SPEAKE-MARIN Spirit
บางบริบทที่จะทำให้เชื่อได้ว่า Speake-Marin จะกลายเป็นองค์กรผู้ผลิตนาฬิกาซึ่งยืนยงและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างเข้มแข็งอย่างมั่นคงต่อไปในอนาคตเคียงบ่าเคียงไหล่กับแบรนด์ใหญ่ๆ ทั้งหลายในวันนี้ที่มีประวัติศาสตร์ยืนยาวมากว่าร้อยๆ ปี
ในภาพเป็นการแสดงให้เห็นถึงบรรดาแผ่นหน้าปัดแบบอีนาเมลของนาฬิกา Speake-Marin ที่กำลังถูกเผาอยู่ในเตา ณ อุณหภูมิประมาณ 800 องศา ในขั้นตอนนี้บรรดาแผ่นหน้าปัดยังห่างไกลจากความราบเรียบโดยกำลังเป็นการให้ความร้อนบนชั้นแรกของอีนาเมล ซึ่งกระบวนการเช่นนี้จะถูกกระทำซ้ำมากกว่า 6 ครั้งเป็นต้นไปเพื่อให้ได้แผ่นหน้าปัดแบบอีนาเมลอันสมบูรณ์แบบและถูกนำไปใช้ได้จริงต่อไป
ภาพนี้เป็นการแสดงการพิมพ์ตัวเลขแบบโรมันสีดำในสไตล์ของ Speake-Marin ลงบนแผ่นหน้าปัดแบบอีนาเมลสีขาวที่ต้องถูกอบในความร้อนถึงระดับ 600 องศา เพื่อป้องกันไม่ให้สีดำจากการพิมพ์ถูกหลอมเข้าไปในเนื้ออีนาเมลสีขาวด้วย ซึ่งตามธรรมชาติของหน้าปัดอีนาเมลที่ผลิตขึ้นเสร็จแล้ว มักจะมีจุดตำหนิเล็กน้อยอยู่ด้วยเสมอ ซึ่งรายละเอียดเล็กๆ เหล่านี้เองที่เป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์สำคัญอย่างหนึ่งในศิลปะการผลิตหน้าปัดด้วยมือ และนี่คือการผลิตในกรรมวิธีเดียวกันกับบรรดาหน้าปัดนาฬิกาที่ถูกผลิตขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน
นาฬิการุ่นนี้คือ Vertical Double Majester Tourbillon ในตัวเรือนเรดโกลด์ที่มีการผลิตขึ้นมาในจำนวนเพียงไม่กี่เรือน ทั้งหมดใช้หน้าปัดอีนาเมลและเข็มบลูด์สตีลในลักษณะเดียวกัน แม้จะใช้ตัวเรือนที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 46 มิลลิเมตร แต่เมื่อวางทาบไปบนข้อมือก็จะพบกับความพอเหมาะและความประทับใจได้ในทันทีด้วยลักษณะแห่งศิลปะเรือนเวลาแสนคลาสสิกรูปแบบสบายตาที่มีความโดดเด่นเป็นที่สุด แม้แต่ตัวผมเองที่หลงใหลในนาฬิกา Resilience ในขนาดแบบดั้งเดิมของผม ก็ยังหลงรักนาฬิการุ่นนี้เป็นอย่างยิ่งอีกด้วยเหมือนกันเรือนแบบพิคคาดิลลี่อันแสนคลาสสิกเหนือกาลเวลา
The Foundation Watch แม่บทแห่งคอลเลคชั่นนาฬิกาต่างๆ ของ Speake-Marin ที่สร้างขึ้นในปี 1998 จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 2000 โดยนาฬิกาเรือนนี้คือจุดเริ่มต้นของรูปแบบและดีไซน์ของ Speake-Marin และมีอิทธิพลกับคอลเลคชั่นต่างๆ ในเวลาต่อมา
เครื่องมือท็อปปิ้งทูลของนักประดิษฐ์นาฬิกาคือ เครื่องจักรที่สร้างขึ้นสำหรับสร้างและแต่งร่องฟันของเฟืองจักรที่ใช้กับกลไกนาฬิกา ลักษณะของเครื่องจักรชิ้นนี้เป็นที่มาของรูปแบบการดีไซน์กรงตูร์บิยองและต่อมาก็นำมาออกแบบเป็นโลโก้สัญลักษณ์ของ Speake-Marin ด้วย โดยในปัจจุบันช่างนาฬิกาหลายคนก็ยังคงใช้เครื่องมือชนิดนี้ในกระบวนการผลิตนาฬิกาอยู่
นาฬิกาคลาสสิกรุ่น Resilience ในตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตร ที่มาพร้อมกับการประดับเพชรบาแก็ทน้ำหนักรวม 2 กะรัตบนขอบตัวเรือน และเสริมความงดงามลงตัวด้วยการประดับเพชรบนเม็ดมะยม เป็นการผสมผสานอย่างเรียบง่ายแต่จะคงอยู่ได้ตลอดไปเช่นเดียวกับความคงทนของเพชร ซึ่งเป็นความรู้สึกที่สอดคล้องถึงความเหมาะสมกันระหว่างเพชรกับนาฬิกา โดยเป็นการผสานธรรมชาติความงดงามคงทนอันเป็นอมตะของเพชรเข้ากับหน้าปัดอีนาเมลของนาฬิกา