URWERK UR-100V Ultra Violet กับเฉดสีอันล้ำเลิศ
สีม่วง! เฉดสีอันล้ำเลิศที่อยู่ปลายสุดบนสเปกตรัม ของแถบสีที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ด้วยตา สีอื่นใดที่เหนือไปกว่าสีม่วงจึงอยู่นอกสนามสี โดยสีม่วงนับเป็นเฉดสีที่โดดเด่นสูงสุด ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของเหล่านักสู้ คู่แข่ง และผู้กล้า ที่ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นฮีโรหรือวายร้าย หากต้องการสร้างตัวตนให้โดดเด่น เป็นที่กล่าวขานแล้วก็ต้องเลือกสีม่วง!
Martin Frei ผู้ก่อตั้งร่วมของ URWERK ศิลปินและหัวหน้านักออกแบบ กล่าวถึงสีม่วงนี้ที่มีความพิเศษอย่างมากสำหรับเขา “ผมชอบความเป็นจริงที่ว่าสีนั้นเป็นมาก ไปกว่าสิ่งที่เราสามารถมองและรับรู้ได้ สเปกตรัมของแถบสีที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาของเรา นับจากสีแดงจนถึงสีม่วงและมากไปกว่านั้น เฉดสียังสามารถกลายเป็นคลื่นแสงที่ตาเรา ไม่สามารถตรวจจับหรือมองเห็นได้นั่นก็คืออัลตราไวโอเลต ผมเองหลงใหลในแนวคิดของการสร้างสรรค์นาฬิกา ที่จะฉลองให้กับพรมแดนแห่งความเชื่อมโยงจากสองจุดนี้ ณ จุดหักเหสูงสุดและเป็นการเปลี่ยนแปลง จากสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ไปยังสิ่งที่มิอาจรับรู้ได้ดังนั้น UR-100V Ultra Violet จึงเป็นเรื่องราวการสำรวจถึงขีดข้อจำกัดเหล่านี้ และ อัลตราไวโอเลตของเรานั้น จะได้ร่วมถ่ายทอดบางสิ่งซึ่งลึกลับ จากการเป็นเพียงเฉดที่อยู่บนขอบเขตของมิติเดิมๆ ที่เราเรียกกันแค่ว่า สี”
ประกอบเข้ากับสายยาง ที่หยิบเอารหัสต่างๆ ของนาฬิกาตระกูล 100 มาใช้โดยใน UR-100V Ultra Violet นี้ยังคงขับเคลื่อนการแสดงชั่วโมงและนาทีแบบแซทเทิลไลท์ (Satellite) ที่เติมเต็มความสมบูรณ์ด้วนรูปแบบใหม่เพิ่มเติม ซึ่งเมื่อบรรจบกับนาทีที่ 60 เข็มนาทีจะหายไปและปรากฏขึ้นอีกครั้ง ในฐานะหน้าปัดย่อยแสดงกิโลเมตร โดยเป็นการแสดงถึงระยะทาง 555 กิโลเมตรที่เดินทางไปในทุกๆ 20 นาทีของทุกผู้คนที่อาศัยบนดาวเคราะห์โลก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วยังเทียบเท่ากับความเร็วเฉลี่ย ในการหมุนรอบของโลกที่คำนวณ ณ เส้นศูนย์สูตร โดยการปรากฏในตำแหน่งตรงข้ามกันพอดี นั่นคือการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์เช่น 35,740 กิโลเมตรต่อ 20 นาที ขณะที่ด้านหน้าจะแสดงทั้งชั่วโมงและกิโลเมตรด้วยสเกลเดียวกัน โดยหน่วยเหล่านี้จะสว่างขึ้นในเวลากลางคืน ด้วยแสงเรืองสีฟ้าสำหรับชั่วโมง และแสงเรืองสีเขียวสำหรับกิโลเมตร
Felix Baumgartner ช่างนาฬิการะดับมาสเตอร์และผู้ร่วมก่อตั้งกล่าวว่า “ผลงานสร้างสรรค์นี้ได้แรงบันดาลใจมาจากของขวัญที่ได้รับจากคุณพ่อของผม Geri Baumgartner นักซ่อมแซมนาฬิกาคล็อกโบราณผู้มีชื่อเสียง โดยของขวัญนั้นเป็นนาฬิกาคล็อกที่สร้างสรรค์ขึ้นโดย Gustave Sandoz สำหรับร่วมในงานนิทรรศการโลก ปี 1893 (1893 World Exhibition) กับความพิเศษที่จริงๆ แล้วนาฬิกาคล็อกนี้แทนที่จะแสดงเวลาชั่วโมง แต่กลับแสดงระยะทางการหมุนที่เดินทางโดยโลก ณ เส้นศูนย์สูตร” โดยนาฬิกาเรือนนี้จะทำงานด้วยกลไกชุดใหม่ในคาลิเบอร์12.02 พร้อมด้วยการแสดงเวลาแบบแซทเทิลไลท์สามส่วน ภายใต้โดมกระจกแซฟไฟร์
“การปรับปรุงของชุดกลไกคาลิเบอร์ใหม่สำหรับนาฬิกาเวอร์ชันนี้ สะท้อนอยู่ภายในงานออกแบบใหม่ของกรงหมุนกลาง (Central Carousel) โดยมาร์กเกอร์ชั่วโมงถูกจัดวางไว้ให้ใกล้มากขึ้นกับสเกลนาที เพื่อช่วยให้สามารถอ่านค่าเวลาได้ง่าย รวดเร็ว และลื่นไหลยิ่งขึ้น” Felixอธิบายเพิ่มเติม โดยกรงหมุนนี้จะผลิตจากฟอร์จอลูมิเนียม จากนั้นจึงผ่านกระบวนการปัดทรายและชอตบลาสต์ (Shot-blasted) หลังการชุบผิวอโนไดซ์ (Anodising) ขณะที่สกรูว์ชุดแซทเทิลไลต์แต่ละตัว จะผ่านการขัดตกแต่งแบบซาตินด้วยลวดลายวงกลม ส่วนชุดแซทเทิลไลต์ต่างๆ จะจัดวางอยู่บนกรงหมุนทองเหลืองปัดทรายและเคลือบรูทีเนียม โดยโครงสร้างซึ่งครอบคลุมการแสดงชั่วโมงทั้งหมดนี้ จะผลิตจากอลูมิเนียมปัดทรายและชอตบลาสต์ ส่วนชุดกลไกจะขับเคลื่อนด้วยโรเตอร์ ที่ขึ้นลานได้สองทิศทางที่ควบคุมโดยระบบใบพัด
ถ่ายทอดผ่านสุนทรียะความสวยงามของตัวเรือน UR-100V Ultra Violet นับเป็นความพึงพอใจซึ่งมิอาจมองข้ามได้ ทั้งยังเชื้อชวนให้หวนนึกถึงความเคารพและศรัทธาของ URWERK ที่มีต่อคุณลักษณะเฉพาะตัวด้านความสวยงาม นับจากผลงานสร้างสรรค์รุ่นแรกๆ ของแบรนด์นาฬิกาอิสระรายนี้ “เราให้ความสำคัญกับองค์ประกอบอันสวยงามและชัดเจนเสมอ นับจากโครงสร้างนาฬิการุ่นแรกๆ ของเรา ตลอดจนการแยกและปรับโครงสร้างเพื่อการสร้างสรรค์สิ่งใหม่เช่น โดมสตีลของนาฬิการุ่นประวัติศาสตร์ได้ถูกผลิตขึ้นใหม่ในผลงานนี้ เพื่อความสมบูรณ์แบบที่ตอกย้ำถึงความโดดเด่น พร้อมความแข็งแกร่งทนทานของตัวเรือนไทเทเนียมและสตีล และผมเลือกที่จะเล่นกับสัดส่วนที่ท้าทายสายตามากกว่า” Martin Frei กล่าวสรุป ซึ่งนาฬิการุ่น UR-100V Ultra Violet นี้จะมีราคาจำหน่ายที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ 55,000 สวิสฟรังก์