8 AFFORDABLE PIECES FROM GENEVA 2014 "8 รุ่นเด่นที่เอื้อมถึงไม่ยาก จากงานแสดงนาฬิกาประจำปี 2014 ที่เจนีวา"
8 รุ่นเด่นที่เอื้อมถึงไม่ยาก จากงานแสดงนาฬิกาประจำปี 2014 ที่เจนีวา
เป็นธรรมดาทุกปีที่จะมีนาฬิการุ่นใหม่ๆ คอลเลคชั่นใหม่ๆ จำนวนมาก ถูกนำเสนอกันออกมาในงาน SIHH งานแสดงนาฬิกาใหญ่ประจำปีของกลุ่มริชมอนต์และแบรนด์พันธมิตรซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในนาฬิกาจำนวนมากเหล่านี้ หลายรุ่นก็เป็นนาฬิกาประเภทฟังก์ชั่นสุดซับซ้อน โชว์นวัตกรรมและความสามารถในการคิดค้นของแต่ละแบรนด์ บางรุ่นก็พิเศษถึงขนาดผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียงไม่กี่เรือน ไม่ก็เป็นงานประดับอัญมณีสุดอลังการ ซึ่งนาฬิกาเหล่านี้คงจะมีผู้คนไม่มากนักที่สามารถเป็นเจ้าของได้ ดังนั้นเราจึงขอนำเสนอนาฬิกาคอลเลคชั่นปี 2014 รุ่นเด่นๆ ที่น่าสนใจจากแบรนด์ต่างๆ จำนวน 8 รุ่น ซึ่งเป็นรุ่นที่ไม่ไกลเกินกว่าคนรักนาฬิกาทั่วไป (ที่ต้องมีสตางค์) จะครอบครองได้อย่างไม่ยากเย็นนัก มาให้ชมกัน โดยในเร็ววันนี้ทางตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยก็คงจะทยอยนำเข้ามาให้สัมผัสเรือนจริงกันแล้ว
AUDEMARS PIGUETRoyal Oak Offshore Chronograph (Ref. 26470ST)
คนชอบนาฬิกาคงไม่มีใครบอกว่าไม่รู้จักนาฬิกาตระกูลอมตะ Royal Oak ของ Audemars Piguet และเมื่อรู้จัก Royal Oak แล้วก็คงจะพอทราบกันดีว่า Royal Oak ที่มีคำว่า Offshore ต่อท้ายนั้นหมายถึงคอลเลคชั่น Royal Oak ที่มีความสปอร์ตอย่างชัดเจนด้วยตัวเรือนที่หนาและบึกบึนกว่ารุ่น Royal Oak เฉยๆ โดยรุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นที่นิยมที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นรุ่นฟังก์ชั่นโครโนกราฟที่มาพร้อมวงหน้าปัดย่อย 3 วงนั่นเอง
ปี 2014 นี้ Audemars Piguet ได้ทำการเปิดตัว Royal Oak Offshore Chronograph รุ่นใหม่ออกมาในหลายเวอร์ชั่นด้วยกัน ซึ่งเมื่อดูเผินๆ หากไม่ได้เป็นแฟนของ Royal Oak กันจริงๆ ก็อาจจะไม่ทราบว่ามันใหม่อย่างไร เพราะรูปทรงกับขนาด 42 มิลลิเมตรของตัวเรือนสเตนเลสสตีล และกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟ Calibre 3126/3840 กำลังสำรอง 55 ชั่วโมง ตลอดจนเวอร์ชั่นของหน้าปัดสีต่างๆ ใน 4 แบบแรกที่ออกมา ก็ยังดูเหมือนๆ กับแบบที่มีอยู่ก่อนแล้วในรุ่นก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นแบบหน้าปัดดำ แบบหน้าปัดเทา แบบเนวี่ (หน้าปัดน้ำเงิน) และแบบซาฟารี (หน้าปัดสีขาวไอวอรี่) แต่ที่จริงแล้วทาง Audemars Piguet ได้ทำการปรับปรุงและเพิ่มเติมความดีเลิศให้กับรุ่นนี้ในหลายสิ่งหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปุ่มกดที่เปลี่ยนมาใช้วัสดุเซรามิกสีดำแทนการใช้ยาง และฝาหลังที่ในคราวนี้มาในแบบกรุกระจกแซฟไฟร์เพื่อให้มองเห็นโรเตอร์และกลไกภายใน การเปลี่ยนแปลงเพียงเท่านี้อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่รับรองว่าได้ใจสำหรับแฟนๆ Royal Oak อย่างแน่นอน
CARTIER Calibre de Cartier Diver
อะไรนะ! แบรนด์หรูอย่าง Cartier ผลิตนาฬิกาดำน้ำ ใช่ครับ Cartier ผลิตนาฬิกาดำน้ำขึ้นมาจริงๆ โดยจัดอยู่ในไลน์นาฬิกาสไตล์สปอร์ตหรู Calibre de Cartier ซึ่งต่อท้ายด้วยคำว่า Diver เมื่อเป็นนาฬิกาดำน้ำก็เป็นธรรมเนียมที่จะต้องมีสเกลนาทีที่สามารถหมุนแบบทิศทางเดียวได้รอบหน้าปัดเพื่อใช้สำหรับวัดค่าเวลาขณะอยู่ใต้น้ำ Cartier เลือกที่จะวางสเกลลงบนขอบตัวเรือนเคลือบดีแอลซีดำเพื่อเพิ่มความทะมัดทะแมงและรูปลักษณ์ที่แข็งขันให้กับตัวเรือนสปอร์ตหรูวัสดุสตีลขนาด 42 มิลลิเมตร หน้าปัดสีดำ พร้อมคุณสมบัติในการกันน้ำได้ลึกถึงระดับ 300 เมตร ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติกำลังสำรอง 48 ชั่วโมง ขณะที่ยังคงความเป็น Cartier ด้วยการประดับเม็ดสพิเนลบนเม็ดมะยมอันเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่ Cartier ยึดถือปฏิบัติเอาไว้เช่นเคย แม้จะเป็นนาฬิกาดำน้ำก็ตาม
IWC Aquatimer Automatic (Ref. IW3290)
ปีนี้ แบรนด์ดังอย่าง IWC ออกคอลเลคชั่นใหม่ให้กับ Aquatimer ตระกูลนาฬิกาดำน้ำของตนอีกครั้งด้วยรูปโฉมที่ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยการนำระบบ ‘เซฟไดว์’ สเกลสำหรับดำน้ำแบบใหม่ที่เป็นการหมุนขอบตัวเรือนด้านนอกไปพร้อมๆ กับสเกลดำน้ำที่ติดตั้งอยู่บนขอบหน้าปัดโดยเชื่อมต่อสัมพันธ์กันด้วยกระบอกเฟือง มาใช้กับตัวเรือนสเตนเลสสตีลทรงแกร่งขนาด 42 มิลลิเมตร ที่สามารถกันน้ำได้ถึงระดับความลึก 300 เมตร นาฬิกาทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติโดยมีให้เลือกทั้งแบบหน้าปัดสีดำและแบบหน้าปัดสีเงิน จับคู่กับสายที่เลือกได้ระหว่างสเตนเลสสตีลกับสายยางสีดำเช่นเคย และด้วยระบบเซฟไดว์นี้เองที่จะทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษในหมู่บรรดานาฬิกาดำน้ำด้วยกัน ใครที่เคยว่า Aquatimer รุ่นก่อนที่ออกมาตั้งแต่ปี 2009 นั้นดูไม่มีอะไรพิเศษน่าสนใจ จะต้องหันมาสนใจกับระบบเซฟไดว์ของ Aquatimer รุ่นใหม่นี้แน่ๆ
JAEGER-LECOULTRE Grand Reverso Ultra Thin 1931
ถ้าจะว่าถึงรุ่นนี้ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่รุ่นใหม่ถอดด้าม เพราะ Grand Reverso Ultra Thin 1931 กลไกไขลานกำลังสำรอง 45 ชั่วโมง นั้นถูกเปิดตัวออกมาตั้งแต่ปี 2011 เมื่อครั้งฉลองครบรอบ 80 ปีของนาฬิกาตระกูล Reverso นี้ โดยมีรูปโฉมที่อ้างอิงมาจากรุ่นแรกๆ ของการผลิต รวมถึงขนาด 46.8 x 27.4 มิลลิเมตร ซึ่งถือว่าไม่ได้ใหญ่มากนักเพื่อคงลักษณะของนาฬิกาในอดีตเอาไว้ แต่ด้วยความหนาเพียง 7.3 มิลลิเมตร ก็ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นเครื่องประดับข้อมือที่งดงามยิ่งภายใต้แขนเสื้อเชิ้ตคัตติ้งเนี๊ยบ รุ่นที่ออกมาในปีนี้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ที่มากับตัวเรือนพิ้งค์โกลด์พร้อมหน้าปัดสีน้ำตาลช็อกโกแลต และเพิ่มความโดดเด่นอีกระดับด้วยการใช้สายสีน้ำตาลเส้นงามกลมกลืนกับสีหน้าปัดที่ทำจากหนังม้าซึ่งผลิตโดยเวิร์คช็อปของ Casa Fagliano ผู้ผลิตเครื่องหนังรายเก่าแก่แห่งบัวโนสไอเรส เมืองหลวงของประเทศอาร์เจนติน่า และยังมาพร้อมกับสายหนังจระเข้สีน้ำตาลด้านอีกเส้นไว้ให้สลับเปลี่ยนอารมณ์ด้วย
MONTBLANC Meisterstück Heritage Date Automatic
คอลเลคชั่นใหม่เอี่ยมจาก Montblanc ในปีนี้ ใช้ชื่อเดียวกับคอลเลคชั่นปากกาอันเก่าแก่ของแบรนด์ที่มีอายุครบ 90 ปีในปีนี้ นั่นก็คือ Meisterstück นัยว่าเพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับคอลเลคชั่นที่โด่งดังที่สุดของแบรนด์นั่นเอง เพราะเมื่อคอลเลคชั่นนี้มีปากกากับเครื่องหนังแล้ว ทำไมจะมีนาฬิกาด้วยไม่ได้ และนาฬิการุ่น Meisterstück Heritage Date Automatic นี้ก็สามารถเป็นตัวแทนแห่งความเรียบ หรู เคร่งขรึม และภูมิฐาน อันเป็นคาแรกเตอร์ของคอลเลคชั่น Meisterstück ได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าแฟนๆ Montblanc คงไม่ปฏิเสธความงามเรียบหรูของนาฬิกาเดรสตัวเรือนสตีลขนาด 41 มิลลิเมตร หน้าปัดสีเงินขัดลายซันเบิร์สท์ตกแต่งด้วยหลักชั่วโมงสีเงินทรงและเพิ่มเสน่ห์ด้วยเข็มวินาทีสีน้ำเงิน คู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำตาลสุดเนี๊ยบ ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่นแสดงวันที่ รุ่นนี้อย่างแน่นอน
PANERAI Luminor 1950 Left-handed 3 Days (PAM 557)
Panerai เป็นแบรนด์นาฬิกาที่ทุกคนจับตามองเสมอยามออกอะไรใหม่ๆ ในปีนี้รุ่นเด่นที่นำมาให้ชมกันก็คือ PAM557 ในตัวเรือน Luminor 1950 ขนาดใหญ่ 47 มิลลิเมตร บวกกระจกเพล็กซิกลาส ฝาหลังแซฟไฟร์ หน้าปัดแซนด์วิชสีดำ ที่มากับเม็ดมะยมซ้าย ซึ่งนอกจากตำแหน่งของเม็ดมะยมแล้วก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปกว่า PAM372 ยอดนิยมที่มีหน้าตาเหมือนๆ กัน แต่เม็ดมะยมอยู่ข้างขวา แต่เราก็เชื่อว่าแค่การที่ Panerai ทำการย้ายฝั่งเม็ดมะยมให้กับนาฬิกาหน้าตาลงตัวที่เดินด้วยกลไกไขลานอินเฮ้าส์ P.3000 กำลังสำรอง 3 วัน แบบเดียวกับ PAM 372 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงมาแล้ว ก็เพียงพอที่จะทำให้สาวกแพมไม่ลังเลในการคว้า PAM557 รุ่นนี้มาไว้ในครอบครอง
PARMIGIANI Tonda Métrographe
Parmigiani เป็นแบรนด์นาฬิกาสวิสหรูที่ถือกำเนิดขึ้นจากความตั้งใจของนักประดิษฐ์นาฬิการะดับอัจฉริยะแห่งวงการนาฬิกาจักรกลสมัยใหม่ Michel Parmigiani โดยในปีนี้ได้ออกรุ่นใหม่ให้กับตระกูลนาฬิกา Tonda ในชื่อรุ่นว่า Métrographe ซึ่งมีลักษณะที่โมเดิร์นขึ้นกว่านาฬิการุ่นอื่นๆ ในตระกูลเดียวกัน ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ต้องการสะท้อนภาพบุคลิกของคนเมืองผ่านทางดีไซน์ของนาฬิกา ตัวเรือนสตีลขนาด 40 มิลลิเมตรของนาฬิกาโครโนกราฟรุ่นนี้จึงมีลักษณะตัวเรือนแบบอสมมาตรโดยมีความผายกว้างของตัวเรือนด้านข้าง 2 ฝั่งไม่เท่ากัน อันเป็นแรงบันดาลใจจากลักษณะของสถาปัตย์โครงสร้างอาคารแบบสมัยใหม่ และยังออกแบบอย่างชาญฉลาดให้ตัวเรือนทางด้านขวาทำหน้าที่เป็นบ่าปกป้องเม็ดมะยมไปในตัวด้วย สำหรับหน้าปัดย่อยก็ยังคงรูปแบบเฉพาะตัวของแบรนด์นั่นก็คือการออกแบบวงซ้ายกับวงล่างเชื่อมต่อกันเป็นทรงเลข 8 อันเป็นเลขมงคลพร้อมเจาะช่องหน้าต่างแสดงวันที่บนวงล่าง มีหน้าปัดให้เลือก 2 สีคือ สีขาวกับสีดำ โดยในแบบหน้าปัดสีดำที่นำมาให้ชมกันนี้ยังมีการเพิ่มลูกเล่นด้วยการเคลือบวงแหวนบนหน้าปัดด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่า เพื่อให้เปล่งแสงสีเขียวออกมาเป็นเลข 8 ในยามค่ำคืนด้วย ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟ มีให้เลือกทั้งสายไทเทเนี่ยมสลับสตีลดีไซน์เฉพาะตัว หรือสายหนังวัวสีดำที่ผลิตโดย Hermès
ROGER DUBUIS Hommage Automatic
ปีนี้ Roger Dubuis นำ Hommage นาฬิกาตระกูลดังที่ Mr. Roger Dubuis นักประดิษฐ์นาฬิการะดับยอดฝีมือแห่งยุคเคยสร้างสรรค์ขึ้นกลับมาผลิตขึ้นอีกครั้งในรูปโฉมที่ออกแบบให้มีความร่วมสมัยยิ่งขึ้น ในรุ่น Hommage Automatic ที่นำมาให้ชมกันนี้จะมีให้เลือกทั้งในตัวเรือนไวท์โกลด์และพิ้งค์โกลด์ขนาดกำลังดีที่ 42 มิลลิเมตร ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติที่ให้กำลังสำรองได้นานถึง 52 ชั่วโมง ที่สะท้อนความเป็นนาฬิกาชั้นเลิศผ่านผืนหน้าปัดสลักลายกิโยเช่พร้อมและพื้นหน้าปัดวินาทีลายสเนลด์ในโทนสีเงินขณะที่ขอบหน้าปัดและวงหน้าปัดย่อยจะใช้เป็นสีเทาเพื่อสร้างความแตกต่างชวนมอง โดยในรุ่นตัวเรือนไวท์โกลด์ในภาพนั้นจะใช้หลักชั่วโมงเลขโรมันกับเข็มต่างๆ เป็นสีเทา ที่สำคัญคือบนกระจกแซฟไฟร์ด้านหลังตัวเรือนจะมีลายเซ็นของ Mr. Roger Dubuis พิมพ์อยู่ด้วย
By: Viracharn T.