PREVIEW ROLEX'S NEW PIECES @ BASELWORLD 2012
อีกแบรนด์ที่ต้องรีบนำมาเสนอทันทีที่ทราบว่ามีอะไรใหม่ในงาน BASELWORLD 2012 ที่เริ่มเปิดให้ชมอย่างเป็นทางการวันนี้เป็นวันแรก ก็คือ ROLEX ครับ ปีนี้เค้ามีนาฬิการุ่นใหม่ที่ใหม่จริงๆ มานำเสนอให้กับแฟนๆ นั่นก็คือ Sky-Dweller ที่เป็นนาฬิการุ่นใหม่ ที่มากับฟังก์ชั่นใหม่และใช้เครื่องใหม่ เรียกว่าใหม่หมดจริงๆ พร้อมสรรพด้วยการบอกเวลาไทม์โซนที่ 2 ที่แปลกตา แถมยังเป็นแอนวลคาเลนดาร์ที่มีวิธีการบอกและการทำงานซึ่งไม่ธรรมดา ทั้งหมดถูกพัฒนาและสร้างขึ้นโดย ROLEX เอง ส่วนรุ่นที่มีอยู่แล้วก็ออกเวอร์ชั่นใหม่มาให้เชยชมกันทั้งในแบบที่ได้อัพเดทตัวเรือนใหม่อย่าง Submariner without date จนถึงแบบที่มีการออกคอมบิเนชั่นของตัวเรือนกันหน้าปัดใหม่อย่าง Yacht Master หรือ Datejust II ที่ได้ขอบตัวเรือนแบบเกลี้ยงเกลา หรือแบบที่ตกแต่งเพิ่มเติมในรุ่น Daytona, Day-Date, Day-Date II, Datejust และ Lady Datejust กับ Datejust Lady 31
Sky-Dweller
Sky-Dweller มาในตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตร โดยมีวัสดุ 3 ชนิดให้เลือก คือ ไวท์โกลด์ 18k เยลโลว์โกลด์ 18k และเอฟโรสโกลด์ 18k ขอบตัวเรือนเป็นแบบฟลุ๊ต กันน้ำได้ลึก 100 เมตร ใช้เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติแบบใหม่ซึ่ง Rolex พัฒนาและผลิตขึ้นเองทั้งหมด Calibre 9001 ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นบอกเวลาไทม์โซนที่ 2 และแอนวลคาเลนดาร์ แบบไม่ธรรมดาและไม่เหมือนใคร และแน่นอนว่าจะต้องได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC อันเป็นประเพณีปฏิบัติของ Rolex เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลไกนี้ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง มี 40 จิวเวล และมีกำลังสำรอง 72 ชั่วโมง
การบอกเวลาไทม์โซนที่สอง จะใช้จานดิสเพลย์ 24 ชั่วโมงซึ่งวางคร่อมแบบเยื้องศูนย์โดยมีศูนย์กลางอยู่ต่ำลงมาจากจุดศูนย์กลางของหน้าปัดซึ่งเปิดช่องเป็นลักษณะวงแหวนให้มองเห็นจานดิสก์นี้ได้ โดยมีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีขาวขอบสีแดงใต้โลโก้ Rolex เป็นดัชนีชี้บอกเวลา บอกปฏิทินแบบแอนนวลด้วยระบบที่ Rolex เรียกว่า Saros system ซึ่งสามารถทราบได้ด้วยตัวเองว่าแต่ละเดือนจะมี 30 หรือ 31 วัน ผ่านหน้าต่างบอกวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกาพร้อมไซคลอปขยายบนกระจกหน้าปัดซึ่งจะทำงานสัมพันธ์กับหน้าต่างสี่เหลี่ยมที่อยู่เหนือหลักชั่วโมงเลขโรมันและโลโก้ Rolex รวม 12 หลัก แทน 12 เดือน ซึ่งจะทำหน้าที่บอกเดือนปัจจุบันด้วยการขึ้นแสดงแถบสีดำ (หรือสีขาวในรุ่นตัวเรือนเอฟโรสหน้าช็อกโกแลต) อยู่ภายในช่องหน้าต่างประจำเดือนนั้นๆ !!! หน้าปัดหลักสามารถปรับตั้งเวลาได้อย่างง่ายดายโดยจะเลื่อนครั้งละ 1 ชั่วโมงแบบจัมปิ้งอาวร์พร้อมกับเข็มวินาทีที่จะหยุดนิ่งในขณะปรับตั้งเวลา ยิ่งไปกว่านั้นการตั้งเวลา เวลาไทม์โซนที่ 2 และวันที่/เดือน ยังใช้ขอบตัวเรือนที่หมุนได้แบบ 2 ทิศทางเป็นตัวหมุนปรับเลือกตำแหน่งการปรับที่มีอยู่ 3 ตำแหน่งว่าจะให้เม็ดมะยมซึ่งหมุนได้ทั้ง 2 ทิศทางเช่นกันนั้นปรับตั้งอะไร อันเป็นระบบที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนต่างๆ มากกว่า 60 ชิ้น ที่ทาง Rolex คิดค้นขึ้นโดยเรียกชื่อว่า Ring Command bezel
ในรุ่นตัวเรือนไวท์โกลด์ (Ref.326939) จะใช้หน้าปัดสีไอวอรี่ขัดซาติน สาย Oyster ทำจากไวท์โกลด์ 18k มากับ Oysterclasp พร้อมระบบปรับขยายสาย Easylink รุ่นตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ (Ref.326938) จะมากับหน้าปัดสีแชมเปญขัดซันเรย์ สาย Oyster เยลโลว์โกลด์ 18k มากับ Oysterclasp พร้อมระบบ Easylink เช่นกัน ส่วนรุ่นตัวเรือนเอฟโรสโกลด์ (Ref.326935) จะใช้หน้าปัดสีช็อกโกแลตขัดซันเรย์และมาพร้อมกับสายหนังจระเข้สีน้ำตาลพร้อมบานพับ Oysterclasp ทองคำ
Submariner
Submariner ได้ฤกษ์ออกรุ่นไม่มีวันที่รุ่นใหม่มาแทน Ref.14060M เดิม โดยได้ชื่อใหม่ว่า Ref.114060 ซึ่งได้ใช้ตัวเรือนสตีลขนาด 40 มิลลิเมตรแบบใหม่ที่เป็นแบบเดียวกับรุ่น Date ที่ออกมาก่อนแล้ว หน้าปัดเป็นสีดำเหมือนเคย แต่คราวนี้มากับขอบตัวเรือนหมุนทิศทางเดียวที่ติดตั้งแผ่นเซราโครมสีดำมาแทนแบบฟิล์มของรุ่นเดิม และสายสตีลเจเนอเรชั่นใหม่ที่มากับ Oysterlock safety clasp พร้อมระบบ Glidelock extension ที่สามารถปรับขยายเพิ่มความยาวได้ถึง 20 มิลลิเมตรโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใดๆ ซึ่งการขยายแต่ละจังหวะจะเพิ่มขึ้นอย่างละเอียดจังหวะละ 2 มิลลิเมตร จึงสามารถปรับเข้ากับข้อมือในแต่ละสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมที่สุด แทนที่ระบบ Fliplock extension link แบบรุ่นเดิม นาฬิการุ่นนี้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในยามค่ำคืนหรือสภาพแสงน้อยด้วยหลักชั่วโมงรวมถึงหลัก ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกาบนขอบตัวเรือนและเข็มทั้งสามที่แต้มโครมาไลท์ซึ่งเป็นสารเรืองแสงสีฟ้าที่เปล่งแสงได้เป็นระยะเวลานาน ฝาหลังเป็นแบบขันเกลียว เม็ดมะยมขันเกลียวระบบ Rolex Triplock ปกป้องสามชั้นพร้อมบ่าป้องกัน กันน้ำลึกได้ถึง 300 เมตร ทำงานด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติที่ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงในระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC นอกจากนี้ยังมีในแบบหลักชั่วโมงประดับเพชรให้เลือกด้วย
Yacht-Master
Yacht-Master ที่เห็นอยู่นี้เป็น Ref.116622 ซึ่งออกมาใหม่ซึ่งดูแปลกตาไปด้วยสีน้ำเงินขัดซันเรย์ของหน้าปัดที่แต่เดิมจะเห็นในตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ แต่อีกอย่างที่ใหม่ด้วยและน่าจะถูกใจใครหลายคนก็คือตัวเรือนสตีลขนาด 40 มิลลิเมตรที่ครั้งนี้มากับขอบตัวเรือนแพลตินัมทั้งชิ้นหมุนได้สองทิศทางที่มากับงานขัดเงาบนตัวเลขและสเกลสลักนูนสร้างความโดดเด่นออกมาจากงานพ่นทรายของพื้นผิว หลักชั่วโมงและเข็มแต้มด้วยสารเรืองแสงโครมาไลท์ ตัวเรือนมากับคุณสมบัติกันน้ำได้ที่ระดับ 100 เมตร เดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติที่ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC สวมใส่คู่กับสายสตีลพร้อม Oysterlock ที่มีระบบปรับขยายสาย Easylink นอกจากหน้าปัดสีน้ำเงินแล้วยังมีรุ่นหน้าปัดแพลตินัมพ่นทรายให้เลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการสีสันอีกด้วยโดยจะใช้ Reference เดียวกันแต่จะดูไม่แตกต่างจาก Ref.16622 เดิม
Cosmograph Daytona
สำหรับ Cosmograph Daytona ที่สาวๆ นิยมนำไปสวมใส่ในปัจจุบันนั้น ทาง Rolex เองก็คงจะทราบดีอยู่เช่นกัน ในปี 2012 นี้จึงได้คลอดเวอร์ชั่นประดับแผ่นแซฟไฟร์ทรงบาแกตต์หลากสีเรียงรายบนขอบตัวเรือนไล่เฉดจาก แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า ม่วง จนถึงชมพู รวมทั้งสิ้น 36 เม็ดจนกลายเป็น Daytona เวอร์ชั่นสายรุ้งมาให้เห็นกัน ตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตร กันน้ำได้ 100 เมตร นี้จะมีให้เลือกทั้งไวท์โกลด์ 18k (Ref.116599 RBOW) และเยลโลว์โกลด์ 18k (Ref.116598 RBOW) ทั้ง 2 แบบได้รับการประดับเพชรบนขาสาย บ่าปกป้องเม็ดมะยม รวมถึงหลักชั่วโมง 8 หลัก ตัวเลขนาทีที่ 15, 30 และ 45 ทำจากทองคำ 18k จับคู่กับสายวัสดุเดียวกันพร้อม Oysterlock ที่มากับระบบปรับขยายสาย Easylink เคาน์เตอร์ย่อย 3 วงที่คุ้นตาของ Daytona ในคราวนี้ทำขึ้นจากไวท์โกลด์หรือเยลโลว์โกลด์ 18k ตามวัสดุตัวเรือนโดยนำมาผ่านกรรมวิธีการทำโกลด์คริสตัลเพื่อความงดงามแปลกตาไม่เหมือนใคร ดูเด่นเป็นอย่างยิ่งบนหน้าปัดแลคเกอร์สีดำ ทั้งคู่ทำงานด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟซึ่งอ่านค่าได้ละเอียดถึง 1/8 ของวินาที และได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC เช่นเดียวกับ Daytona รุ่นอื่นๆ ในปัจจุบัน
Datejust II
และแล้วก็มาถึงการตีความใหม่ให้กับ Datejust อันแสนคุ้นตาด้วย Datejust II ใน Ref.116300 ที่มาพร้อมขอบตัวเรือนแบบเกลี้ยงเกลาในตัวเรือนสตีลขนาด 41 มิลลิเมตร คู่กับสายสตีลพร้อม Oysterclasp ที่มากับระบบปรับขยายสาย Easylink ตัวเรือนรุ่นนี้สามารถกันน้ำได้ในระดับ 100 เมตร เดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติที่ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC หน้าปัดสีเงินขัดซันเรย์ หลักชั่วโมงและเข็มทำจากไวท์โกลด์ 18k
Day-Date
เวอร์ชั่นใหม่ปี 2012 ของ Day-Date ตัวเรือนขนาด 36 มิลลิเมตรอันคุ้นตาซึ่งกันน้ำได้ที่ระดับ 100 เมตร และเดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติที่ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC นี้ ถูกแต่งเติมด้วยทับทิมหรือมรกตทรงบาแกตต์บนหลักชั่วโมง ณ ตำแหน่ง 6 กับ 9 นาฬิกา ร่วมกับหลักชั่วโมงอื่นอีก 8 หลักที่ประดับด้วยเพชร โดยมีออกมา 3 รูปแบบให้เลือกเป็นเจ้าของกัน ใน Ref.118235 ตัวเรือนเอฟโรสโกลด์ 18k ขอบหน้าปัดแบบฟลุต หน้าปัดสีช็อกโกแลตขัดซันเรย์ สาย Oyster พร้อมบานพับเอฟโรสโกลด์ 18k กับ Ref.118238 ตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ 18k ขอบหน้าปัดแบบฟลุต หน้าปัดสีดำขัดซันเรย์ สายเพรสซิเด้นท์พร้อมบานพับเยลโลว์โกลด์ 18k จะใช้บาแกตต์ทับทิม ส่วน Ref.118206 ตัวเรือนแพลตินัม ขอบหน้าปัดแบบเกลี้ยง หน้าปัดโรเดียมขัดซันเรย์ สายเพรสซิเด้นท์พร้อมบานพับแพลตินัม จะมากับบาแกตต์มรกต
Day-Date II
Day-Date II เวอร์ชั่นปี 2012 ขนาดตัวเรือน 41 มิลลิเมตร กันน้ำได้ 100 เมตร ซึ่งใหญ่กว่า Day-Date นี้มากับการประดับอัญมณีต่างๆ ในทรงบาแกตต์บนหลักชั่วโมง ณ ตำแหน่ง 6 กับ 9 นาฬิกา เช่นเดียวกับ Day-Date เวอร์ชั่นใหม่ปี 2012 ที่ได้กล่าวไปแล้ว และประดับหลักชั่วโมงที่เหลืออีก 8 หลักด้วยเพชรทรงบาแกตต์อีก 8 เม็ด มีให้เลือก 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ Ref.218349 ในตัวเรือนไวท์โกลด์ขอบตัวเรือนประดับเพชร 42 เม็ด หน้าปัดสีเงินขัดซันเรย์ ที่ใช้บาแกตต์ ณ ตำแหน่ง 6 และ 9 นาฬิกาเป็นแซฟไฟร์ทรงบาแกตต์ มาคู่กับสายเพรสซิเดนท์พร้อมบานพับไวท์โกลด์ 18k หรือตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ 18k ใน Ref.218398 BR ที่ประดับเพชรทรงบาแกตต์ 80 เม็ดบนขอบตัวเรือน หน้าปัดสีแชมเปญขัดซันเรย์ ประดับตำแหน่ง 6 กับ 9 นาฬิกาด้วยทับทิมทรงบาแกตต์ คู่กับสายเพรสซิเดนท์พร้อมบานพับเยลโลว์โกลด์ 18k และสุดท้ายกับ Ref.218235 ในตัวเรือนเอฟโรสโกลด์ 18k ขอบตัวเรือนแบบฟลุต หน้าปัดสีดำขัดซันเรย์ที่ประดับตำแหน่ง 6 กับ 9 นาฬิกาด้วยทับทิมทรงบาแกตต์ คู่กับสายเพรสซิเดนท์พร้อมบานพับเอฟโรสโกลด์ 18 k ทั้งหมดเดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติที่ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC ตามประเพณีปฎิบัติแห่ง Rolex
Datejust
มาถึง Datejust รุ่นยอดนิยมกันบ้าง เวอร์ชั่นใหม่ปี 2012 นี้นำเสนอในแบบตัวเรือนเอฟโรสโกลด์ประดับเพชร หน้าปัดและเข็มพิงค์โกลด์ 18k ใน 3 แบบด้วยกันคือ แบบประดับเฉพาะบนหน้าปัด คู่กับสายหนัง กับแบบประดับทั้งบนหน้าปัดและขอบตัวเรือน คู่กับสายเอฟโรสโกลด์ และแบบประดับทั้งบนหน้าปัดและขอบตัวเรือน คู่กับสายหนัง โดยตัวเรือนขนาด 36 มิลลิเมตร กันน้ำได้ 100 เมตร ของทั้ง 3 รุ่นนี้ เดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติที่ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC นี้ จะมากับหน้าปัดพิงค์โกลด์ที่รังสรรค์ลวดลายเป็นเส้นแนวด้วยการลงแลคเกอร์สีดำสลับกับปูเพชรจำนวน 262 เม็ดบนผืนหน้าปัดพิงค์โกลด์ให้ดูตัดกันอย่างโดดเด่น หลักชั่วโมงพิงค์โกลด์ทั้ง 10 ก็ถูกประดับเพชรด้วยเช่นกัน ใน Ref.116135 จะมากับขอบตัวเรือนแบบฟลุตโดยประดับเพชรบนหน้าปัดดังที่กล่าวมา คู่กับสายหนังจระเข้สีชมพูบานพับ Oysterclasp ทอง แต่หากใครมองว่ายังไม่พอก็ยังมี Ref.116285 BBR ที่เพิ่มเพชรทรงบาแกตต์อีก 60 เม็ดประดับเรียงรายอยู่บนขอบตัวเรือนบวกกับเพชรบนด้านข้างของขอบตัวเรือนอีก 120 เม็ด คู่กับสาย Oyster พร้อมบานพับเอฟโรสโกลด์ 18k กับ Ref.116185 BBR ที่ตัวเรือนเหมือนกับ Ref.116285 BBR แต่มาคู่กับสายหนังจระเข้แบบ Powder พร้อมบานพับ Oysterclasp ทอง
By: Viracharn T.