New BE BETHUNE DB25 Perpetual Sky
DE BETHUNE ผู้ผลิตนาฬิกาอิสระเดินหน้าต่อยอดคอลเลคชั่น DB25 ด้วยการเปิดตัวเรือนเวลาฟังก์ชั่นเพอเพทชวลคาเลนดาร์ใหม่ ในขนาดตัวเรือนที่ 40 มิลลิเมตรพร้อมความโดดเด่นด้วย ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว และภาพในทางช้างเผือกที่งดงาม โดยได้รับการออกแบบให้เหมาะ กับขนาดของข้อมือที่เล็กลง แต่ยังคงรักษารหัสงานออกแบบ และนวัตกรรมเชิงเทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์ ของแบรนด์ไว้อย่างครบครัน ซึ่งการปรับสัดส่วนในครั้งนี้ เป็นการนำไปสู่การปรับโครงสร้างตัวเรือนใหม่ทั้งหมดของแบรนด์

แต่ยังคงไว้ซึ่งความชัดเจนในการอ่านค่าเวลา ความสบายขณะสวมใส่ และสมรรถนะของฟังก์ชั่นเพอเพทชวลคาเลนดาร์ ในระดับแมนูแฟคเจอร์ที่มีมาโดยตลอดของแบรนด์ ในขณะที่ดีไซน์และความสบายในการสวมใส่ ล้วนมาจากตัวเรือนของ DB25 อันเป็นเอกลักษณ์ที่ยังคงไว้ซึ่งเส้นสายอันเพรียวบาง พร้อมขาเชื่อมสายนาฬิกาทรงเอียง ที่ออกแบบอย่างประณีตเพื่อช่วย ให้สามารถสวมใส่ได้กระชับและสบายยิ่งขึ้น ในตัวเรือนที่ผลิตจากวัสดุไทเทเนียมเกรด 5 ในขนาดที่เล็กลงและน้ำหนักที่เบาเป็นพิเศษบนข้อมือ

โดยมีชุดแสดงค่าเวลาแบบเพอเพทชวลคาเลนดาร์ ที่ถูกจัดวางอยู่บนพื้นหน้าปัดที่ประดับท้องฟ้า ซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาวและภาพทางช้างเผือก จากการใช้หลายเทคนิคอันประกอบไปด้วย ชิ้นส่วนรูปวงแหวนล้อมรอบหน้าปัดย่อย และสเกลบอกนาทีสีเงิน พร้อมหน้าปัดย่อยแสดงค่าวันที่ในตำแหน่ง 6 นาฬิกา ส่วนช่องแสดงค่าวันและเดือนอยู่ที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา และ 3 นาฬิกา ซึ่งแสดงค่าเวลาได้อย่างแม่นยำผ่านเข็มนาฬิกา ที่ผลิตจากเยลโล่โกลด์พร้อมผ่านการขัดแต่งด้วยมือ จนได้ผิวเงาแวววาวราวกับกระจกตามสไตล์ของแบรนด์

ซึ่งในตำแหน่ง 12 นาฬิกา จะมีพระจันทร์ที่สร้างเป็นทรงกลม ผลิตจากแพลเลเดียมและบลูสตีล ที่ทำหน้าที่แสดงเวลาข้างขึ้น-ข้างแรมตามภาพที่ปรากฏจริงบนท้องฟ้า ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ DE BETHUNE จดสิทธิบัตรมาตั้งแต่ปี 2004 ขณะที่แผ่นดิสก์ทองด้านล่าง จะใช้แสดงรอบปีอธิกสุรทิน พร้อมงานฝีมือในภาพของท้องฟ้าพร่างพรายดวงดาว และทางช้างเผือกในแบบฉบับ DE BETHUNE เช่นกัน จากตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและภาพทางช้างเผือก ได้กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของแบรนด์

และลวดลายดังกล่าวจะถูกกำหนดขึ้น ตามพิกัดภูมิศาสตร์และวันที่เฉพาะเจาะจง ทำให้สามารถปรับแต่งหน้าปัด ที่ผลิตจากไทเทเนียมและขัดเงาอย่างประณีตได้อย่างเที่ยงตรงโดยหลังจากผ่านกระบวนการขัด และชุบน้ำเงินด้วยเทคนิคออกซิเดชั่นความร้อน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ DE BETHUNE แล้ว ช่างฝีมือก็จะฝังหมุดไวท์โกลด์แต่ละเม็ด ลงในรูที่มีขนาดต่างกันอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างภาพท้องฟ้าที่พร่างพรายดุจบทกวี โดยการเซาะเนื้อโลหะด้วยลำแสงเลเซอร์ระดับไมโครนี้ จะทำให้ภาพทางช้างเผือกค่อยๆ ปรากฏขึ้น

อย่างสวยงามก่อนจะได้รับการเติมเต็ม ในขั้นตอนสุดท้ายด้วยการปิดด้วยทองคำด้วยมือทีละส่วน และสำหรับชุดกลไกอันทันสมัยและประณีต แบบไขลานอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ DB2500 QP ไขลานด้วยมือ ก็เป็นการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบที่เวิร์กช็อปของ DE BETHUNE เองซึ่งมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และงานวิจัยนับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ เช่นเดียวกับกลไกอินเฮาส์ทั้งหมด ซึ่งโดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นเพอเพทชวลคาเลนดาร์ พร้อมชุดมูนเฟสทรงกลมที่แสดงเวลาข้างขึ้น-ข้างแรม ด้วยความแม่นยำที่จะคลาดเคลื่อน

เพียงแค่วันเดียวในรอบ 122 ปี พร้อมพลังลานจากบาร์เรลคู่แบบปรับตั้งได้เอง, บาลานซ์วีลที่ผลิตจากไทเทเนียมและไวท์โกลด์, สปริงบาลานซ์เดอบีทูนแบบปลายแบน, ซิลิคอนเอสเคปวีล รวมทั้งระบบป้องกันการกระแทกแบบสามชั้น ซึ่งด้านหลังตัวเรือนจะกรุด้วยกระจกแซฟไฟร์ เพื่อเผยให้เห็นความประณีตของกลไกได้อย่างเต็มตา ซึ่งนวัตกรรมและโซลูชั่นที่จดสิทธิบัตรเหล่านี้ จะได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่องจากฝ่ายเทคนิค เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและสมรรถนะให้สูงที่สุด จากความเชี่ยวชาญและเอกลักษณ์

ของแบรนด์ที่สามารถพัฒนาชิ้นส่วน อันเป็นองค์ประกอบของนาฬิกาทั้งหมดได้มากกว่า 330 ชิ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การประดิษฐ์ และการตกแต่งด้วยมือ ก่อนจะประกอบโดยช่างนาฬิการะดับแกรนด์คอมพลิเคชั่น ในเวิร์กช็อปนาฬิกาชั้นสูงของแบรนด์ “กลไกเพอเพทชวลคาเลนดาร์ถูกสร้าง ประดิษฐ์ และทดสอบความแม่นยำภายในโรงงานของเรา ด้วยฝีมือจากผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คน และระยะเวลาหลายชั่วโมงที่ใช้บนโต๊ะทำงาน ตามมาตรฐานที่เข้มงวดอันเป็นสิ่งพิเศษ ที่ทำให้แต่นาฬิกาละเรือนได้กลายเป็น”

“ผลงานอันทรงคุณค่า ซึ่งผมภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง” Denis Flageollet กล่าวถึงความประณีตและความซับซ้อนของนาฬิกา DB25 Perpetual Sky ที่ทำให้การผลิตนาฬิการุ่นนี้ในแต่ละปีถูกจำกัดด้วยมาตรฐานงานฝีมือของเวิร์กชอป และเพื่อมอบประสบการณ์การสวมใส่ ที่สะดวกสบายโดยตัวเรือนจะจับคู่ กับสายหนังจระเข้พร้อมชุดล็อคสายที่ผลิตจากไทเทเนียมรวมกันทั้งหมดนี้เพื่อทำให้นาฬิกาเรือนนี้ เป็นนาฬิกาที่ผู้เป็นเจ้าของได้ภาคภูมิใจ และด้วยจำนวนการผลิตเพียงน้อยนิดในแต่ละปี ความพิเศษจึงจะมีได้เฉพาะคนพิเศษเท่านั้น


