ร่วมระลึกถึง OMEGA, Snoopy และ Apollo 13
วันที่ 17 เมษายน นับเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับ OMEGA หลังเวลาล่วงเลยไปมากกว่า 50 ปี นับตั้งแต่ภารกิจ Apollo 13 ที่คนทั้งโลกรับรู้กันดี กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1970 ที่ทั้งลูกเรือและเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน ต่างก็ไม่เคยประสบกับเหตุการณ์ที่ลุ้นระทึก และเฉียดหายนะมากเท่าครั้งนั้นมาก่อน ซึ่งสำหรับ OMEGA แล้วห้วงเวลาเหล่านั้นก็ยังคงประทับแน่นอยู่มิเสื่อมคลาย และต้องขอบคุณเรือนเวลาโครโนกราฟ Speedmaster Professional ที่มีบทบาทสำคัญในการนำลูกเรือกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย ซึ่งนำโดยนักบินอวกาศ James A. Lovell Jr. ผู้บัญชาการภารกิจ Apollo 13 ของ NASA
โดยตั้งแต่ปี 1965 ทาง NASA ได้ทำการกำหนดให้นาฬิกาเหล่านี้เป็น “อุปกรณ์สำรองชิ้นสำคัญ” ในกรณีที่เครื่องบอกเวลาดิจิทัลของนักบินอวกาศไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาระดับวิกฤตขึ้นกับ Apollo 13 ระหว่างการมุ่งหน้าไปยังดวงจันทร์ “อุปกรณ์สำรอง” จึงได้ทำหน้าที่ของตน โดยเป็นเวลาเพียงสองวันหลังจากออกตัว ถังอ็อกซิเจนบนยาน Apollo 13 ก็เกิดระเบิดขึ้น และสร้างความเสียหายให้กับเซอร์วิสโมดูล (Service Module) และทำให้นักบินอวกาศตกอยู่ในอันตรายครั้งใหญ่ จนภารกิจการไปยังดวงจันทร์ต้องถูกยกเลิก และเป้าหมายเหลือเพียงการนำลูกเรือกลับบ้านอย่างปลอดภัย
ส่วนหนึ่งของแผนช่วยเหลือที่ทางฮูสตันแนะนำ คือการย้ายนักบินอวกาศเข้าไปในลูน่าร์โมดูล(Lunar Module) ซึ่งอย่างไรก็ตามโมดูลก็ไม่ได้ถูกออกแบบ ให้รองรับคนจำนวนมากในระยะเวลานาน ดังนั้นลูกเรือจึงต้องปิดระบบเกือบทั้งหมดเพื่อประหยัดพลังงาน และทำให้เครื่องจับเวลาดิจิทัลใช้การไม่ได้ ชะตากรรมของนักบินอวกาศจึงต้องแขวนอยู่บนเส้นด้าย ท่ามกลางความมืดมิดและหนาวเหน็บในห้วงอวกาศ โดยยาน Apollo 13 ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์มากมายตลอดระยะเวลาหลายวัน แต่เป็นอุปสรรคสุดท้ายที่ความเที่ยงตรงของเรือนเวลาOMEGA ได้แสดงผลงาน
เนื่องจากปัญหาของยาน Apollo 13 ที่หลุดออกจากเส้นทางไปถึงราว 60 ถึง 80 ไมล์ทะเล ซึ่งนั่นก็หมายความว่าโมดูลจะทำมุมระหว่างการกลับสู่ชั้นบรรยากาศของโลกผิด และไม่มีทางจะปรับแก้ได้ ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเส้นทางใหม่ด้วยมือก่อน ด้วยการเปิดระบบการสันดาปเชื้อเพลิงนานเป็นเวลาเพียง 14 วินาทีพอดี ซึ่งหมายถึงการไม่มีที่ว่างให้กับความผิดพลาดแม้แต่เพียงน้อยนิด โดยเมื่อไร้อุปกรณ์จับเวลาดิจิทัล นักบินโมดูล Jack Swigert จึงต้องใช้เรือนเวลาOMEGA Speedmaster Professional ของตัวเองในการจับเวลาการเปิดสันดาปเชื้อเพลิงระหว่างที่ James A. Lovell Jr. ผู้บัญชาการ คอยบังคับยาน Apollo 13
โดยต้องอ้างอิงข้อมูลจากเส้นขอบฟ้าของโลก ซึ่งทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี และทางแก้ที่ไม่เหมือนใครนี้ก็ได้ผล และท้ายที่สุดในวันที่ 17 เมษายน หลังเวลาผ่านไป 142 ชั่วโมงกับอีก 54นาที ยาน Apollo 13 ก็ลงจอดบนมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ได้อย่างปลอดภัย และหนึ่งปีต่อมาในวันที่ 5 ตุลาคม ปี 1970 ทาง OMEGA ก็ได้รับรางวัล “Silver Snoopy Award” จาก NASA ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายแสดงความขอบคุณ สำหรับการมีส่วนร่วมในความสำเร็จของภารกิจอวกาศที่มีมนุษย์ ดังนั้นเมื่อรางวัลอันทรงเกียรตินี้ถูกรังสรรค์ขึ้น Snoopy จึงได้รับเลือกให้เป็นมาสคอตแบบไม่เป็นทางการของ NASA มาโดยตลอด
จากความสามารถในการทำให้ลดความตึงเครียดลงเมื่อพบกับปัญหา อีกทั้งยังสื่อถึงความสำเร็จของภารกิจและบทบาทการเป็น “สุนัขระวังภัย” (Watchdog) และตั้งแต่นั้นทั้ง Snoopyและ Apollo 13 ก็อยู่ในหัวใจของ OMEGA ตลอดมา รวมถึงได้มีการรังสรรค์นาฬิกา “Snoopy”หลายรุ่นขึ้นเพื่อฉลองให้กับหมุดหมายต่างๆ ของการครบรอบภารกิจ และนาฬิการุ่นSpeedmaster “Silver Snoopy Award” 50th Anniversary ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2020 ก็อัดแน่นไว้ด้วยสัมผัสแห่งความสนุกสนาน ทั้งหน้าปัดที่ประดับด้วยเหรียญ Snoopy และยังมีตัวเรือนที่แสนพิเศษกับฝาหลัง ที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาจากตัวการ์ตูน Snoopy ที่บังคับยานโคจรรอบดวงจันทร์
นอกจากการที่นาฬิกา OMEGA Speedmaster “Snoopy” ทุกรุ่นจะทั้งดูดีและมอบความสนุกสนานให้กับทุกข้อมือได้แล้ว เรือนเวลารุ่นนี้ยังเป็นสิ่งย้ำเตือนที่เหนือกาลเวลา ถึงความเที่ยงตรงและความน่าเชื่อถือที่ OMEGA ได้มอบให้กับการสำรวจอวกาศในตลอดระยะเวลาเกือบ 60 ปีที่ผ่านมา