Factory Visit to SEIKO GROUP, Part II
SEIKO Instrument Incorporation (SII) หรือที่เรียกกันว่าโรงงาน SEIKO โมริโอกะ ตั้งอยู่ในเขตชิสึกุอิชิ ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 ซึ่งเป็นการย้ายฐานการผลิตอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากมีการย้ายฐานการผลิตมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา
SII เป็นโรงงานของ SEIKO GROUP โดยเป็นฐานการผลิตของผลิตภัณฑ์ประเภทนาฬิกา กลไกนาฬิกา อุปกรณ์ที่ใช้ควอท์ซในการขับเคลื่อน เครื่องพิมพ์แบบต่างๆ เครื่องมือประเภทจักรกล รวมไปถึงอุปกรณ์ไร้สายเพื่อการติดต่อประเภทต่างๆ มากมาย
ซึ่ง SII ก็เป็นหนึ่งในโรงงานสำคัญของ SEIKO ในการผลักดันนาฬิกา GRAND SEIKO ให้มีความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ตามปรัชญาการสร้างที่มีมาตั้งแต่การนำเสนอนาฬิกา GRAND SEIKO เรือนแรกสู่ตลาดในปี 1960 เพื่อเป็นนาฬิกาที่ดีที่สุดในทุกด้าน
สำหรับในส่วนของผลิตภัณฑ์ประเภทนาฬิกา ในปี 2004 SII ได้เปิดทำการชิสึกุอิชิว็อชสตูดิโอขึ้น เพื่อส่งเสริมวิถีการผลิตนาฬิการะดับสูงเพิ่มมากขึ้น จนเป็นที่มาของแผนกวิจัยและพัฒนา รวมไปถึงสายการผลิตกลไกในคาลิเบอร์ 9S ที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน
และหนึ่งในปัจจัยสำคัญนั้นก็คือด้านความเที่ยงตรง โดย SII ถือเป็นโรงงานที่ผลิตกลไกแบบแมคคานิคทั้งหมดนั่นก็คือคาลิเบอร์ 9S ที่มีทั้งความสวยงามและความเที่ยงตรง พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งหน้าต่างแสดงวัน วันที่ หรือจีเอ็มที
ทั้งยังมีความพร้อมด้านความงดงามของเรือนนาฬิกา ทั้งจากเข็มนาฬิกาและมาร์กเกอร์ที่เงางามและโดดเด่น รวมทั้งหน้าต่างวันและวันที่ ที่มองเห็นได้ชัดเจนและจัดวางในตำแหน่งขอบสุดของหน้าปัด ที่ช่วยทำให้เรือนนาฬิกามีองค์ประกอบที่สวยงามมากขึ้น จากกลไกที่ใหญ่เต็มตัวเรือน
นอกจากนี้นาฬิกา GRAND SEIKO ยังต้องมีความโดดเด่นด้านความงดงาม อันมาจากการออกแบบที่เป็นลักษณะเฉพาะเสมอมาของ GRAND SEIKO รวมถึงการขัดแต่งแบบซารัทซึอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญ และหน้าปัดแบบสโนว์เฟลค รวมทั้งภูเขาอิวาเตะ ที่มีแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติรอบโรงงานแห่งนี้
โดยสำหรับเรื่องของกลไกนั้น SII มีการพัฒนาชิ้นส่วนสำคัญสำหรับกลไกอย่างต่อเนื่อง ชิ้นส่วนสำคัญชิ้นหนึ่งคือบาลานซ์สปริง ที่ทาง SEIKO เรียกว่าสปรอน (Spron) ที่มีการสาธิตการดึงสปริงออกจากวงบาลานซ์ในระยะเท่ากัน โดยเทียบให้เห็นระหว่างสปริงทั่วๆ ไปและสปรอน ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยสปรอนรหัส 530 จะใช้สำหรับเมนสปริง และสปรอนรหัส 610 จะใช้สำหรับบาลานซ์สปริง
และอีกเทคโนโลยีอันโดดเด่นจาก SII แห่งนี้ ก็คือเมมส์ (MEMS - Micro Elctro Mechanical System) ที่มาจากการสร้างให้พาเล็ทฟอร์ค และเอสเคปเม้นท์วีล มีรูปแบบที่เหมาะสมกับการทำงานมากขึ้น ทั้งช่องว่างของแต่ละซี่สำหรับการกักเก็บน้ำมันหล่อลื่น และรูปทรงที่เข้าเหลี่ยมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ อันจะเป็นผลต่อเนื่องในการทำให้เกิดประสิทธิภาพที่สูงขึ้น แม้กลไกจะต้องทำงานที่ความเร็วในระดับไฮบีทก็ตาม
นอกจากนี้กลไกในคาลิเบอร์ 9S6 ที่ทำงานด้วยความถี่ 28,800 รอบต่อชั่วโมง พร้อมพลังสำรองลานนาน 72 ชั่วโมง ก็มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันกลไกที่อยู่ในสายการผลิต มีตั้งแต่กลไกไขลานคาลิเบอร์ 9S64 แบบสามเข็ม, กลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 9S31 แบบสามเข็ม, กลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 9S65 แบบสามเข็มพร้อมจานดิสก์แสดงวันที่, กลไกคาลิเบอร์ 9S68 พร้อมจานดิสก์แสดงวันที่ขนาดใหญ่ และกลไกคาลิเบอร์ 9S66 พร้อมเข็มแสดงเวลาจีเอ็มที
พร้อมกันนั้นยังมีสายการผลิตกลไกคาลิเบอร์ 9S8 ไฮบีท ที่ทำงานด้วยความถี่ 36,600 รอบต่อชั่วโมง พร้อมพลังสำรองลานนาน 55 ชั่วโมง ประกอบด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 9S85 แบบสามเข็มพร้อมจานดิสก์แสดงวันที่ และกลไกคาลิเบอร์ 9S86 พร้อมเข็มแสดงเวลาจีเอ็มที
ดังนั้น SII จึงถือเป็นโรงงานสำคัญของ SEIKO GROUP และนาฬิกา GRAND SEIKO ที่ถูกนำเสนอออกสู่ตลาดทั่วโลก กับภาพลักษณ์ส่วนหนึ่งของนาฬิกาแบบกลไก ทั้งแบบไขลานและแบบอัตโนมัติ รวมถึงการทำงานในระดับความถี่ 28,800 รอบต่อชั่วโมง (ที่หน้าปัดจะแสดงกำกับว่า Automatic) และการทำงานในระดับความถี่ 36,000 รอบต่อชั่วโมง (ที่หน้าปัดจะแสดงกำกับว่า Automatic Hi-Beat 36000) ที่นับว่ามีประวัติการพัฒนาการที่ยาวนานแบรนด์หนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับนาฬิกาจากทางฟากยุโรป
กรุณาติดตามบทความตอนต่อไปในเดือนกุมภาพันธ์