ช่วงเวลากว่า 200 ปีของประวัติศาสตร์อันยาวนานของ LONGINES, Part IV
ในปี 1992 เพื่อฉลองครบรอบ 160 ของ LONGINES และ 125 ปีของการใช้แบรนด์และตราสัญลักษณ์ Mr. Nicolas G. Hayek ผู้ก่อตั้งและประธานเครือ SWATCH GROUP พร้อม Mr. Walter von Känel ประธานบริษัท LONGINES ร่วมกันเปิดพิพิธภัณฑ์ LONGINES อย่างเป็นทางการ ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัท
ปี 1997 LONGINES รังสรรค์เรือนเวลาคอลเลคชั่น Dolce Vita ซึ่งนำเสนอภาพความงามร่วมสมัยสู่ข้อมือ ที่นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มสุภาพสตรีที่มีอายุน้อย ที่หันกลับมาให้ความสนใจกับนาฬิกาลักซ์ชัวรี่แบรนด์มากขึ้น
ในปี 1999 LONGINES เริ่มใช้สโลแกน “Elegance is an attitude” ที่สื่อถึงความทุ่มเทของ LONGINES ที่มีต่อความสง่างามในทุกด้าน ซึ่งไม่เพียงจำกัดแค่รูปลักษณ์ แต่ยังสะท้อนไปถึงอุปนิสัย และกิริยามารยาทด้วยเช่นกัน
ปี 2003 LONGINES นำเสนอนาฬิกาคอลเลคชั่น Evidenza ซึ่งโดดเด่นด้วยตัวเรือนทรงตอนโน ที่ยังคงตอกย้ำถึงความสง่างาม ความมีสไตล์ และการสืบทอดรูปแบบ ธรรมเนียม รวมไปถึงวัฒนธรรมการแต่งกายในแบบคลาสสิค
ในปี 2005 ในช่วงเวลาที่กระแสความนิยมของนาฬิกาแบบกลไก กลับมาสู่ตลาดอย่างเต็มตัวอีกครั้ง LONGINES จึงนำเสนอคอลเลคชั่นที่สืบทอดวัฒนธรรม ด้านการผลิตนาฬิกาออกสู่ตลาดในชื่อ Master Collection โดยนาฬิกาทุกรุ่นในคอลเลคชั่นนี้ จะนำเสนอในแบบกลไกเท่านั้น
ปี 2007 LONGINES เปิดตัวคอลเลคชั่นนาฬิกาสปอร์ทของแบรนด์ เพื่อตอบรับความต้องการในด้านการใช้งานทางการกีฬา โดยยังคงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ความสง่างามอันเป็นหัวใจของแบรนด์ โดยคอลเลคชั่นประกอบไปด้วยนาฬิกา 4 รุ่นคือ Hydro Conquest, Conquest, Grande Vitesse และ Admiral
ในปีเดียวกัน LONGINES นำเสนอนาฬิกาใน Master Collection แบบรีโทรเกรด ที่เป็นการเติมเต็มรูปแบบและวัฒนธรรมการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิมสู่ตลาด โดยเป็นนาฬิกากลไกอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่นเรโทรเกรดถึงสี่ชุดบนหน้าปัด
และในปีนี้เองที่ LONGINES ได้รับเลือกเป็นผู้สนับสนุน และผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการ ของรายการแข่งขันเทนนิส “เฟรนช์โอเพ่น” ที่โรลังด์การ์รอส พร้อมกับรายการแข่งขันสกีอัลไพน์ที่ชาโมนิกซ์ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นบทบาท ในการเป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการในการแข่งขันกีฬาอีกครั้งของ LONGINES
ในปี 2009 LONGINES ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรี ด้วยการพัฒนารูปแบบตัวเรือน ให้ตรงกับความต้องการของเหล่าสุภาพสตรีมากยิ่งขึ้น ด้วยการแนะนำนาฬิการุ่น PrimaLuna ออกสู่ตลาด โดยเป็นนาฬิการุ่นที่ออกแบบมา สำหรับคุณสุภาพสตรีโดยเฉพาะ
ปี 2010 LONGINES เผยโฉมกลไกโครโนกราฟแบบคอลัมน์วีลรุ่นใหม่ในรหัสคาลิเบอร์ L688 ซึ่งเป็นกลไกอัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นสำหรับ LONGINES โดยจะนำไปติดตั้งในกับนาฬิกาในคอลเลคชั่น Saint-Imier ที่จะเปิดตัวในปี 2012
ในปี 2011 LONGINES เปิดตัวนาฬิกาใน Master Collection รุ่น Retrograde Moonphase ซึ่งใช้กลไกคาลิเบอร์ L707 ที่พัฒนาและผลิตสำหรับ LONGINES โดยเฉพาะ โดยมี 4 ฟังก์ชั่นที่แสดงค่าโดยเข็มแบบเรโทรเกรดทั้งการแสดงวัน แสดงวันที่ แสดงวินาที และแสดงเวลา 24 ชั่วโมง พร้อมหน้าต่างแสดงมูนเฟส
ในปีเดียวกัน LONGINES ลงนามในสัญญาการเป็นพันธมิตรระยะยาวกับ France Gallop ซึ่ง LONGINES จะได้รับสิทธิพิเศษเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันม้ารายการ Prix de Diane พร้อมเป็นผู้จับเวลาการแข่งขันอย่างเป็นทางการ และทำให้ LONGINES เป็นผู้จับเวลาการแข่งขันรายการต่างๆ ต่อมาอีกกว่า 40 รายการ
ปี 2012 LONGINES เผยโฉมคอลเลคชั่น Saint-Imier เพื่อเป็นการระลึกถึงแหล่งที่มา ที่เป็นจุดเริ่มต้นของ LONGINES จนถึงปัจจุบัน โดยนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้ จะใช้เฉพาะกลไกระดับสูงเท่านั้น เพื่อแสดงถึงปรัชญาในการผลิตอันยาวนานของแบรนด์ ที่มีทั้งความสง่างาม คุณภาพ และความเที่ยงตรง
และในปีเดียวกัน LONGINES เปิดตัวกลไกคาลิเบอร์ L788 ที่มีชุดกลไกคอลัมน์วีลเป็นองค์ประกอบ ในแบบโมโนพุชเชอร์ที่ผนวกอยู่ในเม็ดมะยม โดยกลไกชุดนี้พัฒนาต่อเนื่องมาจากกลไกคาลิเบอร์ 13.33Z ที่ใช้กับนาฬิกาสำหรับนักบินรุ่น Type A-7 ที่มีการจัดวางองศาหน้าปัดอย่างแปลกตาสำหรับใช้ด้านการบิน