UR-230 ‘Black Star’

URWERK ปิดท้ายปีด้วยนาฬิกาในโทนสีดำสนิท กับผลงานรุ่นใหม่ล่าสุด UR-230 ‘Black Star’ นาฬิกาที่ไม่ได้ตามหาแสง หากแต่ดูดกลืนและโอบรับแสงไว้ทั้งหมด ก่อนจะสะท้อนกลับออกมา ในแบบฉบับของตัวเองที่มีเอกลักษณ์ หลังจากการเผยผลงานในผิวสัมผัสแบบดิบดุของ Carbon CTP ในรุ่น ‘Eagle’ และความขาวสบายตาจากแร่ธาตุเซรามิคในรุ่น ‘Polaris’ สู่ ‘Black Star’ ที่ทำหน้าที่ปิดฉากบทสุดท้ายของคอลเลกชั่น 230 ด้วยอารมณ์แห่งห้วงจักรวาล ที่ทั้งมืดมิดและเคว้งคว้าง คล้ายสนามแรงโน้มถ่วงที่ดูดกลืนแสงไว้ทั้งหมด

 

Screenshot 2568 12 16 at 20.55.43

 

UR-230 “Black Star” ยังโดดเด่นในหลายมิติ โดยเริ่มจากโครงสร้างของกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ UR-7.30 ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเวลา และบรรจุอยู่ในโครงไทเทเนียมแบบปิดผนึกแน่นหนา ซึ่งออกแบบให้ทำหน้าที่เสมือนตู้นิรภัยเชิงกล รายล้อมด้วยตัวเรือนคอมโพสิทเซรามิก และฝาหลังไทเทเนียมดีแอลซีสีดำ ซึ่งประกอบกันเป็นเกราะนอกของ UR-230 “ผมหลงใหลในความงามของเซรามิค ทั้งเส้นสายที่คมชัดและความราบเรียบ จากวัสดุที่แข็งแรง แวววาว และสวยงาม แต่ก็เปราะบางในที เพียงกระแทกครั้งเดียวก็อาจแตกได้”

 

Screenshot 2568 12 16 at 20.53.38

 

“แต่ผมก็ไม่ต้องการตัดตัวเลือกนี้ทิ้ง” Felix Baumgartner ช่างนาฬิกาและผู้ร่วมก่อตั้ง URWERK อธิบาย และยังกล่าวถึงต่อไปว่า “เราจึงต้องหาวิธีที่จะทำให้ความตั้งใจนี้เกิดขึ้นได้จริง โดยไม่ลดทอนสิ่งใดลงเลย” จนเกิดเป็น UR-230 ‘Black Star’ ที่มาพร้อมตัวเรือนประสิทธิภาพสูง ผลิตจากคอมโพสิทเซรามิกลามิเนท ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ URWERK โดยประกอบด้วยชั้นเซรามิกถักทอ ผสานกับไฟเบอร์กลาสและคาร์บอนไฟเบอร์ซึ่งทั้งหมดจะหลอมรวมอยู่ในโพลีเมอร์แมททริค (Polymer Matrix) ร่วมกันอย่างประณีต

 

Screenshot 2568 12 16 at 20.53.50

 

โดยเมื่อผ่านกระบวนการขึ้นรูปแล้ว เซรามิคชนิดพิเศษนี้ก็จะเผยผิวสัมผัสแวววาวมีมิติ บนพื้นผิวเรียบเนียนเพื่อแต่งเติมและจุดประกาย จนก่อให้เกิดลวดลายสีดำลึก อันมีชีวิตชีวาราวกับเรืองแสงได้ ในแบบของความมืดที่มีชีวิต “หากโพลาริส (Polaris) เปรียบเสมือนแสงนำทางของดาวเหนือแล้ว Black Star ก็จะเป็นสัญลักษณ์ของความเวิ้งว้างในจักรวาล”Martin Frei ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์และผู้ร่วมก่อตั้ง URWERK กล่าวเพิ่มเติม “เพราะความดำนี้ไม่ได้มีไว้เพื่ออำพราง แต่ยังหายใจ มีชีวิต และทำให้แสงเผยตัวขึ้นท่ามกลางเงามืด”

 

Screenshot 2568 12 16 at 20.54.11

 

“ซึ่งในทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์แล้ว ‘Black Star’ จะหมายถึงสภาวะของดาวที่กำลังยุบตัวและดูดกลืนแสงราวกับหลุมดำ แต่ก็ไม่เชิงจะเป็นเช่นกัน ดั่งเส้นแบ่งระหว่างการดำรงอยู่และการเลือนหายไป ดังนั้น ‘Black Star’ ของ URWERK จึงสะท้อนตัวตนที่ฟังดูย้อนแย้งนี้กับความดำลึกที่มีชีวิต แต่ไม่ได้ปฏิเสธแสง และยังเผยแสงนั้นผ่านม่านเงา อันเป็นประกายที่ถือกำเนิดจากศูนย์กลางแห่งจักรวาลอันมืดมิด โดยมีการโคจรของชุดกลไกอยู่ภายใน พร้อมสไตล์ที่เป็นดีเอ็นเอจาก URWERK อย่างแท้จริงในชุดกลไกแบบคอมพลิเคชั่นแซทเทิลไลท์

 

Screenshot 2568 12 16 at 20.55.31

 

ที่แสดงเวลาในแบบวานเดอร์ริ่งอาวร์ (Wandering Hours) และเข็มเรโทรเกรดแบบสามมิติ โดยมีแกนกลางเชื่อมต่อกับบล็อก สำหรับแสดงค่าชั่วโมงทรงลูกบาศก์ทั้งสามส่วน โดยบล็อกสี่ด้านจะเคลื่อนที่ผ่านแต่ละเซ็คเตอร์ในแบบ 120 องศาในระยะเวลา 60 นาที และการแสดงเวลาชั่วโมงที่ทำงานอยู่ ซึ่งกำลังเคลื่อนที่ไปตามสเกลนาที จะโคจรด้วยเข็มเรโทรเกรดแบบโปร่ง ที่คอยประกบและนำทางจากตำแหน่ง 0 ถึง 60 ซึ่งเมื่อครบถึงช่วงเวลา 60 นาทีแล้ว เข็มก็จะตีตัวกลับไปที่ตำแหน่ง 0 ในทันทีทันใด เพื่อเข้าสู่การโคจรรอบใหม่

 

UK

 

นอกจากนี้ชุดกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัตินี้ จะทำงานด้วยระบบใบพัดทรงกังหันคู่ ซึ่งพัฒนาเฉพาะสำหรันาฬิการุ่นนี้ โดยใบพัดหนึ่งจะทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกจากภายนอก ในขณะที่อีกใบพัดหนึ่งจะทำหน้าที่ ในการควบคุมการไหลเวียนของอากาศ ในชุดกลไกอัตโนมัติเสมือนเบรกอากาศพลศาสตร์ไว้ ซึ่งบริเวณฝาหลังจะมีชุดควบคุม ที่ช่วยปรับระดับการทำงานของโรเตอร์ได้ หรือแม้แต่ปิดการทำงานเพื่อสลับ ไปใช้โหมดไขลานด้วยมืออีกด้วย โดยมีมาตรแสดงในสองตำแหน่ง ซึ่งจัดวางอย่างสมมาตร ณ ตำแหน่ง 11 และ 1 นาฬิกา

 

Screenshot 2568 12 16 at 21.06.32

 

ดังนั้น URWERK UR-230 “Black Star” จึงเป็นบทสรุปของนาฬิกาในคอลเลคชั่น 230 ที่มาพร้อมเรื่องราวที่ขณะนี้ได้ปิดฉากลงแล้ว แต่อย่างไรก็ตามการผจญภัยครั้งใหม่ของ URWERK ก็กำลังรออยู่ในปี 2026 ซึ่งจนกว่าจะถึงตอนนั้น ขอให้ปีนี้ที่จะผ่านพ้นไปรวมถึงปีใหม่ ที่กำลังจะมาถึงเป็นปีที่เปี่ยมไปด้วยความสุขสำหรับทุกคน

UK11