Legacy Machine FlyingT นาฬิกาจาก MB&F ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากผู้หญิง
Maximilian Büsser มีความคิดที่จะสร้างนาฬิกา โดยนำแรงบันดาลใจมาจากผู้หญิง ที่มีความสำคัญในชีวิตของเขา ซึ่งเขาได้กล่าวว่า “ผมออกแบบนาฬิกา MB&F มาจากสิ่งที่ผมชอบ การสร้างผลงานศิลปะเชิงจลศาสตร์ ในรูปแบบประติมากรรมบอกเวลาสามมิติ ผมสร้างผลงานจากความชอบส่วนตัว ซึ่งเป็นวิธีเดียวในการสร้างผลงานที่ท้าทา ยและไม่เหมือนใครในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็มีความคิดที่จะสร้างบางสิ่งบางอย่าง เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้หญิงในครอบครัวของผม ซึ่งผมถูกรายล้อมไปด้วยผู้หญิงที่มีความสำคัญในชีวิต ดังนั้นผมจึงตัดสินใจลงมือทำนาฬิกา ที่ท้าทายความสามารถเพื่อพวกเขา”
แรงบันดาลใจนี้มาจากการผสมผสาน คุณสมบัติที่ดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้ ผ่านการสื่อความหมายถึงความเป็นผู้หญิง ที่มีความสำคัญในชีวิตของ Maximilian Büsser โดยมีความสง่างามที่เป็นกุญแจสำคัญ ที่กลายเป็นแรงดึงดูดความสนใจของคนรักนาฬิกา ผ่านเส้นสายและองค์ประกอบของนาฬิการุ่น Legacy Machine FlyingT อีกทั้งยังมีรายละเอียดที่ประณีตเหมือนกันกับนาฬิการุ่น Legacy Machine รุ่นอื่นๆ แต่เสริมความมีชีวิตชีวา ด้วยชุดฟลายอิ้งทูร์บิญองที่อยู่กลางหน้าปัด เพื่อตอกย้ำความพิเศษของนาฬิกา LM FlyingT ที่จัดวางแผ่นหน้าปัดบอกเวลาไว้ ณ ตำแหน่ง 7 นาฬิกา โดยทำมุมเอียง 50° หันหน้าเข้าหาผู้สวมใส่
“สิ่งที่ผมไม่คิดจะทำ” Maximilian Büsser กล่าวเสริมว่า “คือการนำนาฬิกาสำหรับผู้ชาย มาปรับขนาดหรือเปลี่ยนสี และเรียกนาฬิกาเรือนนั้นว่าเป็นนาฬิกาสำหรับผู้หญิง” การสร้างนาฬิกา MB&F แต่ละรุ่นถูกรังสรรค์จากขั้นตอนที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดดั้งเดิมจาก Max Büsser พร้อมความประณีตในด้านการออกแบบโดย Eric Giroud และความชำนาญด้านกลไกจากทีมงานฝ่ายเทคนิคของแบรนด์ อันมีสุนทรียศาสตร์และการเชื่อมโยงปรัชญา ที่ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างผลลัพธ์อันน่าทึ่ง นับตั้งแต่ Horological Machine N°5 “On The Road Again” ไปจนถึง Legacy Machine Perpetual
เพื่อการนำเสนอรูปแบบที่ดูแตกต่าง ดังนั้นนาฬิกา LM FlyingT ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้หญิง จึงมีตัวเรือนที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด พร้อมการคำนวณความสูงและเส้นผ่านศูนย์กลางใหม่ เพื่อให้ได้โฟกัสที่เหมาะสม ในการผลิตกระจกโดมแซฟไฟร์แบบนูนสูง พร้อมตัวเชื่อมสายที่ถูกออกแบบให้เพรียวบางลง เน้นส่วนโค้งและมุมเอียงที่ดูลงตัว เพื่อสร้างความรู้สึกให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น พร้อมเส้นสายที่ถูกปรับและทำให้ดูมีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น อาทิ เข็มแสดงเวลาชั่วโมงและนาที ที่เป็นทรงเซอร์เพนทีน นอกจากนั้นยังมีลายเส้นที่ถูกเน้นย้ำ ไปถึงโรเตอร์ในการขึ้นลานแบบอัตโนมัติ ที่ออกแบบเป็นรูปดวงอาทิตย์ที่มีรัศมีแสง
การออกแบบนาฬิกา LM FlyingT ถูกเน้นรูปแบบที่ไม่สมมาตร ตั้งแต่การวางตำแหน่งหน้าปัดแสดงเวลา ณ ตำแหน่ง 7 นาฬิกา ไปจนถึงตำแหน่งหัวใจหลักของกลไก อย่างกลไกฟลายอิ้งตูร์บิยองที่โผล่ขึ้นมาจากฐานหน้าปัด หรือแม้แต่กรงตูร์บิยองเองก็ยังมีความไม่สมมาตร โดยเลือกใช้สะพานจักรกลแบบโค้งสองชิ้น ที่มีคานยื่นออกมา แทนที่จะเป็นสะพานจักรกลแบบสมมาตร จึงทำให้ผลงานรุ่นใหม่มีลักษณะเด่นกว่า ชุดกลไกตูร์บิยองในนาฬิการุ่นอื่นๆ ของ MB&F รวมไปถึงโครงสร้างเสาของชุดกรงตูร์บิยอง ซึ่งตอกย้ำแนวคิดเรื่องการเป็นผู้ให้และซัพพอร์ตของผู้หญิงในชีวิต ตามประสบการณ์ของ Max ที่น่าจดจำ
กลไกนาฬิกาของ LM FlyingT เลือกใช้เป็นแบบแนวตั้งร่วมกับแกนฟลายอิ้งตูร์บิยอง ที่สะท้อนความสามารถของช่างนาฬิกา พร้อมดึงดูดสายตาด้วยเอสเคปเมนท์แบบหมุนได้ ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับฟลายอิ้งตูร์บิยองรุ่นอื่นๆ โดยตามชื่อของชุดฟลายอิ้งตูร์บิยอง ที่จะต้องมีแกนอยู่ที่ฐานเท่านั้น โดยไม่มีสะพานจักรกลเพื่อจำกัดการเคลื่อนที่ จึงต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของแกนเพื่อรองรับกลไก ที่ถือเป็นสาเหตุที่ทำให้กลไกแบบฟลายอิ้งตูร์บิยองส่วนใหญ่ จะอยู่ในตำแหน่งที่สะดุดตาซึ่งสำหรับ Legacy Machine FlyingT นี้จะหลุดพ้นจากข้อจำกัดด้านความเสถียรของกลไก จึงทำให้ชุดฟลายอิ้งตูร์บิยองสามารถทำงานได้อย่างคงที่
ซึ่งความท้าทายในการสร้างนาฬิการุ่น LM FlyingT คือกรงฟลายอิ้งตูร์บิยองด้านบน ซึ่งด้านหนึ่งเพื่อเป็นการรองรับน้ำหนักของกลไกให้สมดุล จึงมีการซ่อนตุ้มถ่วงไว้ใต้แท่นกลไก ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันกับกรงตูร์บิยองด้านบน และเพื่อการแสดงเวลาที่เที่ยงตรงมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้บนหน้าปัดที่เอียงทำมุม 50° จากการใช้เฟืองทรงกรวยเพื่อส่งแรงบิดอย่างเหมาะสม จากระนาบหนึ่งไปยังอีกระนาบหนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ใช้เป็นครั้งแรกในนาฬิการุ่น HM6 และต่อมาในรุ่น HM9 Flow ที่ร่วมกันมอบความสามารถในการสำรองพลังลานได้นานถึง 4 วันหรือ 100 ชั่วโมง ที่ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความความเชี่ยวชาญของแบรนด์ในปัจจุบัน