The rise of Colllection Calatrava from PATEK PHILIPPE
ปี 1932 ถือเป็นช่วงเวลาอันยากลำบากสำหรับ PATEK PHILIPPE และเป็นช่วงเวลาการมาถึงของ Jean และ Charles Henri Stern ในฐานะหุ้นส่วนของบริษัท โดยพี่น้อง Stern มีฐานะเป็นซัพพลายเออร์ของ PATEK PHILIPPE ในเวลานั้นก่อนอยู่แล้ว ซึ่งก็คือ Fabrique de Cadrans Stern Fréres ที่ตั้งอยู่ในเจนีวา และพวกเขาก็พิสูจน์ว่าสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างประสบความสำเร็จ แม้ในช่วงเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้พวกเขาเป็นผู้ตัวเลือกที่ดีที่สุดในการเป็นผู้บริหาร PATEK PHILIPPE ในช่วงเวลานั้น
หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงช่วงแรก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ก็คือการลงทุนในเครื่องมือการผลิตใหม่ๆ เนื่องจาก Stern ต้องการมุ่งเน้นไปที่คุณภาพ และยกเลิกขั้นตอนการผลิตที่รวดเร็วแต่ด้อยคุณภาพ รวมทั้งพัฒนากระบวนการผลิตที่ดีเลิศ ทั้งนี้ก็เพื่อการเป็นโรงงานที่จะสามารถผลิตนาฬิกาที่ดีที่สุดในโลกได้ และยังเป็นวิธีการยุติการพึ่งพาซัพพลายเออร์ต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการใช้กลไกจากผู้ผลิตอื่นอีกด้วย ในขณะเดียวกันกับการได้ตัว Jean Pfister ในฐานะผู้อำนวยการด้านเทคนิค เพื่อเริ่มต้นพัฒนากลไกอินเฮ้าส์อีกครั้ง
Ref. 96
PATEK PHILIPPE เริ่มต้นการผลิตนาฬิกาอีกครั้งภายใต้การบริหารของพี่น้อง Stern โดยมีขนาดที่บางลง และมีความหรูหรากว่าเดิม ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากแนวคิดแบบมินิมัลลิสท์ และเป็นที่มาของนาฬิกาในคอลเลคชั่น Calatrava ในปัจจุบันที่ได้รับการพัฒนา และนำเสนอออกสู่ตลาดครั้งแรกในชื่อ Ref. 96 ซึ่งในยุคนั้นนับเป็นเรื่องปกติที่จะเรียกรุ่นนาฬิกาเป็นหมายเลข พร้อมกับการระบุหมายเลขตัวเรือนและหมายเลขกลไกเท่านั้น ในขณะที่ยังไม่เคยปรากฏการเรียกใช้เป็นชื่อรุ่น หรือคอลเลคชั่นต่างๆ ดังเช่นในปัจจุบัน
Ref. 565
ดังนั้นปี 1932 จึงถือเป็นปีเกิดของคอลเลคชั่น Calatrava โดยเริ่มต้นจากนาฬิการุ่นแรกใน Ref. 96 กับนาฬิกาข้อมือขนาดตัวเรือน 31 มิลลิเมตร หนา 9 มิลลิเมตร ที่นับเป็นการผสมผสานงานฝีมือและศิลปกรรมเข้าด้วยกัน โดยใช้แนวคิด “รูปแบบตามหน้าที่” และ “น้อยแต่มาก” ตามสไตล์บาเฮ้าส์ ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า นาฬิกาที่ดีควรมีลักษณะอย่างไร และจะยังคงดูดีได้ตลอดไป โดยมีจุดเด่นที่ฝาด้านหลังแบบสแน็ป-ออน โดยเป็นแบบฝาหลังเรียบขัดลาย และประกบแนบเข้ากับตัวเรือนได้ดี
Ref. 570
ในปี 1934 PATEK PHILIPPE มีการเปิดตัวนาฬิกาใน Ref. ใหม่สองรุ่นต่อมานั่นคือ Ref. 570 และ Ref. 565 กับนาฬิกาที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่ขึ้นที่ 35.5 มิลลิเมตร โดย Ref. 570 จะเป็นนาฬิกาในตัวเรือนที่ผลิตจากสตีล ซึ่งนาฬิกาส่วนใหญ่ในขณะนั้น มักจะมีตัวเรือนเป็นวัสดุมีค่าอย่างเช่น เยลโลว์โกลด์ ไวท์โกลด์ หรือพิ๊งค์โกลด์ รวมทั้งแพลทตินั่ม และยังมีทั้งในรูปแบบการแสดงเวลาวินาทีกลางหน้าปัด หรือเป็นแบบแสดงในวงวินาทีขนาดเล็กที่บริเวณตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งนับเป็นยุคแรกๆ ของนาฬิกาในคอลเลคชั่นนี้
Ref. 565
ส่วนนาฬิกา PATEK PHILIPPE ใน Ref. 565 จะมีความคล้ายคลึงกันในด้านการออกแบบ แต่มีความเป็นนาฬิกาสปอร์ตและมีความเป็นเหลี่ยมสันมากกว่า ซึ่งเป็นหนึ่งในนาฬิกาจาก PATEK PHILIPPE รุ่นแรกๆ ที่ผลิตตัวเรือนขึ้นจากวัสดุสตีล โดยมีฝาหลังเป็นแบบขันเกลียว ที่ทำให้ตัวนาฬิกามีความสามารถในการกันน้ำได้ด้วย ซึ่งมีการผลิตหน้าปัดในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบตัวเลขบริเกต์แสดงชั่วโมง หรือหน้าปัดแบบสีทูโทน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นนาฬิกาที่นักสะสมให้ความสนใจ และเลือกเก็บไว้ในคอลเลคชั่น
Ref. 565
ในปี 1953 กับนาฬิกาใน Ref. 2526 ที่ถือได้ว่าเป็นนาฬิกายุคใหม่ของ PATEK PHILIPPE ที่รวมการพัฒนาและปรับปรุงด้านเทคนิค ของกลไกที่สำคัญสามประการไว้ด้วยกัน ทั้งบาลานซ์วีลแบบไจโรแมกซ์ กลไกอัตโนมัติกับโรเตอร์ทองคำ และระบบการกันน้ำอันเนื่องมาจากการใช้สกรูว์ด้านหลัง ภายใต้การทำงานของ Jean Pfister ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของ PATEK PHILIPPE โดยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์นี้คือ 12-600AT ซึ่ง AT เป็นอักษรย่อของคำในภาษาอังกฤษว่า AUTOMATIC ซึ่งก็คือกลไกอัตโนมัตินั่นเอง
Ref. 2526
ต่อมาคือในปี 1973 กับนาฬิกาใน Ref. 3520 ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในสไตล์ของนาฬิกาในคอลเลคชั่น Calatrava นั่นก็คือขอบเบเซิลแบบคลูเดอปาคีส์ (Clous de Paris) หรือที่เรียกกันว่าขอบเบเซิลแบบฮอบเนล โดยคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์นี้ ยังถูกนำไปใช้ในนาฬิกายุคต่อๆ มาอีกหลายรุ่นเช่นใน Ref. 3939, Ref. 5116 และ Ref. 5119 รวมไปถึงในหลายชิ้นส่วนของนาฬิการุ่นกลไกสลับซับซ้อนเช่นใน Ref. 5531 ที่เป็นนาฬิกากลไกมินิทรีพีทเตอร์เวริล์ดไทม์ หรือแม้กระทั่งในนาฬิการุ่นสูงสุดอย่าง Ref. 6300 ในปัจจุบันอีกด้วย
Ref. 3520
Ref. 5119
Ref. 6300G
ในปี 1989 กับนาฬิกาใน Ref. 3960 ที่เปิดตัวสำหรับช่วงการฉลองครบรอบ 150 ปีพร้อมกับกลไกในตำนานอย่างคาลิเบอร์ 89 โดยนาฬิกาใน Ref. 3960 ถือเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกในตัวเรือนแบบออฟฟิเซอร์ โดยมีขาตัวเรือนที่โดดเด่นพร้อมสกรูว์ขันเข้ากับสายหนัง และใช้กลไกจากนาฬิกาพกขนาดเล็ก ที่ถูกดัดแปลงใช้เป็นกลไกสำหรับนาฬิกาข้อมือ อย่างไรก็ตามไม่ได้มีการบันทึกถึงขนาดของนาฬิกาพก แต่สำหรับนาฬิกาใน Ref. 3960 นี้จะมีขนาดตัวเรือนค่อนข้างเล็กที่ 33 มิลลิเมตร และความหนาที่ 8 มิลลิเมตรเท่านั้น
Ref. 3960
ปี 1991 กับนาฬิกาใน Ref. 5000 ที่มีการออกแบบหน้าปัดที่แตกต่าง โดยแสดงวงวินาทีที่ 4 นาฬิกา และทำให้นาฬิกา Ref. นี้กลายเป็นที่นิยมของนักสะสมนาฬิกา PATEK PHILIPPE ในทันที นอกจากนี้ยังใช้กลไกคาลิเบอร์ 240 ที่มีขนาดบางเป็นพิเศษจากการทำงานด้วยไมโครโรเตอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนาฬิกาไม่กี่เรือนในคอลเลคชั่น Calatrava เท่านั้นที่จะใช้ โดยถูกใช้เป็นครั้งแรกในนาฬิกาคอลเลคชั่น Golden Ellipse
Ref. 5000G
และในปี 2004 กับนาฬิกาใน Ref. 5196 ที่นับเวลาได้ 72 ปีหลังจากการเปิดตัวนาฬิกาใน Ref. 96 โดย PATEK PHILIPPE เลือกใช้รูปแบบที่ใกล้เคียงที่สุดกับนาฬิกาในยุคเริ่มต้นทั้งหลาย โดยการเปิดตัวในวัสดุหลากหลายทั้งไวท์โกลด์ โรสโกลด์ เยลโลว์โกลด์ และแพลทตินั่ม ในขนาดตัวเรือน 37 มิลลิเมตร และหนา 7.68 มิลลิเมตร ซึ่งในปัจจุบัน PATEK PHILIPPE ยังคงนำเสนอนาฬิกาในคอลเลคชั่น Calatrava มากถึงกว่า 20 รุ่นทั้งสำหรับคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย รวมไปถึงนาฬิกาตัวเรือนสตีลรุ่นใหม่ล่าสุดใน Ref. 5212 อีกด้วย
Ref. 5196P
Ref. 5212