A Slice of Heaven, The BOVET 1822 19Thirty Meteorite
เพราะเสน่ห์ของดวงดาวเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นับตั้งแต่มนุษย์เริ่มมีชีวิตขึ้นบนโลกใบนี้ ที่ผู้คนต่างจ้องมองไปยังสรวงสวรรค์ เพื่อหาลางบอกเหตุ สัญญาณ การดลใจ และความหวัง โดยอุกกาบาตก้อนต่างๆ ที่เคยโคจรอยู่นอกโลก และรอบจักรวาลด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ซึ่งธรรมชาติในอุกาบาตแต่ละก้อนก็จะมีรูปร่าง ที่เป็นเป็นรูปแบบที่พิเศษและไม่ธรรมดา ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่หินชนิดนี้
ดังที่ Jack London นักเขียนชาวอเมริกันกล่าวไว้อย่างฉะฉานว่า “ฉันอยากเป็นดาวตกที่งดงาม จากทุกๆ อะตอมในตัวฉันที่จะเปล่งประกาย ดีกว่าเป็นดาวเคราะห์ที่หลับใหลอย่างถาวร”ดังนั้นวัสดุอันน่าทึ่งนี้จึงประกอบกัน เป็นหน้าปัดที่สมบูรณ์ของนาฬิการุ่นพิเศษใหม่ โดยการมีชิ้นส่วนบางชิ้นที่ไม่ได้มาจากโลกนี้ในนาฬิกา เพื่อจะได้ชื่นชมทุกเมื่อที่ต้องการ กับความมหัศจรรย์ราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์
หน้าปัดของนาฬิกาเรือนนี้ผลิตจากอุกกาบาตบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุกกาบาตกิเบโอน ที่มีชื่อเสียงซึ่งมีอายุประมาณ 4.5 พันล้านปี รูปแบบของเส้นที่มองเห็นได้บนหน้าปัด จะเห็นได้อย่างชัดเจนหลังจากที่ชิ้นส่วนของอุกกาบาตดิบ ถูกสลักด้วยเทคนิคจากการใช้กรดไนตริคเท่านั้น โดยเส้นและรูปแบบเหล่านี้ เป็นผลมาจากการละลาย และการเย็นตัวในอวกาศเป็นเวลาหลายพันล้านปี
โดยการเคลือบสีน้ำเงินบนชิ้นอุกกาบาต ที่นับเป็นครั้งแรกที่มีการใช้สีกับหินอุกาบาตในลักษณะนี้ ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นการใช้เทคนิคเคลือบแบบพีวีดีด้วยสีฟ้า โดยเป็นสีโปร่งใสเพื่อให้ยังคงสามารถ มองเห็นรูปแบบของลวดลายบนหินอุกกาบาตได้อย่างชัดเจน พร้อมคงลายเส้นความตื้น ลึก หนา และบางของเส้นแต่ละเส้นได้อย่างคมชัด ทั้งเส้นแนวนอนและแนวตั้งบนชั้นหินอุกาบาต
ซึ่งนาฬิกาที่นำเสนอหน้าปัดอันน่าทึ่งนี้คือนาฬิกาในคอลเลคชั่น 19Thirty ซึ่งให้พลังสำรองลานได้นานถึง 7 วันจากกระปุกลานเดี่ยว โดยกระบวนการผลิตนั้นจะกระทำด้วยมือ เช่นเดียวกันกับนาฬิกากลไกแบบสลับซับซ้อนสูงทุกรุ่นของ BOVET ซึ่งยังคงสามารถชื่นชมความงามของชุดกลไกได้ ผ่านทางฝาด้านหลังที่กรุด้วยกระจกแซฟไฟร์ ที่นับเป็นสิ่งที่ BOVET บุกเบิกและนำเสนอมาตั้งแต่ช่วงปี 1800 จนถึงปัจจุบัน