New GRAND SEIKO, Evolution 9 Collection
นาฬิกาในคอลเลคชั่น Evolution 9 ตัวแทนแห่งอนาคตของ GRAND SEIKO นาฬิกาที่นำดีไซน์ของ GRAND SEIKO Style อันเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกการสร้างสรรค์ของแบรนด์ตั้งแต่ปี 1967 เป็นต้นมาในการเป็นพื้นฐานด้านการออกแบบ โดยนำความชัดเจนในการอ่านค่าและความสบายในการสวมใส่ไปสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในเรือนเวลารุ่นแรกจากคอลเลคชั่น Evolution 9 ก็คือนาฬิกากลไกไฮ-บีท 36000 พร้อมพลังสำรองลานนาน 80 ชั่วโมงที่ได้รับรางวัล Men’s Watch Prize จากงาน Grand Prix d’Horlogerie de Genève 2021 โดยขอบเขตของคอลเลคชั่น Evolution 9 ได้สยายปีกสู่เรือนเวลาสไตล์สปอร์ตพร้อมกลไกสปริงไดร์ฟ 5 รุ่นใหม่ในปี 2022 นี้ทั้ง เรือนเวลาฟังก์ชั่นจีเอ็มที 2 รุ่น และเรือนเวลาฟังก์ชั่นโครโนกราฟจีเอ็มทีอีก 2 รุ่น และเรือนเวลาแบบดำน้ำอีก 1 รุ่น
ในขณะที่คุณลักษณะแห่งดีไซน์ของ GRAND SEIKO Style จะปรากฏชัดอยู่ในร่างของเรือนเวลาเหล่านี้ การปรับแต่งคุณลักษณ์แห่งดีไซน์สู่คอลเลคชั่น Evolution 9 จึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยแนวส่วนขาตัวเรือนที่มีขนาดกว้าง สายนาฬิกาและตัวเรือนที่มีลุคของความแข็งแกร่งที่มากกว่า และจุดศูนย์ถ่วงที่อยู่ในระดับต่ำเพื่อเสริมสร้างความสบาย และความกระชับกับทุกขนาดข้อมือ อีกทั้งเข็มนาฬิกาแต่ละเข็มยังดูโดดเด่น และมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนกว่าที่เคยเพื่อการอ่านค่าที่ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนตัวเลขบนขอบเบเซิลก็เป็นฟอนท์ตัวอักษรแบบใหม่ ที่พัฒนาขึ้นสำหรับนาฬิกาคอลเลคชั่น Evolution 9 โดยเฉพาะ
ตัวเรือนและสายสร้างขึ้นจากไทเทเนียมความหนาแน่นสูง (high-intensity titanium) ซึ่งมีน้ำหนักเบากว่าสตีลราว 30% และมีโทนสีที่สว่างกว่า โดยเข็มและหลักชั่วโมงจะถูกเคลือบด้วยสารเรืองแสงลูมิไบรท์ อย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มความชัดเจนให้กับการอ่านค่าในเวลากลางคืน นอกจากนี้บ่าปกป้องเม็ดมะยมยังได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อมิให้เกิดการสะดุดกับแขนเสื้อทั้งในชุดสำหรับกิจกรรมกีฬาประเภทต่างๆ และชุดสำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน โดยสามารถสังเกตได้จากรูปทรงโค้งมนของตัวเรือน ที่ช่วยให้สามารถสวมใส่ได้กระชับรับกับข้อมือเป็นอย่างดี
ด้วยเข็มวินาทีที่เคลื่อนตัวอย่างราบรื่นไม่เหมือนใคร เรือนเวลาที่ใช้กลไกสปริงไดร์ฟจึงสามารถสะท้อนถึงการเคลื่อนผ่านของกาลเวลาที่ต่อเนื่อง เงียบสงบ และราบรื่นได้เป็นอย่างดี การชมเข็มวินาทีที่เคลื่อนตัวไปรอบหน้าปัดอย่างสงบเงียบไร้ซึ่งเสียง ‘ติ๊ก’ ใดๆ จึงนำพาให้เข้าใกล้กับธรรมชาติของเวลาได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในอีกระดับ ความรู้สึกเช่นนี้จะสามารถสัมผัสได้จากเรือนเวลากลไกสปริงไดร์ฟจีเอ็มที โดยหนึ่งในนาฬิกาสองรุ่นใหม่นี้ จะมากับหน้าปัดสีเทาอ่อนบนพื้นผิวที่งดงามด้วยลวดลาย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมอกยามเช้าในฤดูหนาว ณ ภูมิภาคชินชู ซึ่งเป็นลางแสดงถึงวันที่มีแสงแดดเจิดจ้า โดยชินชูนั้นเป็นที่ตั้งของสตูดิโอที่เป็นแหล่งผลิตของเรือนเวลา GRAND SEIKO กลไกสปริงไดร์ฟทุกเรือน โดยเรือนเวลาทั้งสองรุ่นนี้จะเริ่มจำหน่ายในเดือนสิงหาคมที่บูติคนาฬิกาของ GRAND SEIKO และตัวแทนทั่วโลก
ต่อมาคือเรือนเวลาโครโนกราฟสองรุ่นใหม่ โดยเรือนแรกเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับหน้าปัดสีน้ำเงิน ที่ได้รับการปรับตั้งการทำงานให้บรรลุอัตราความแม่นยำถึงระดับ ±10 วินาทีต่อเดือน เพื่อให้เป็นรุ่นพิเศษสำหรับการร่วมระลึกถึงวาระครบรอบ 15 ปีของนาฬิกา GRAND SEIKO กลไกสปริงไดร์ฟโครโนกราฟ กับการผลิตในแบบจำนวนจำกัดเพียง 700 เรือนทั่วโลก โดยนอกจากคุณสมบัติการจับเวลาที่ยาวนานสูงสุดถึง 12 ชั่วโมงแล้ว เรือนเวลารุ่นนี้ยังใช้ขอบเบเซิลชนิดหมุนได้และมีเข็มแสดงเวลาจีเอ็มที เพื่อให้สามารถแสดงค่าของเขตเวลาที่สามเพิ่มเติมอีกเขตเวลาหนึ่งด้วย
ส่วนเรือนเวลาโครโนกราฟรุ่นใหม่อีกรุ่นหนึ่งนั้น จะมาพร้อมกับหน้าปัดสีดำที่มอบความแม่นยำในระดับ ±15 วินาทีต่อเดือน ในขณะที่รายละเอียดต่างๆ ทั้งดีไซน์และคุณสมบัติต่างๆ ยังคงเป็นเช่นเดียวกับนาฬิกาในรุ่นที่ผลิตแบบจำนวนจำกัดทุกประการ ซึ่งสำหรับรุ่นที่ผลิตในแบบจำนวนจำกัด จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2022 ส่วนรุ่นมาตรฐานจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม 2022 ที่บูติคนาฬิกา GRAND SEIKO และตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาGRAND SEIKO ทั่วโลก
เรือนสุดท้าย คือภาพแนวคิดจากมหาสมุทรที่ล้อมรอบหมู่เกาะญี่ปุ่น ที่มีกระแสน้ำพลังมหาศาลไหลผ่านมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือกระแสน้ำคุโรชิโอะ หรือที่รู้จักกันในนาม Black Stream (แบล็ก สตรีม) ซึ่งเป็นกระแสน้ำที่ไหลขึ้นไปทางเหนือผ่านประเทศญี่ปุ่น ไปสู่มหาสมุทรแปซิกฟิคเหนือซึ่งเป็นหนึ่งในกระแสน้ำในมหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยพลังน้ำที่มีความรุนแรงนี้ภายใต้ความมืดมิดสีดำสนิทนี้ ถูกนำมาเป็นแรงบันดาลใจสู่ลายผิวที่สวยงามบนหน้าปัดของเรือนเวลาดำน้ำรุ่นใหม่ ส่วนการทำงานจะเป็นหน้าที่ของกลไกสปริงไดร์ฟคาลิเบอร์ 9RA5 ที่มอบอัตราความเที่ยงตรงถึงระดับ ±10 วินาทีต่อเดือนและพลังสำรองลานนานถึง 5 วัน พร้อมแผ่นวงแหวนบนขอบเบเซิลชนิดหมุนได้ จะถูกสร้างขึ้นจากเซรามิคเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยขีดข่วน และเรือนเวลารุ่นนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคมที่บูติคนาฬิกา GRAND SEIKO และตัวแทนจำหน่ายนาฬิกา GRAND SEIKO ที่ได้รับการเลือกสรรทั่วโลก
โดยนาฬิกา Ref. SBGE283G จะมีราคาจำหน่ายที่ 327,100 บาท, Ref. SBGE285G ราคา 327,100บาท, Ref. SBGC249G ราคา 473,200 บาท, Ref. SLGA015G ราคา 446,000 บาท และ Ref. SBGC251G ราคา 446,100 บาท
GRAND SEIKO Ref. SBGE283G
GRAND SEIKO Ref. SBGE285G
GRAND SEIKO Ref. SBGC249G
GRAND SEIKO Ref. SLGA015G
GRAND SEIKO Ref.SBGC251G