The Review of MAURICE LACROIX Aikon #tide
“แค่พวกเราทุกคนช่วยกันคนละนิด โลกของเราก็จะน่าอยู่ขึ้น” ประโยคนี้น่าจะเป็นเรื่องเริ่มต้นและที่มาของนาฬิกา MAURICE LACROIX Aikon #tide ที่ทางแบรนด์มีจุดประสงค์ในการช่วยลดปริมาณของขยะพลาสติกที่มีอยู่ในท้องทะเล และจากข้อมูลโดยตรงจากทาง MAURICE LACROIX เกาะภูเก็ตของประเทศไทยถือเป็นหนึ่งแหล่งสำคัญ ที่มีขยะพลาสติกในท้องทะเลมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ดังนั้นสำหรับชาวไทยทุกคน นาฬิการุ่นนี้จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งในแรงขับเคลื่อน ที่จะช่วยให้ทรัพยากรทางธรรมชาติในทะเลของเราดีขึ้น แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ เพียงส่วนเดียวก็ตามที
ดังนั้นภาพลักษณ์อันโดดเด่นของนาฬิกา MAURICE LACROIX รุ่น Aikon จึงถูกเลือกใช้ในโปรเจ็คท์นี้ แต่เพื่อต้องการให้นาฬิกามีความโดดเด่นยิ่งขึ้นไปกว่านาฬิการุ่น Aikon ในอีกระดับผนวกกับความสามารถในการสร้างสีสัน ให้กับพลาสติกที่ผ่านการอัพไซเคิลมาแล้ว นาฬิกา Aikon #tide จึงมีสีสันที่หลากหลาย และเตะตาทันทีที่พบเห็น ทั้งในสีสันอันจัดจ้านหรือสีสันแบบพาสเทลนุ่มหวาน โดยมีการเลือกโทนสีอันหลากหลายทั้งแบบการจับคู่กับสายสีดำ หรือแบบการจับคู่กับสายสีขาว รวมทั้งการเลือกจัดวางมาร์กเกอร์แบบปกติ หรือการจัดวางมาร์กเกอร์แบบประดับเพชรก็ตาม
โดยพลาสติกที่ผ่านการอัพไซเคิลมาแล้ว จะผ่านกระบวนการผลิตที่พิเศษกว่าปกติ โดยการผสมส่วนประกอลของวัสดุเส้นใยแก้วลงในพลาสสิกชนิดนี้ เพื่อทำให้ชิ้นส่วนพลาสติกมีความแข็งแรงถึง 5 เท่า ทั้งยังทนทานและลดปัญหาการซีดจางได้ดีกว่าพลาสติกทั่วไป โดยราคาของชิ้นส่วนพลาสติกที่ผ่านการอัพไซเคิลนี้ จะมีราคาที่สูงขึ้นกว่าพลาสติกทั่วไป ดังนั้นการที่นาฬิการะดับหรูหรานำพลาสติกชนิดนี้มาใช้ จึงไม่ใช่เรื่องของการประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านการผลิตแต่อย่างใด แต่เพื่อเป็นการรณรงค์และผลักดันให้ผู้คน หันมาสนใจในเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติของท้องทะเลมากขึ้น แม้แต่เพียงนิดก็ดีกว่าไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรเลย
และหนึ่งในนาฬิการุ่น Aikon #tide ที่นำมารีวิวคือนาฬิกาใน Ref. AI2008-AAAA1-3A0-0 กับสีโทนไลท์บลู/ขาว โดยชิ้นส่วนขอบตัวเรือน ตัวเรือน เม็ดมะยม ฝาหลัง และชุดหัวเข็มขัด จะผลิตขึ้นจากพลาสติกอัพไซเคิล ที่นำมาจากขยะในท้องทะเลจำนวน 17 ขวดเพ็ท โดยองค์ประกอบรวมของนาฬิการุ่นนี้ มีลักษณะเดียวกันกับนาฬิการุ่น Aikon อย่างเห็นได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นขอบตัวเรือน ลักษณะตัวเรือน ขาตัวเรือน และเม็ดมะยม โดยมีหน้าปัดเป็นลายคลื่นภูเขา “ว๊าคดูจูร่า” ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของนาฬิกา MAURICE LACROIX ทุกเรือน พร้อมเข็มทั้งสามที่มีการเคลือบสารเรืองแสง สำหรับการอ่านค่าเวลาในที่มืด
ความโดดเด่นอีกจุดของนาฬิการุ่นนี้ คือสายยางสีขาวที่มีชุดขาสายแบบถอด/ใส่ได้ด้วยตัวเอง พร้อมตราสัญลักษณ์ M ของแบรนด์ตามแบบนาฬิกาทุกรุ่นของ MAURICE LACROIX ผนวกด้วยอินเนอร์ริงส์สีขาวพิมพ์สเกลวินาทีรอบขอบตัวเรือนด้านใน ที่ช่วยทำให้นาฬิกาเรือนนี้ดูโดดเด่นและมีโทนสีสันอ่อนหวานได้อย่างครบถ้วน รวมไปถึงความพิเศษของมาร์กเกอร์แบบเพชรจำนวน 4 เม็ดในแต่ละหลัก เพื่อทำให้นาฬิกา Aikon #tide รุ่นนี้มีความหรูหรามากขึ้นไปในอีกระดับ ตัดกันกับขอบตัวเรือนที่มีพื้นผิวแบบทรายละเอียด ต่างกับตัวเรือนที่มีพื้นผิวเรียบ ที่รวมกันช่วยทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้สายนาฬิกาแบบยางยังมีแถบกลางแบบมีลายเท็กซ์เจอร์ ที่ช่วยทำให้องค์ประกอบโดยรวมมีรายละเอียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เมื่อได้จับและสัมผัสแล้ว จะรู้สึกได้ทันทีถึงความพิเศษของตัวนาฬิกา Aikon #tide แม้จะผลิตมาจากพลาสติกเองก็ตาม ทั้งด้านของงานการผลิต น้ำหนัก และความเรียบร้อยในทุกองค์ประกอบของนาฬิกา ไม่ว่าจะมองในมุมไหนหรือมองละเอียดจากกล้องขยาย 10 เท่าก็ตาม ซึ่งต้องนับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญของนาฬิการะดับสูงจากสวิส ที่คุณภาพและรายละเอียดย่อมต้องเป็นเรื่องที่มาก่อนสิ่งอื่นใดเสมอ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาในระดับราคาใดก็ตาม
ในด้านการใช้งาน นาฬิกาเรือนนี้เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกๆ วันที่ต้องการความสนุกสนาน ตั้งแต่กลไกควอท์ซคุณภาพสูงจากสวิส ที่ช่วยให้แทบไม่ต้องตั้งค่าเวลาเลยเมื่อเลือกหยิบมาสวมใส่ ทั้งยังมีความคล่องตัวในการใช้งานสูง พร้อมสายยางและหัวเข็มขัดที่จับและใส่ได้อย่างถนัดมือ จากความหนาของทั้งสายและหัวเข็มขัดที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ นอกจากนี้ยังมีขาตัวเรือนแบบอีซี่สแต็ปเอ็กซ์เชนจ์ ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนสายได้ตามต้องการอย่างง่ายดาย โดยทาง MAURICE LACROIX แจ้งว่าจะมีสายแบบต่างๆ อีกมากมายให้เลือกใช้งานในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งน่าจะช่วยให้ตัวนาฬิกายิ่งมีความพิเศษยิ่งขึ้นไปอีก
นาฬิกา MAURICE LACROIX Aikon #tide ผลิตจากวัสดุคอมโพสิท พร้อมกล่องใส่ที่เป็นแก้วน้ำ และขาตั้งนาฬิกาในแก้วที่สามารถนำมาใช้วางนาฬิกาบนโต๊ะได้อย่างเหมาะสมที่สุด โดยทั้งหมดจะผลิตจากวัสดุ #tide 100% พร้อมราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 25,000 บาทสำหรับรุ่นแบบมาร์กเกอร์ปกติทั้ง 5 สี และในราคา 35,000 บาทสำหรับรุ่นแบบมาร์กเกอร์ประดับเพชรอีก 3 สี โดยสามารถแวะชมนาฬิกาเรือนจริงได้แล้ววันนี้ที่ป๊อป-อัพสโตร์ของ MAURICE LACROIX ณ เกษรทาวเวอร์ ชั้น 2 เกษรวิลเลจ