The history of SCHWARZ ETIENNE
ในปี 1902 Paul Arthur Schwarz และภรรยาของเขา Olga Etienne ตั้งโรงงานผลิตนาฬิกาด้วยชื่อของทั้งสองว่า SCHWARZ ETIENNE (ชวาร์ซ เอเตียน) อยู่ในเขตลาโชซ์-เดอ-ฟองซ์ใกล้กับนูเชอเทล โดยผลิตชิ้นส่วนกลไกในรูปแบบต่างๆ ให้กับแบรนด์กลไกอื่นๆ ทั้ง VENUS, ALPHA, SULTANA LE PHARE และ ASTIN ซึ่งต่างก็นับเป็นกลไกชื่อดัง ที่ผู้คนในยุคนั้นต่างก็รู้จักกันดี
ชื่อเสียงของ SCHWARZ ETIENNE ต่างก็เป็นที่เลื่องลือในวงการผู้ผลิตกลไก โดยมีแบรนด์นาฬิกาที่เลือกใช้กลไกของ SCHWARZ ETIENNE เองทั้ง CHANEL, DUNHILL, MAUBOUSSIN และ CARAN D’ACHE โดย SCHWARZ ETIENNE ไม่ได้เป็นเพียงแค่โรงงานที่ประสบความสำเร็จ ในการผลิตกลไกชั้นเลิศสู่ตลาด แต่ยังเป็นผู้วางมาตรฐานการผลิตกลไกชั้นดีเหล่านี้ ให้กับวงการนาฬิกาสวิสอีกด้วย
ในปี 1940 กิจการทั้งหมดถูกส่งผ่านให้กับลูกชายของทั้งสอง พร้อมการขยายกิจการอย่างต่อเนื่องสู่ตลาดยุโรป ตลาดเอเชีย และตลาดตะวันออกกลาง โดยในช่วงปี 1960s ถือเป็นช่วงที่กิจการเติบโตขั้นสูงสุด พร้อมกับลูกค้าระดับสูงในตลาดโลก ทั้งจากทางสำนักวาติกัน รวมไปถึง Leonid Brezhnev ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นประธานธิบดีของสหภาพโซเวียตอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม จากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับวงการนาฬิกาสวิส จากวิกฤตในช่วงปี 1970s จนถึง 1980s โรงงานจึงเบนเข็มกลับมาผลิตกลไกพื้นฐานตามความถนัดในปี 1985 โดยในช่วงนี้ SCHWARZ ETIENNE มีพัฒนาการของกลไกในรูปแบบของตัวเอง ภายใต้ความหลากหลายของกลไกต่างๆ ซึ่งทำให้กลายเป็นผู้ผลิตที่มีความสามารถในหลากหลายทิศทาง
ต่อมาในปี 2007 Raffaello Radicchi จาก Radicchi Horlogerie Group เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ SCHWARZ ETIENNE และผนวกแบรนด์เข้าอยู่ภายใต้กลุ่ม เพื่อสร้างให้แบรนด์นาฬิกา SCHWARZ ETIENNE เป็นนาฬิการะดับสูงที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่น พร้อมกับชื่อเสียงที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน รวมกับความสามารถทางด้านการตลาดของกลุ่ม ที่พร้อมจะผลักดันให้แบรนด์ออกสู่ตลาดโลกอย่างแข็งแกร่ง
จากคอลเลคชั่นนาฬิกาทั้งหมดของ SCHWARZ ETIENNE จะเห็นได้ถึงความกลมกลืนกัน ของศาสตร์และศิลป์ของวัฒนธรรมการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิม กับความทันสมัยของเทคโนโลยีการผลิต รวมไปถึงการออกแบบที่มีสไตล์ที่แตกต่าง เพื่อให้ SCHWARZ ETIENNE เป็นนาฬิกาที่สามารถสร้างความแตกต่างบนข้อมือได้ตั้งแต่แรกเห็น รวมไปถึงความภูมิใจของผู้เป็นเจ้าของทุกคน
SCHWARZ ETIENNE แบ่งเป็น 5 คอลเลคชั่นที่ต่างก็มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ทั้ง La Chaux-de-Fonds ที่เป็นคอลเลคชั่นนาฬิการะดับสูง ตั้งชื่อตามที่ตั้งของโรงงานตั้งแต่ยุคเริ่มต้น, Roswell คอลเลคชั่นที่มีที่มาจากความพิศวงของรอสเวล กับความลับของมนุษย์ต่างดาว, Roma คอลเลคชั่นแนวเดรสพร้อมกลไกคอมพลิเคชั่นแนวคลาสสิค, Fiji นาฬิกาแนวเดรสแบบยูนิเซ็กส์ที่โดดเด่นจากวงแสดงวินาที และ Special Editions คอลเลคชั่นที่เปิดกว้างเพื่อแสดงรูปแบบ และความสามารถอันหลากหลายอันโดดเด่นของแบรนด์ โดยนาฬิกาทั้งหมดในทุกคอลเลคชั่น จะมีการผลิตในจำนวนที่จำกัดทั้งสิ้น