทึกความเร็ว 1/10 ครั้งต่อวินาทีผ่านทางชุดภาพถ่าย ซึ่งนับได้ว่าเป็นการบอกเวลาที่แม่นยำจนกระทั่ง International Automobile Federation ได้รับรองวิธีนี้ในปี 1950 และในปีเดียวกันนั้นในฤดูการแข่งครั้งแรกของฟอร์มูล่า 1 LONGINES ก็ได้รับเกียรติให้เป็นผู้จับเวลาของ Grand Prix de Monaco และ Indianapolis 500 ในสหรัฐอเมริกา
รวมถึงฟอร์มูล่า 1 ในบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน, บัวโนไอเรส ประเทศอาร์เจนติน่า, สปา ในประเทศเบลเยี่ยม, ซันต์โฟร์ต ประเทศเนเธอร์แลนด์ และเบริ์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตามมาด้วยการแข่งขันอีกมากมายในปีต่อๆ มา โดยภายในปี 1954 LONGINES ได้พัฒนา Chronotypogines ที่ใช้ระบบเซนเซอร์แบบอัตโนมัติที่จุดสตาร์ทและจุดเส้นชัย ซึ่งไม่นาน International Automobile Federation ก็ได้นำระบบนี้ไปใช้ โดยในปี 1980 LONGINES มีการเปิดตัววิธีใหม่ในการจับเวลารถแข่งรถแต่ละคันโดยใช้คลื่นความถี่วิทยุ
ซึ่งนำไปสู่บทบาทของ LONGINES ในฐานะผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการให้กับการแข่งฟอร์มูล่า1 นับตั้งแต่ปี 1982 ถึง 1992 ที่รวมเป็นเรื่องราวของแบรนด์นาฬิการะดับโลก จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก่อตั้งขึ้นที่เมืองแซงต์อิมิเยร์ในปี 1832 พร้อมความเชี่ยวชาญในการผลิตนาฬิกาที่มีดีไซน์สง่างาม และการทำงานทรงประสิทธิภาพที่สืบทอดเกียรติประวัติมาอย่างยาวนาน ภายใต้โลโก้รูปนาฬิกาทรายติดปีก ที่ในปัจจุบันมีวางจำหน่ายอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 150 ประเทศ