James Bond 007 and OMEGA Seasmaster
ภาพยนตร์ James Bond 007 ตอนใหม่ล่าสุด No Time to Die เลื่อนกำหนดฉายทั่วไลกไปถึงช่วงปลายปีนี้ ฉะนั้นวันนี้ IAMWATCH จึงขอทบทวนเรือนเวลา OMEGA Seamaster ในอดีตหลายรุ่นที่จารชน James Bond เคยฝากชีวิตไว้มากมายหลายตอน ตลอดเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมา
GOLDENEYE (1995) กับ OMEGA Seamaster Quartz Professional Diver 300M
นาฬิกาเรือนนี้ถือเป็นปฐมบทเรื่องราวระหว่าง James Bond กับ OMEGA โดดเด่นในฉากขณะที่จารชน 007 ติดอยู่ในรถไฟหุ้มเกราะ ของเหล่าร้ายที่จวนจะระเบิดในไม่กี่วินาที และสายลับอังกฤษได้ใช้เลเซอร์ที่ติดตั้งบริเวณขอบตัวเรือนนาฬิกา ในการยิงตัดแผ่นเหล็กจนเปิดช่องให้หลบหนีออกไปได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด
TOMORROW NEVER DIES (1997) กับ OMEGA Seamaster Professional Diver 300M
นาฬิกาเรือนนี้ร่วมอยู่ในการผจญภัยครั้งที่ 2 ของ Pierce Brosnan ในฐานะ James Bond ซึ่งสวมใส่เรือนเวลากลไกอัตโนมัติที่มีมาตราฐานโครโนมิเตอร์อันเลื่องชื่อ ซึ่งในภาพยนตร์ เรือนเวลาดังกล่าวยังได้รับการติดตั้งเครื่องจุดระเบิดระยะไกลที่สามารถถอดออกเป็นสองส่วนได้อีกด้วย
THE WORLD IS NOT ENOUGH (1999) กับ OMEGA Seamaster Professional Diver 300M
เมื่อ James Bond พบกับภาวะหิมะถล่ม สิ่งที่ช่วยให้รอดชีวิตได้ก็คือสกีแจ็คเก็ต ที่สามารถพองออกเป็นบอลชูชีพ ในขณะที่แสงไฟแอลอีดีจากนาฬิกา OMEGA จะช่วยประคองสติของจารชน ท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุม นอกจากนั้น ในขณะที่ติดอยู่บริเวณบ่อตรวจสภาพระเบิดนิวเคลียร์ในบังเกอร์ จารชนรายนี้ยังได้ใช้ตะขอสลิงขนาดจิ๋ว ที่ทำงานด้วยการกดปุ่มตรงฮีเลียมวาล์วเพื่อช่วยชีวิตอีกด้วย
DIE ANOTHER DAY (2002) กับ OMEGA Seamaster Professional Diver 300M
Bond ใช้งานเรือนเวลา Seamaster ที่ได้รับการเสริมเขี้ยวเล็บพิเศษให้ใช้งานได้ถึง 2 แบบ นั่นก็คือเข็มจุดชนวนระเบิด ที่ถูกใส่มาแทนที่ฮีเลียมวาล์ว ซึ่งทำงานด้วยการหมุนขอบตัวเรือน และเลเซอร์ที่ยิงออกมาได้ จากเม็ดมะยมที่ทำงานด้วยการกดลงบนหน้าปัด
CASINO ROYALE (2006) กับ OMEGA Seamaster Diver 300M และ Seamaster Planet Ocean 600M
Seamaster เป็นนาฬิกาที่ Bond ใส่ในฉากที่เป็นการพบกันครั้งแรกอันโด่งดังระหว่าง James Bond กับ Vesper Lynd บนรถไฟ โดยเรือนเวลารุ่นนี้ได้รับการปรับปรุง ให้มีความวิจิตรกว่านาฬิการุ่นก่อนๆ ด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินชวนมอง จนสะกดสายตาของ Vesper ที่ให้คำจำกัดความสั้นๆ แต่กระชับถึงเรือนเวลารุ่นนี้ว่า “งามจับใจ” นอกจากนี้ยังมีนาฬิการุ่น Seamaster Planet Ocean ที่ Daniel Craig สวมใส่ในหลายฉากอีกด้วย
QUANTUM OF SOLACE (2008) กับ OMEGA Seamaster Planet Ocean 600M
เรือนเวลานำสมัยรุ่นนี้อยู่บนข้อมือของ Bond บนรถ Aston Martin DBS ระหว่างการไล่ล่าสุดระห่ำ ไปตามแนวชายฝั่งทะเลสาบการ์ดาในฉากเปิด หน้าปัดและขอบตัวเรือนสีดำให้ทั้งความคลาสสิคและมีระดับ โดย Seamaster Planet Ocean รุ่นนี้ได้รับการปรับโฉมให้บางกว่านาฬิกาของ Bond แบบดั้งเดิมลงอีกเล็กน้อย
SKYFALL (2012) กับ OMEGA Seamaster Planet Ocean 600M และ Seamaster Aqua Terra
ท่ามกลางฉากต่อสู้ที่อัดแน่นของ Bond ในภาคนี้ นาฬิกา Seamaster Planet Ocean รุ่นนี้ได้เป็นส่วนหนึ่งในหลายฉากที่เป็นที่จดจำมากที่สุด ซึ่งรวมไปถึงฉากการขับมอเตอร์ไซด์ไล่ล่าสุดระทึกบนถนนในอิสตันบูล นอกจากนี้ยังมี Seamaster Aqua Terra ที่มาพร้อมหน้าปัดแบบลายริ้วสีน้ำเงินสวยงาม
SPECTRE (2015) กับ OMEGA Seamaster Aqua Terra และ Seamaster 300
เรือนเวลาที่งดงามแบบคลาสสิคและทนทาน ที่ฉายให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ระหว่าง OMEGA กับโลกแห่งท้องทะเลที่มีมาอย่างยาวนาน จึงนับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด กับจารชนที่มีพื้นเพเป็นนายทหารในราชนาวี ด้วยหน้าปัดแบบซันบรัชสีน้ำเงินเคลือบแลคเกอร์ นอกจากนี้ยังมี Seamaster 300 ที่นอกจากจะเป็นเรือนเวลาสำหรับ 007 รุ่นแรกที่มาพร้อมกับสายแบบนาโต้แล้ว นาฬิกาเรือนนี้ยังมีรายละเอียดอื่นๆ ที่น่าสนใจอีก อาทิ เข็มวินาทีทรงโลลิป๊อป ขอบตัวเรือนแสดงจีเอ็มทีที่สามารถหมุนได้ทั้งสองทิศทาง ซึ่งในภาพยนตร์ นาฬิกาเรือนนี้ มีการบรรจุระเบิดไว้ภายใน ซึ่งช่วยให้ Bond สามารถรอดจากสถานการณ์อันยากลำบากได้