INTERESTING PIECES FROM BASELWORLD 2014 (PART II) - นาฬิกาน่าสนใจจากงานบาเซิลเวิลด์ 2014 (ตอนที่ 2)
นาฬิกาน่าสนใจ จากงานบาเซิลเวิลด์ 2014 (ตอนที่ 2)
แน่นอนว่านาฬิกาน่าสนใจจำนวน 10 เรือนในบทความก่อนหน้า คงจะไม่เพียงพอ เพราะนาฬิการุ่นใหม่ๆ ที่เปิดตัวในงานบาเซิลเวิลด์นั้นมีมากมายหลายพันรุ่นด้วยกัน โดยแต่ละแบรนด์ต่างก็นำเสนอผลงานที่น่าสนใจของตนเองด้วยกันทั้งนั้น คราวนี้เรามาต่อกันกับนาฬิกาที่เราเห็นว่าน่าสนใจกันอีกสักชุดนะครับ โดยจะแนะนำรุ่นที่ไม่ซ้ำแบรนด์กับเมื่อคราวก่อนและจะเน้นไปที่นาฬิกาที่มีราคาไม่สูงจนเกินกว่าคนทั่วไปจะเป็นเจ้าของได้ซึ่งจะอยู่ในช่วงราคาระหว่างหลักหมื่นจนถึงไม่กี่แสนบาท เป็นแบรนด์ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย และเป็นรุ่นที่ไม่ได้ผลิตแบบลิมิเต็ดจัดแค่ไม่กี่เรือนจนยากที่จะมีโอกาสเป็นเจ้าของ
BALL Engineer Master II Slide Chronograph
ตัวเรือน: สตีล ขนาด 47.6 มิลลิเมตร, สาย: สตีล
หน้าปัด: สีดำ, กลไก: อัตโนมัติโครโนกราฟ, ฟังก์ชั่น: จับเวลา, แสดงวันกับวันที่
จุดเด่น: นอกจากคุณสมบัติเด่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนาฬิกา Ball อันได้แก่ระบบป้องกันแรงสะเทือนและสนามแม่เหล็ก กับหลอดแก้สไลท์เรืองแสงสว่างจ้ายามอยู่ในที่มืดแล้ว นาฬิการุ่นนี้ยังมาพร้อมกับกลไกโครโนกราฟที่มีระบบการสั่งการจับเวลาที่แตกต่างจากนาฬิกาโครโนกราฟโดยทั่วไปที่ใช้แบบปุ่มกด แต่กับนาฬิกาเรือนนี้จะใช้เป็นการสไลด์แป้นที่อยู่ทางด้านซ้ายของตัวเรือนแทนซึ่งมีความสะดวกยิ่งขึ้น แถมยังมีดีไซน์ที่กลมกลืนไปกับตัวเรือน ไม่มีปุ่มยื่นออกมาเกะกะอีกด้วย ด้านรูปโฉมก็มีความสวยงามในแบบฉบับของนาฬิกาสปอร์ตหรูซึ่งดูทันสมัยกว่านาฬิการุ่นอื่นๆ ของ Ball อยู่พอสมควร ถือเป็นดีไซน์บทใหม่ของ Ball ที่จัดว่าเข้าตาทีเดียว
BREITLING Chronomat Airborne
ตัวเรือน: สตีล ขนาด 44 มิลลิเมตร, สาย: ผ้าสีดำ
หน้าปัด: สีดำออนิกซ์ หน้าปัดย่อยสีเงิน หรือสีเงินเซียร์ร่า หน้าปัดย่อยสีดำ
กลไก: อัตโนมัติโครโนกราฟ ความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์, ฟังก์ชั่น: จับเวลา, แสดงวันที่
จุดเด่น: Chronomat เป็นนาฬิการุ่นดังตระกูลเก่าอีกรุ่นหนึ่งของ BREITLING โดยในปีนี้ก็มีอายุครบ 30 ปีแล้ว รุ่นนี้จึงถือเป็นรุ่นครบรอบของ Chronomat โดยมีการสลักข้อความว่าเป็นเอดิชั่นพิเศษครบรอบ 30 ปีพร้อมภาพเครื่องบินบนฝาหลังด้วย มาพร้อมกับขอบตัวเรือนแบบหมุนได้พร้อมหลักสเกลสำหรับคำนวณเวลา ดูดีด้วยหน้าปัดที่ใช้คู่สีตรงข้ามกันระหว่างพื้นหน้าปัดหลักกับหน้าปัดย่อยบอกเวลา ทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 01 ที่ทางแบรนด์ผลิตขึ้นเองที่ได้รับการรับรองความแม่นยำระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC แถมเด่นด้วยกำลังสำรองอันยาวนานถึง 70 ชั่วโมง และยังกันน้ำได้ถึงระดับความลึก 500 เมตรอีกต่างหาก
CARL F. BUCHERER Patravi ScubaTec
ตัวเรือน: สตีล ขนาด 44.6 มิลลิเมตร, สาย: สตีลหรือยาง
หน้าปัด: สีดำหรือสีขาว, กลไก: อัตโนมัติ ความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์, ฟังก์ชั่น: แสดงวันที่
จุดเด่น: รุ่นนี้เป็นนาฬิกาดำน้ำดีไซน์สวยในลุคสปอร์ตแกร่งที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยรายละเอียดการออกแบบอย่างมีสไตล์ทั้งทรงของหลักชั่วโมงกับเข็มและลายตารางบนพื้นหน้าปัด เสริมด้วยความเด่นของการใช้สีฟ้าสลับดำบนขอบพื้นสเกลดำน้ำของขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ บอกเวลาอย่างแม่นยำด้วยกลไกที่ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงโครโนมิเตอร์ และยังกันน้ำได้ลึกถึง 500 เมตร พร้อมมีฮีเลี่ยมวาล์วสำหรับระบายแรงดันขณะขึ้นสู่ผิวน้ำด้วย มีให้เลือกทั้งสายเหล็กดูแข็งแรงและสายยางดีไซน์สะดุดตา ถือว่าเป็นนาฬิกาดำน้ำคุณภาพสูงอีกรุ่นหนึ่งที่เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับนักดำน้ำมืออาชีพ
CASIO Edifice EQB-500
ตัวเรือน:สตีล, สาย: สตีล
หน้าปัด: สีดำ, ฟังก์ชั่น: เชื่อมต่อข้อมูลเวลาจากสมาร์ทโฟนด้วยระบบบลูทูธ สามารถตั้งค่าเวลาเวิลด์ไทม์และการปลุกของนาฬิกาได้จากสมาร์ทโฟน ทำงานด้วยพลังงานแสง
จุดเด่น: นาฬิกาสไตล์สปอร์ตจาก Casio รุ่นนี้ นอกจากดีไซน์ที่สวยงามแล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่มากมาย โดยนอกจากการใช้พลังงานจากแสงอันเป็นระบบเด่นอย่างหนึ่งของ Casio แล้ว ยังบรรจุระบบการเชื่อมต่อสัญญานด้วยบลูทูธ v4.0 เพื่อเทียบสัญญาณเวลาอันแม่นยำมาจากสมาร์ทโฟนของคุณ รวมถึงวันและวันที่ด้วย ทั้งยังล้ำหน้าไปกว่านั้นด้วยการใช้สมาร์ทโฟนตั้งค่าเวลาที่สองจากการเลือกเวิลด์ไทม์และเวลาปลุกของนาฬิกาได้อย่างสะดวกอีกต่างหาก เป็นเทคโนโลยีใหม่ของนาฬิกาที่น่าจะสร้างความสะดวกให้กับชีวิตสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี
ROLEX Oyster Perpetual
ตัวเรือน: สตีล ขนาด 36 มิลลิเมตร, สาย: สตีล, หน้าปัด: สตีล, สีองุ่นขาว หรือสีองุ่นแดง
กลไก: อัตโนมัติ ความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์
จุดเด่น: นี่คือเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของนาฬิการุ่นที่ถือได้ว่าเป็นระดับเอนทรี่ของ Rolex โดยมากับหน้าปัด 3 สีให้เลือก คือ สตีลสีเงิน, สีองุ่นขาว และสีองุ่นแดง พร้อมหลักชั่วโมงแบบแท่งที่มีการเบิ้ลเป็นแท่งคู่ในตำแหน่ง 3,6 และ 9 นาฬิกา ดูแปลกตากว่าที่เคย จากรุ่นก่อนที่ใช้เป็นตัวเลข 3,6,9 ล้อมรอบด้วยขอบตัวเรือนทรงโดม สวมคู่กับสายสตีลแบบออยสเตอร์ 3 แถว และแน่นอนว่าต้องใช้กลไกอัตโนมัติที่ได้รับการรับรองความแม่นยำระดับโครโนมิเตอร์จาก COSC เท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ Rolex ในแบบเรียบๆ หรือต้องการ Rolex ที่มีราคาย่อมเยากว่ารุ่นอื่นๆ
SEIKO Prospex Kinetic GMT Diver’s
ตัวเรือน: สตีล แบบดับเบิ้ลเคส ขนาด 47.5 มิลลิเมตร, สาย: สตีลหรือยาง, หน้าปัด: สีดำ
กลไก: คิเนติก, ฟังก์ชั่น: จีเอ็มที, แสดงวันที่
จุดเด่น: นาฬิกาดำน้ำจาก Seiko รุ่นนี้ใช้ตัวเรือนแบบดับเบิ้ลเคสทำให้มีขนาดที่ใหญ่โตบึกบึนแต่สวมใส่ได้อย่างไม่ขัดเขินด้วยดีไซน์การออกแบบที่โค้งรับไปกับข้อมือ หน้าปัดดูดีมีสไตล์ด้วยการใช้หลักชั่วโมงแบบสามมิติลอยเด่นขึ้นมาเหนือพื้นหน้าปัด และยังเหนือชั้นด้วยการบรรจุกลไกคิเนติกที่บอกเวลาได้อย่างแม่นยำสุดๆ ด้วยพลังงานจากการเคลื่อนไหวข้อมือ โดยมาพร้อมกับฟังก์ชั่นจีเอ็มทีเพื่อแสดงค่าเวลาที่สองแบบ 24 ชั่วโมงด้วยเข็มกลางอีกด้วย
TAG HEUER Carrera Chronograph Calibre CH 80
ตัวเรือน: สตีล ขนาด 41 มิลลิเมตร, สาย: สตีลหรือหนังจระเข้สีดำ
หน้าปัด: สีขาว เคาน์เตอร์สีดำ หรือสีดำ เคาน์เตอร์สีขาว, กลไก: อัตโนมัติโครโนกราฟ
ฟังก์ชั่น: จับเวลา, แสดงวันที่
จุดเด่น: จุดเด่นที่สำคัญของนาฬิกาจับเวลาตระกูล Carrera รุ่นนี้ นอกจากรูปแบบของหน้าปัดที่ตกแต่งในสไตล์ย้อนยุคด้วยการใช้คู่สีตรงข้ามระหว่างขอบตัวเรือนกับหน้าปัดย่อย และพื้นหน้าปัดหลักที่ดูเข้าตาแล้ว กลไกที่ใช้ก็เป็นอะไรที่พิเศษสุดๆ เพราะเป็นการประจำการครั้งแรกของ Calibre CH 80 ซึ่งเป็นกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟรุ่นใหม่ที่ทาง TAG Heuer พัฒนาและผลิตขึ้นใช้เอง กลไกนี้สามารถจับเวลาได้ 12 ชั่วโมง มีฟังก์ชั่นแสดงวันที่ และให้กำลังสำรองได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมงเลยทีเดียว
TUDOR Heritage Ranger
ตัวเรือน: สตีล ขนาด 41 มิลลิเมตร, สาย: สตีล หรือสายหนังสีน้ำตาล หรือสายหนังสีน้ำตาลแบบตลอดเรือน (พร้อมสายผ้าลายพราง)
หน้าปัด: สีดำ, กลไก: อัตโนมัติ
จุดเด่น: สำหรับคนที่ชอบนาฬิกาสไตล์วินเทจย้อนยุค น่าจะถูกใจกับ Tudor รุ่นนี้ซึ่งมาในรูปแบบวินเทจเต็มขั้นทั้งรูปทรงของตัวเรือน เม็ดมะยม ตลอดจนสไตล์รูปทรงและสีสันของมาร์กเกอร์และเข็ม ไปจนถึงสายที่มีให้เลือกทั้งสายสตีลแบบ 3 แถว และสายหนังสีน้ำตาลอีก 2 แบบ คือ แบบสายปกติกับแบบสายที่มีส่วนรองด้านหลังของตัวเรือนยาวตลอดเรือน โดยทุกแบบจะให้สายผ้านาโต้ลายพรางมาด้วยเพื่อสลับใช้งาน แค่นี้ก็ได้ใจของคนรักวินเทจแล้ว
ULYSSE NARDIN Marine Diver
ตัวเรือน: สตีล ขนาด 44 มิลลิเมตร, สาย: ยางหรือสตีล
หน้าปัด: สีดำหรือสีน้ำเงิน, กลไก: อัตโนมัติ, ฟังก์ชั่น: แสดงวันที่, แสดงกำลังสำรอง
จุดเด่น: Ulysse Nardin ปรับโฉมใหม่ให้นาฬิกาดำน้ำรุ่นดัง Marine Diver อีกครั้ง โดยเป็นการขัดเกลาความยอดเยี่ยมจากรุ่นพี่ๆ ให้มีความสวยงามและทันสมัยยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดจากพื้นหน้าปัดลายคลื่นที่ปรับให้ดูนุ่มนวลละมุนตา และหลักชั่วโมง เข็ม กับวงสเกลที่ดูโมเดิร์นกว่าที่เคย ส่วนบนขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ก็ยังรักษาเอกลักษณ์ด้วยการติดตั้งแผ่นยางลายคลื่นสีเดียวกับหน้าปัดเอาไว้โดยมีการเน้นตัวเลขของนาทีให้ชัดเจน ทั้งยังหมุนได้อย่างสะดวกด้วยขอบหยักลายคลื่นอีกด้วย ส่วนสายยางก็เป็นลายใหม่ที่ดูสปอร์ตกว่าเดิม สามารถกันน้ำได้ถึง 300 เมตร ที่สำคัญก็คือเป็นหนึ่งในนาฬิกาดำน้ำเพียงไม่กี่แบบในตลาดที่มีเข็มแสดงกำลังสำรองมาให้
VICTORINOX SWISS ARMY Dive Master 500
ตัวเรือน: ไทเทเนี่ยมสีเทา ขนาด 43 มิลลิเมตร, สาย: ไทเทเนี่ยมสีเทา
หน้าปัด: สีเทาไทเทเนี่ยม, กลไก: อัตโนมัติโครโนกราฟ
ฟังก์ชั่น: แสดงวันที่
จุดเด่น: การปรับโฉมใหม่ของ Dive Master 500 นาฬิกาดำน้ำรุ่นดังกันน้ำได้ลึก 500 เมตร ของ Victorinox Swiss Army ในครั้งนี้ เป็นการออกแบบให้มีความโมเดิร์นขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายของทรวดทรง ดีไซน์รายละเอียดของขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ขนาดใหญ่ พื้นลายเส้นบนหน้าปัด อีกทั้งการให้สีสันด้วยการใช้สารเรืองแสงตามจุดต่างๆ นับเป็นพัฒนาการที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อรวมกับตัวเรือนกับสายที่ทำจากไทเทเนี่ยมน้ำหนักเบาในสีเทาแปลกตาแล้ว ก็ทำให้นาฬิการุ่นนี้ดูโดดเด่นเหนือใคร แถมยังมีหัวใจเป็นกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟของ ETA อีกต่างหาก น่าสนใจมากๆ เลยทีเดียว อ้อ นาฬิการุ่นนี้มีฮีเลี่ยมวาล์วสำหรับระบายแรงดันยามขึ้นจากใต้น้ำให้มาด้วย จึงสามารถใช้เป็นเพื่อนคู่ใจของนักดำน้ำมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์
ZENITH El Primero Synopsis
ตัวเรือน: สตีล ขนาด 40 มิลลิเมตร, สาย: สตีล
หน้าปัด: สีเงิน, กลไก: อัตโนมัติ
จุดเด่น: นาฬิกาแนวเดรสเรียบร้อยอาจจะดูคล้ายคลึงกันไปหมด แต่ไม่ใช่กับ Zenith รุ่นนี้ เพราะมีการเปิดช่องบนหน้าปัดอย่างมีสไตล์ให้มองเห็นหัวใจการทำงานของชุดบาลานซ์ควบคุมการเดินตามความโค้งของเฟืองต่างๆ ที่ต้องการโชว์ให้เห็น ทั้งยังเด่นด้วยการใช้สีพิ้งค์โกลด์กับเข็ม หลักชั่วโมง และกรอบหน้าต่างอีกด้วย ตัวกลไกก็เป็นเครื่องตระกูล เอล พริเมโร ความถี่ 36,000 ครั้งต่อชั่วโมงที่คอนาฬิการู้ซึ่งกันดีถึงความยอดเยี่ยม อาจเรียกว่าเป็นนาฬิกาเดรสที่น่าสนใจที่สุดรุ่นหนึ่งของปีนี้เลยก็ว่าได้
By: Viracharn T.