BASELWORLD 2012 - New products preview #4
รายงานชุดที่ 4 ซึ่งน่าจะเป็นชุดสุดท้ายของ BASELWORLD 2012 NEW PRODUCTS PREVIEW โดย IAMWATCH แล้วก่อนที่งานแสดงนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในโลก BASELWORLD ประจำปี 2012 จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 7 มีนาคม 2012 ซึ่งเหลืออีกเพียงราว 2 อาทิตย์นับจากวันนี้ และเมื่อวันนั้นมาถึง ทาง IAMWATCH ก็จะรายงานภาพสดๆ มาให้ชมกันแบบเรียลไทม์ผ่านทาง http://www.facebook.com/iamwatchpage ให้ได้ชมกันอย่างรวดเร็วครับ และจะรีบนำนาฬิการุ่นใหม่ๆ ที่น่าสนใจมาทยอยรีวิวทันทีที่ได้รับข้อมูล
(ซ้าย) MAITRES DU TEMPS Chapter Two Diamonds
MAITRES DU TEMPS เพิ่มความหลากหลายให้กับนาฬิการุ่นที่ 2 ของตน Chapter Two ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การวันและเดือนด้วยโรลเลอร์ขนาดใหญ่ที่ด้านล่างและด้านบนตามลำดับพร้อมช่องหน้าต่างบอกวันที่แบบบิ๊กเดต ด้วยการประดับเพชรจำนวน 205 เม็ดลงบนตัวเรือนทั้งแบบวัสดุพิงค์โกลด์และวัสดุไวท์โกลด์อย่างงดงาม ทั้ง 2 วัสดุตัวเรือนใช้หน้าปัดแกะกิโยเช่ลายซันเบิร์สท์โทนสีเงินเช่นเดียวกัน
(ขวา) MAURICE LACROIX Masterpiece Roue Carree Seconde or Rose
MAURICE LACROIX ปล่อยเวอร์ชั่นล่าสุดของนาฬิกาซีรี่ส์แรกของโลกที่ใช้สแควร์วีลเกียร์ทรงเหลี่ยมทำหน้าที่บอกวินาทีบนหน้าปัดมาให้เป็นเจ้าของกันในตัวเรือนขนาด 43 มิลลิเมตรที่ทำจากพิงค์โกลด์ 18k ซึ่งมาพร้อมกับหน้าปัดสีน้ำตาลเข้ม ผลิตในจำนวนจำกัด 88 เรือน สวมใส่คู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำตาลเข้ากัน ทำงานด้วยกลไกไขลานอินเฮ้าส์ Calibre ML 156 ความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง 34 จิวเวล กำลังสำรอง 45 ชั่วโมง ซึ่งจดสิทธิบัตรในกลไกสแควร์วีลและโคลเวอร์ลีฟวีลไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
(ซ้าย) CHOPARD L.U.C Quattro
CHOPARD นำเสนอนาฬิกาสไตล์เรียบหรูเปี่ยมคุณค่ารุ่นใหม่ในตระกูล L.U.C ด้วย L.U.C Quattro ในตัวเรือนพิงค์โกลด์ 18k ขนาด 43 มิลลิเมตร ซึ่งมากับหน้าปัดสีเงิน หลักชั่วโมงเลขโรมันสไตล์ยุคทศวรรษที่ 1960 และเข็มที่ปรับมาจากทรงดอฟีน ทั้งหมดใช้สีทอง ให้อารมณ์โดยรวมแบบคลาสสิกร่วมสมัย สวมใส่กับสายหนังจระเข้สีน้ำตาลเย็บมือ บรรจุด้วยเครื่องไขลานอินเฮ้าส์ Calibre L.U.C 98.01-L มี 39 จิวเวล ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ที่ให้กำลังสำรองนานถึง 9 วัน ด้วยการใช้บาร์เรล 4 กระปุก (อันเป็นที่มาของชื่อรุ่น Quattro) และได้รับการรับรองความเที่ยงตรงในระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC บอกกำลังลานสำรองด้วยเข็มบลูด์สตีล ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และบอกวันที่ด้วยเข็มบลูด์สตีลกับวินาทีด้วยเข็มสีทองภายในวงหน้าปัดย่อยเดียวกันที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งถูกแบ่งสเกลออกเป็น 2 ชั้น
(ขวา) PAUL PICOT Firshire Ronde Phase de Lune
PAUL PICOT ฉลองวาระครบรอบ 15 ปีของนาฬิกาคอลเลคชั่น Firshire ในปี 2012 นี้ด้วยการออกนาฬิการุ่นใหม่ให้กับคอลเลคชั่นนี้ 3 รุ่นด้วยกัน นำโดย Firshire Ronde Phase de Lune ที่เห็นอยู่นี้ซึ่งมากับฟังก์ชั่นคอมพลีทคาเลนดาร์พร้อมแสดงมูนเฟส นาฬิการุ่นนี้ทำงานด้วยเครื่องอัตโนมัติ ETA 2892 ที่ติดตั้งโมดูลของ Dubois Depraz เพิ่มลงไป ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง มีกำลังสำรอง 42 ชั่วโมง ซึ่งสามารถมองเห็นได้ผ่านทางฝาหลังกรุกระจกใส ตัวเรือนมีขนาด 42 มิลลิเมตร ซึ่งสามารถเลือกได้ระหว่างวัสดุสตีลหรือพิงค์โกลด์ 18k กับหน้าปัดสีครีมหรือสีเทา สวมใส่คู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำตาล ส่วนอีก 2 รุ่นที่ออกมาพร้อมกัน ได้แก่ Firshire Regulator และ Firshire Day & Date ทั้ง 3 รุ่นใช้นวัตกรรมโรเตอร์แบบใหม่ทำจากทังสเตนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษเรียกว่า "Megarotor" ที่เขาบอกว่ามีความแม่นยำและประสิทธิภาพในการทำงานสูงมากอย่างไร้ที่ติ
(ซ้าย) EPOS Ref.3412
นาฬิกาเปิดช่องกลมขนาดใหญ่เผยให้เห็นบาลานซ์วีลจากบนหน้าปัด ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกาที่เห็นอยู่นี้ เป็นผลงานจาก EPOS เพื่อส่งสารจุดแข็งของความเป็นผู้ผลิตนาฬิกากลไกให้เราได้ตระหนักกันอีกครั้ง โดยเครื่องซึ่งผ่านการสลักและขัดแต่งอย่างสวยที่สามารถมองเห็นได้ทั้งจากช่องบนหน้าปัดและฝาหลังกระจกใสนั้นเป็นกลไกไขลานของ Unitas Calibre 6497 โดยมีเม็ดมะยมอยู่ที่ตำแหน่ง 4 นาฬิกา ตัวเรือนของ Ref.3412 นี้ ทำจากสตีลเคลือบพิงค์โกลด์พีวีดีขนาด 42.5 มิลลิเมตร ใช้หน้าปัดสีขาว หลักชั่วโมงเลขอารบิกสีทอง สวมใส่คู่กับสายหนังสีน้ำตาล ผลิตในจำนวนจำกัด 888 เรือน โดยระบุหมายเลขประจำเรือนอย่างชัดเจนบนด้านข้างของตัวเรือนเหนือเม็ดมะยม และยังมีเวอร์ชั่นตัวเรือนสตีลหน้าปัดเทาและตัวเรือนสตีลเคลือบพีวีดีทองหน้าปัดขาวซึ่งใช้หลักชั่วโมงเลขโรมันให้เลือกด้วย
(ขวา) FREDERIQUE CONSTANT Vintage Rally, La Carrera Panamericana
นาฬิกาซีรี่ส์ Vintage Rally ของ FREDERIQUE CONSTANT ออกรุ่นใหม่มาอีกครั้งในปี 2012 นี้ ด้วยนาฬิกาตัวเรือนสตีลขัดเงาขนาด 43 มิลลิเมตร หน้าปัดสีเงินแกะกิโยเช่ลาย Clous de Paris บริเวณกลางหน้าปัด ที่ใช้ชื่อรุ่นว่า La Carrera Panamericana ซึ่งผลิตขึ้นในจำนวนจำกัด 1,888 เรือน เนื่องในโอกาสที่ทางแบรนด์ได้เข้าไปร่วมสนับสนุนการแข่งขันรถยนต์อันเก่าแก่ รายการ Carrera Panamericana ครั้งที่ 24 ดังนั้นบนหน้าปัดของนาฬิการุ่นนี้จึงปรากฎชื่อของการแข่งขันรายการนี้อยู่ด้วย ทำงานด้วยเครื่องไขลานรุ่นใหม่ Calibre FC-435 ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรก นาฬิการุ่นนี้มีให้เลือก 2 แบบด้วยกัน คือ หลักชั่วโมงทำจากสตีลหรือหลักชั่วโมงเคลือบพิงค์โกลด์
(ซ้าย) LOUIS ERARD Excellence Moon Phase 24 Hour Chronograph
LOUIS ERARD นำเสนอนาฬิกาสไตล์คลาสสิกเรียบหรูที่รวมเอาฟังก์ชั่นยอดนิยมทั้งคอมพลีทคาเลนดาร์ โครโนกราฟและมูนเฟสเข้าไว้ในเรือนเดียวกันด้วย Excellence Moon Phase 24 Hour Chronograph รุ่นที่เห็นอยู่นี้ ซึ่งทำงานด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติยอดนิยมอย่าง ETA 7751 ตัวเรือนมาในขนาด 42 มิลลิเมตรทำจากสตีล ใช้หน้าปัดสีขาวหลักชั่วโมงเลขโรมันสีดำ สเกลและตัวเลขบนวงหน้าปัดย่อยทั้ง 3 ถูกจัดวางอย่างเรียบง่ายสะอาดตา ภายในหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกามีสเกลกับเข็ม 2 ชุดซ้อนกัน เพื่อบอกวินาทีและบอกเวลาแบบ 24 ชั่วโมง สวมใส่คู่กับสายหนังสีดำ
(ขวา) RADO True Thinline
True Thinline มากับตัวเรือนที่มีคุณสมบัติบางเบา คือ บางเพียง 4.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 38 กรัม จึงดำรงตำแหน่งเป็นนาฬิกาวัสดุไฮเทคเซรามิกที่บางที่สุดในโลก มีเวอร์ชั่นต่างๆ ให้เลือกกันอย่างหลากหลายภายใต้โทนสีขาวหรือดำไม่ต่ำกว่า 20 แบบ รุ่นที่เห็นอยู่นี้มาในตัวเรือนเซรามิกสีขาวขนาด 39 x 43.3 มิลลิเมตร หน้าปัดสีขาว กระจกเป็นแซฟไฟร์คริสตัลทรงโดม ที่แต่งแต้มความโดดเด่นด้วยการเคลือบพีวีดีพิงค์โกลด์ลงบนเม็ดมะยม เข็ม และการตกแต่งบนหน้าปัด หลักชั่วโมงประดับเพชรขนาดเล็กเรียงรายกันเป็นจำนวนรวม 96 เม็ด น้ำหนักรวม 0.0972 กะรัต สวมใส่คู่กับสายยางสีขาวบัคเกิ้ลเซรามิกโดยมีสายเซรามิกสีขาวให้เลือกด้วย เดินด้วยเครื่องควอตซ์ ETA210.001
(ซ้าย) ORIS Big Crown Date
Big Crown Date รุ่นใหม่จาก ORIS ที่เห็นนี้ยังคงรักษาสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Big Crown ที่คุ้นเคยกันเอาไว้โดยนำมาผสมผสานกับงานดีไซน์ร่วมสมัยที่สะท้อนภาพงานนาฬิกาสำหรับวงการอากาศยานซึ่งเป็นแรงบันดาลใจดั้งเดิมของรุ่นออกมาอย่างชัดเจน ตัวเลขและหลักชั่วโมงแบบ 3 มิติ ยกนูนขึ้นมาจากพื้นหน้าปัดสีเทาที่เรียกว่า Stealth Grey ด้วยสารซูเปอร์ลูมิโนวาโทนเข้ม ตัวเรือนสตีลเคลือบพีวีดีสีเทา ขอบตัวเรือนลายร่องตามสไตล์ Big Crown สวมคู่กับสายหนังสีน้ำตาลเข้ม
(ขวา) MONDAINE Vintage
รุ่นใหม่จากแบรนด์นาฬิกาประจำการรถไฟของสวิสฯ แบรนด์นี้ออกมาในตัวเรือนสตีลแบบวินเทจพร้อมรูปแบบหน้าปัดสีขาว หลักชั่วโมง หลักนาที กับเข็มขนาดใหญ่สีดำ และเข็มวินาทีสีแดงปลายกลม อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ สวมคู่กับสายหนัง เดินด้วยกลไกอัตโนมัติ ETA 2801-2 ซึ่งมองเห็นได้ผ่านทางฝาหลังแซฟไฟร์
(ซ้าย) LONGINES The Longines Saint-Imier Ref.L2.263.5.87.7
จาก Saint-Imier นาฬิกาที่ตั้งชื่อตามชื่อหมู่บ้านต้นกำเนิดของแบรนด์ในแบบโครโนกราฟสำหรับคุณผู้ชายในรายงานฉบับที่ 3 มาดูคอลเลคชั่นเดียวกันในแบบสำหรับคุณผู้หญิงกันบ้าง ใน Ref.L2.263.5.87.7 นี้ มากับตัวเรือนทูโทน สตีล/พิงค์โกลด์ขนาด 26 มิลลิเมตร ประดับเพชร 60 เม็ดบนขอบตัวเรือน พร้อมสายทูโทน สตีล/พิงค์โกลด์ หน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวประดับเพชร 11 เม็ดบนหลักชั่วโมง ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ
(ขวา) TISSOT Hertage PR 516
นาฬิกาตัวเรือนสตีลขนาด 40 มิลลิเมตรทรงแอโร่ไดนามิกโค้งมนจาก TISSOT รุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิการุ่นดังในหมู่แฟนๆ วงการมอเตอร์เรซซิ่งยุคทศวรรษที่ 1960 จึงมีรูปทรงตัวเรือนและรูปแบบหน้าปัดสุดเรโทรอย่างที่เห็น ทำงานด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติที่สามารถมองเห็นได้ผ่านฝาหลังรูปพวงมาลัยรถแข่งในยุคก่อนกรุด้วยกระจกใส มีหน้าปัดให้เลือก 3 สี คือ น้ำเงิน ดำ และเงิน ใส่คู่กับสายหนังหรือสายสตีลปั๊มรูกลมขนาดใหญ่คล้ายแกนพวงมาลัยเชื่อมโยงกับพวงมาลัยบนฝาหลัง
By: Viracharn T.