The man behind PARMIGIANI Fleurier, Michel Parmigiani
เรื่องราวของ PARMIGIANI Fleurier ที่เริ่มต้นจากงานการบูรณะนาฬิกาโบราณ จนกระทั่งมาถึงงานศิลปะและเครื่องบอกเวลาระดับสูงต่างๆ มากมายในปัจจุบัน ที่ไม่ได้มีเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังมีงานด้านกลไกระดับสูงต่างๆ มากมาย ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานระดับโลก ที่ผู้คนในวงการนาฬิกาต่างก็รู้จักกันดี
ในปี 1976 Michel Parmigiani เปิดเวริ์คช็อปของตัวเองเพื่อทำงานด้านการบูรณะนาฬิกาโบราณ ในขณะที่วงการนาฬิกากำลังเผชิญกับปัญหาจากนาฬิกาควอท์ซที่เข้าสู่ตลาด และตีตลาดนาฬิกาแบบกลไกจนกระทั่งโรงงานนาฬิกาจำนวนมากต้องปิดตัวลง ซึ่งทำให้เขาต้องเก็บความฝันในการสร้างสรรค์นาฬิกาเรือนพิเศษต่างๆ เอาไว้ในเวลากลางคืน และใช้เวลาในช่วงกลางวันทำงานด้านการบูรณะนาฬิกาโบราณ ที่ยังมีผู้คนบางส่วนเล็งเห็นความสำคัญของงานศิลปะเหล่านี้อยู่
ปี 1978 Michel Parmigiani เปิดบริษัท Mesure et art du temps เพื่อรับงานชิ้นสำคัญสำหรับการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ของ PATEK PHILIPPE ที่ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากได้รู้จักกับ Michel เพิ่มมากขึ้นทั้งในฐานะของช่างนาฬิกาผู้บูรณะนาฬิกาโบราณ และช่างกลไกนาฬิการะดับสูง จนกระทั่งในปี 1980 ที่ Michel ได้รู้จักกับ SANDOZ Family Foundation ที่เป็นเจ้าของชิ้นงานศิลปะจำนวนมากมาย ทั้งคล็อคและนาฬิกากลไกออโตเมตอนแบบต่างๆ รวมทั้งชักชวน Michel ให้สร้างแบรนด์ภายใต้ชื่อของเขา
และในปี 1996 PARMIGIANI Fleurier จึงถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการที่โรงแรม Beau-Rivage Palace ในโลซานน์ โดยมุ่งมั่นให้แบรนด์มีความโดดเด่นทางด้านงานฝีมือระดับสูง ไปพร้อมกับความสามารถในการผลิตงานด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน จนกระทั่งในปี 1999 นาฬิการุ่นแรกจาก PARMIGIANI Fleurier จึงเผยโฉมออกสู่ตลาดกับนาฬิการุ่น Toric QP Retrograde ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่กลายเป็นไอคอนิคสำคัญของแบรนด์ในปัจจุบัน รวมทั้งนาฬิการุ่น Kalpa Hebdomadaire ที่ก็เป็นอีกหนึ่งในภาพลักษณ์สำคัญของแบรนด์
ปี 2001 PARMIGIANI Fleurier เริ่มสร้างพันธมิตรสำคัญในด้านการผลิต กับการเข้าบริหารกิจการของโรงงานผลิตชิ้นส่วนหลายแห่งโดยเริ่มจากโรงงาน Atokalpa ที่มีความสามารถด้านการผลิตชุดเฟืองเกียร์ พิเนี่ยน และชุดเฟืองเกียร์ขนาดเล็กแบบต่างๆ รวมไปถึงแผนงานในการผลิตบาลานซ์วีล บาลานซ์สปริง พาเล็ทฟอร์ค และเอสเคปเมนท์วีล นอกจากนี้ยังมีโรงงาน Elvin ที่มีความสามารถด้านการผลิตฮาร์ดแวร์สำหรับชุดกลไกต่างๆ สกรูว์ และชิ้นส่วนขนาดเล็กของชุดบาลานซ์ ซึ่งในปัจจุบันต่างก็อยู่ภายใต้การทำงานของ PARMIGIANI Fleurier และ Michel Parmigiani
ในปี 2003 โรงงาน VAUCHER Manufacture Fleurier ถือกำเนิดขึ้น เพื่อเป็นโรงงานสำคัญในการผลิตและประกอบกลไกให้กับ PARMIGIANI Fleurier รวมทั้งสร้างกลไกในระดับสูงมากมาย ที่ต้องผ่านขั้นตอนสำคัญต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการวิจัยและพัฒนา การใช้เครื่องซีเอ็นซีในการสร้างเมนเพลท งานการขัดแต่งชิ้นส่วน รวมไปถึงงานการประกอบ ที่ต่างก็ต้องใช้ฝีมือช่างผู้ชำนาญการจำนวนมาก ในการผลิตชิ้นงานให้กับกลไกในคาลิเบอร์ต่างๆ จำนวนมาก
และในปี 2004 PARMIGIANI Fleurier เซ็นต์สัญญาความร่วมมือกันกับแบรนด์ซุปเปอร์คาร์ระดับโลกจากอิตาลี BUGATTI พร้อมนำเสนอนาฬิการุ่น Bugatti Type 370 นาฬิกาที่ฉีกกฎการทำงานในอดีตไปอย่างสิ้นเชิง โดยเป็นการทำงานของกลไกในแนวนอน เพื่อสะท้อนแนวคิดของเครื่องยนต์แบบสันดาป พร้อมงานวิศวกรรมด้านจักรกลในระดับสูงที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยมีความงดงามทั้งด้านรูปลักษณ์ตัวเรือนภายนอก รวมทั้งกลไกการทำงานอันงดงามด้านใน ที่เผยให้เห็นบางส่วนของชุดกลไกไปพร้อมกัน
ซึ่งในปีเดียวกันนี้เอง Michel Parmigiani รุกหน้าไปอีกขั้นกับความร่วมมือระหว่างโรงงานนาฬิการะดับสูงทั้งสามในเฟลอริเยร์ ทั้ง L.U.CHOPARD Manufacture, BOVET Fleurier และ PARMIGIANI Fleurier ในการสร้างมาตราฐานสำคัญด้านความสามารถของกลไกนาฬิกากับ Fleurier Quality Foundation เพื่อมอบใบรับประกันให้กับนาฬิกา ที่สามารถผ่านมาตราฐานความเที่ยงตรง การประกอบ การใช้งานจริง และความงดงาม ให้กับนาฬิกาจากทั้งสามแบรนด์ ที่ถือเป็นมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์