White Lion เรือนเวลาประดับอัญมณีด้วยทักษะขั้นสูงจาก GRAND SEIKO

เรือนเวลาประดับอัญมณีที่เสริมสร้างมิติใหม่ให้กับคอลเลคชั่น GRAND SEIKO Masterpiece จากปี 2020 ที่ GRAND SEIKO ได้นำเสนอเรือนเวลาประดับอัญมณีในคอลเลคชั่น Masterpiece เป็นครั้งแรกด้วยเรือนเวลาที่มากับดีไซน์ซึ่งสะท้อนถึงภูมิทัศน์แห่งภูมิภาคของสถานที่กำเนิด มาถึงวันนี้ผลงานชิ้นใหม่ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาอีกครั้งพร้อมการทำงานด้วยกลไกสปริงไดรฟ์ ประดับด้วยอัญมณีซึ่งเป็นงานฝีมือระดับสูงเช่นเดียวกัน หากแต่มีแรงบันดาลใจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงด้วยการนำสิงโต ราชาแห่งสรรพสัตว์ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งความแข็งแกร่งของ GRAND SEIKO ตั้งแต่ปี 1960 มาถ่ายทอดในแนวทางใหม่

 

Screen Shot 2565 04 25 at 19.41.44

 

และนี่ก็คือการปรากฎตัวของ White Lion จากความแข็งแกร่งและพละกำลังของสิงโตที่ยังคงเป็นหัวใจของเรือนเวลารุ่นนี้ แต่ครั้งนี้จะเป็นสิงโตขาวผู้มีความงามที่สะดุดตาและพบเจอได้ยาก พร้อมกับการเปล่งประกายแห่งเพชร นิลสีดำ ไวท์โกลด์ และแพลทินัม ที่ถูกประสานรวมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นเรือนเวลาอันน่าทึ่ง ที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะอันวิจิตรงดงามจากงานการผลิตแบบจำนวนจำกัดเพียงแค่ 5 เรือน และจะปรากฏตัวเฉพาะในบูติคนาฬิกา GRAND SEIKO ที่ได้รับการเลือกสรรเท่านั้น โดยจะพร้อมจำหน่ายในช่วงเดือนพฤษภาคม 2022

 

Screen Shot 2565 04 25 at 20.00.32

 

พร้อมความงดงามของแผงคอสิงโตที่แผ่สยายอยู่บนหน้าปัด ขณะที่คมเขี้ยวอันแข็งแรงดั่งพลังของสิงโต และแผงคออันงามสง่าถูกสะท้อนผ่านลงสู่ตัวเรือน พร้อมด้วยเพชรน้ำงามจำนวน 112 เม็ดที่ฝังลงบนพื้นผิวด้านบนและด้านล่างของตัวเรือน กับเพชรทรงบาแกตต์อีกจำนวน 60 เม็ดที่ฝังอยู่บนขอบตัวเรือนที่เปล่งประกาย และโอบล้อมหน้าปัดที่ประดับด้วยเพชรจำนวนไม่น้อยกว่า 94 เม็ด ตัดด้วยนิลสีดำจำนวนอีก 26 ชิ้นเพื่อสร้างความวิจิตรงดงาม พร้อมกับเข็มวินาทีที่ถูกทำให้เป็นสีเทา เพื่อให้เข้ากับโทนสีในภาพรวม และยังมีเพชรทรงบริลเลียนท์คัทอีก 1 เม็ดประดับอยู่บนเม็ดมะยม

 

Screen Shot 2565 04 25 at 19.43.01

 

บรรดาเพชรเม็ดงามถูกประดับอย่างเรียบเนียนเสมอกันราวกับเป็นพื้นผิวเดียว ทั้งนิลสีดำและเพชรทรงบาแกตต์ที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ที่ร่วมกันทำหน้าที่เป็นหลักชั่วโมงและหลักนาทีบนหน้าปัด โดยอัญมณีทั้งหมดนี้จะถูกประดับอย่างประณีตด้วยมือ ลงในช่องที่อยู่ระหว่างรางไวท์โกลด์ที่มีขนาดเส้นบางเฉียบโดยเหล่าช่างประดับอัญมณี ที่ชำนาญที่สุดของชินชูว็อชท์สตูดิโอในชิโอจิริ โดยเพชรบนวงขอบตัวเรือนจะส่งประกายสะท้อนที่ต่อเนื่อง ราวกับว่าเป็นวงขอบตัวเรือนที่มีพื้นผิวที่เสมอกัน ซึ่งความเชี่ยวชาญในด้านการประดับอัญมณีระดับสูงเช่นนี้ ยังเห็นได้จากส่วนขาของตัวเรือนอีกด้วยเช่นกัน

 

 

 

Screen Shot 2565 04 25 at 20.10.39

 

 

 

ตัวเรือนที่สร้างขึ้นจากแพลทินัม จะมีแนวขอบสันที่คมชัดและโดดเด่นตามแบบฉบับเฉพาะตัวของ GRAND SEIKO โดยแนวขอบสันเช่นนี้เกิดขึ้นได้ จากการสร้างตัวเรือนด้วยการขึ้นรูปเย็น และการขัดเงาแบบซารัทสึ (Zaratsu) ด้วยเทคนิคที่ออกแบบมาสำหรับวัสดุแพลทินัมโดยเฉพาะ ในรูปลักษณ์ที่ทรงพลังทว่างามสง่าดุจพญาสิงโตสีขาว ซึ่งการผสมผสานระหว่างดีไซน์ตัวเรือนที่แข็งแกร่ง และรายละเอียดอันงดงามของอัญมณีทั้งหมดนี้ช่างเป็นผลงานที่น่าทึ่งยิ่งนัก นอกจากนี้ยังมีความพิเศษของการใช้กลไกสปริงไดร์ฟ ที่ให้พลังสำรองลานนานถึง 8 วันพร้อมทิวทัศน์อันงดงามของภูเขาฟูจิ ในจินตนาการบนแท่นกลไกด้านหลังนี้

 

Screen Shot 2565 04 25 at 19.41.59

 

โดยเข็มแสดงพลังสำรองลาน 8 วัน จะสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนผ่านฝาหลังที่กรุกระจกแซพไฟร์ พร้อมแท่นกลไกสปริงไดร์ฟคาลิเบอร์ 9R01 ที่สร้างโดยสตูดิโอไมโครอาร์ติสท์ โดยคณะทำงานชั้นยอดผู้สร้างเรือนเวลากลไกสปริงไดร์ฟรุ่นต่างๆ ให้กับนาฬิกาในคอลเลคชั่นMasterpiece ซึ่งมีฐานการสร้างงานอยู่ในแหล่งผลิตที่ชิโอจิริ เช่นเดียวกับสตูดิโอชินชู โดยกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 9R01 นี้จะให้อัตราความเที่ยงตรงถึงระดับ ±10 วินาทีต่อเดือน และพลังลานจากตลับลานถึง 3 ชุด พร้อมการจัดการทำงานแบบเรียงลำดับ เพื่อส่งพลังงานที่กักเก็บได้อย่างยาวนานและต่อเนื่องอย่างมีประสิทธิภาพ

 

Screen Shot 2565 04 25 at 20.07.20

 

GRAND SEIKO Masterpiece Collection มีตัวเรือนในขนาด 44.5 มิลลิเมตร หนา 14.4 มิลลิเมตร พร้อมกระจกแซฟไฟร์ที่ผ่านการเคลือบสาร กันการเกิดแสงสะท้อนแบบผิวโค้งทั้ง 2ฝั่ง กับความสามารถในการต้านทานสนามแม่เหล็กไฟฟ้าในระดับ 4,800 แอมแปร์/เมตร และความสามารถในการกันน้ำในระดับ 10 บาร์ ใช้งานคู่กันกับสายหนังจระเข้พร้อมชุดล็อคแบบ 3 ทบและสามารถปลดล็อกด้วยปุ่มกด กับจำนวนการผลิตในแบบจำนวนจำกัดเพียง 5 เรือน และจะมีราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 9,829,000 บาท

 SBGD209J