The latest Advance Research of PATEK PHILIPPE, Ref. 5750P
ในวันนี้ทีมวิศวกร “Advanced Research” ณ PATEK PHILIPPE ได้ขยายพรมแดนของนาฬิกาตีระฆังบอกเวลาของแบรนด์ ด้วยการพัฒนาระบบขยายเสียงทางจักรกลขึ้นใหม่ทั้งหมด ผ่านโมดูล fortissimo “ff” ที่ประกอบด้วยคานเสียง (Sound Lever) แบบแขวนและแบบยืดหยุ่น รวมถึงแผ่นออสซิลเลเตอร์ (Oscillating Wafer) ที่ผลิตจากกระจกแซฟไฟร์ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับนาฬิกากลไกมินิทรีพีทเตอร์ (Minute Repeaters) ทั่วไป โดยไม่คํานึงถึงวัสดุตัวเรือนแล้ว ระบบนี้จะสามารถถ่ายทอดเสียง ที่ขยายด้วยคุณภาพอันล้ำเลิศได้ชัดใสยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังทรงคุณค่าด้วยสี่สิทธิบัตรที่ได้รับมาจากเทคโนโลยีที่บุกเบิกขึ้นนี้
โดยนําเสนอไว้ในนาฬิกา Ref. 5750P “Advanced Research” Minute Repeater นาฬิการุ่นที่ผลิตในแบบจํานวนจํากัดพิเศษ ซึ่งประกอบไปด้วยผลงาน 15 เรือนในตัวเรือนที่ผลิตจากแพลทตินั่ม พร้อมความโดดเด่นของงานออกแบบหน้าปัดอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จากจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมของแบรนด์ ที่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในดีเอ็นเอของ PATEK PHILIPPE มานับตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งบริษัท และยังคงเป็นประเพณีที่สืบทอดมาอย่างไม่เคยหยุดยั้ง ณ โรงงานผลิตแห่งนี้ที่ไม่เคยลดละความพยายามในการก้าวข้ามขีด 3 ข้อจํากัดต่างๆ ของศิลปะแห่งการประดิษฐ์นาฬิกา พร้อมขับเคลื่อนสู่ระดับแนวหน้าด้านการพัฒนาทางเทคนิคอันล้ำสมัย
ซึ่งนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมด้วยการแสดงเวลาสองไทม์โซน โดยนํามาใช้สําหรับการปรับตั้งไทม์โซนที่สองนี้ ซึ่งนับเป็นผลงานรุ่นแรกที่มาพร้อมการติดตั้งด้วยบาลานซ์สปริงสไปโรแม็กซ์ (Spiromax®) ในเวอร์ชันที่พัฒนาประสิทธิภาพแล้ว พร้อมระบบขยายเสียงจากแผ่นออสซิลเลเตอร์และกระจกแซฟไฟร์ ที่เชื่อมโยงถึงหัวใจแห่งความเชี่ยวชาญชั้นยอดของโรงงานผลิต นั่นคือนาฬิกาตีระฆังบอกเวลา หรือที่เรียกกันว่ามินิทรีพีทเตอร์ ซึ่งนับเป็นนาฬิกาที่มีกลไกซับซ้อนระดับแกรนด์คอมพลิเคชั่น พร้อมการรักษาไว้ซึ่งคุณภาพเสียงภายใต้พื้นที่ภายในตัวเรือนที่จำกัด หลังจากการทดลองและเสาะหาทางเทคนิคในด้านต่างๆ
ด้วยงานออกแบบของกลไกฐานพร้อมการพัฒนาปรับปรุงสะพานจักร เพื่อเพิ่มโมดูลที่จะสามารถทํางานได้เสมือนเป็นลําโพงทางจักรกล ทว่าแตกต่างจากลําโพงทั่วไป โดยการขยายของเสียงนี้จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับไดอะแฟรม (Diaphragm) ประเภทยืดหยุ่นซึ่งคล้ายกับผิวของกลองที่เชื่อมติดไปตามขอบรอบวง และแทนที่จะเป็นเมมเบรน (Membrane) ทว่าระบบที่ PATEK PHILIPPE จดทะเบียนด้วยสามสิทธิบัตรนี้นั้นจะประกอบไปด้วยแผ่นออสซิลเลเตอร์ ที่ผลิตจากกระจกแซฟไฟร์สังเคราะห์ในความหนา 0.2 มิลลิเมตร และจากลักษณะของการเคลื่อนที่เชิงมุม ที่ทําให้แผ่นสามารถเคลื่อนไหวอย่างหนักแน่นและเป็นอิสระ
พร้อมมอบผลลัพธ์ของการแผดเสียงที่ดีและชัดใสกว่า ภายใต้ขนาดและพื้นที่ที่จํากัดของนาฬิกาข้อมือ ขณะที่ความโปร่งใสของกระจกแซฟไฟร์ได้มอบ ซึ่งภาพการมองเห็นกลไกอย่างไร้อุปสรรคผ่านทางฝาหลังตัวเรือน และเพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์ของระบบซึ่งถูกย่อส่วนลงอย่างมากนี้ นักพัฒนาของแผนกจึงจําเป็นต้องควบคุมซึ่งองค์ประกอบอันท้าทายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในแง่ของการออกแบบและในการผลิต ทั้งการสร้างคานเสียงแบบแขวนและแบบยืดหยุ่น เพื่อให้สามารถส่งผ่านเสียงได้เต็มประสิทธิภาพจากลวดฆ้อง (Gongs) ของจักรกลมินิทรีพีทเตอร์ไปยังแผ่นออสซิลเลเตอร์กระจกแซฟไฟร์
ภายใต้ตัวเรือนที่มีวัสดุสําคัญอย่างมากต่อเสียงนั่นก็คือโรสโกลด์ ซึ่งนับเป็นโลหะล้ำค่าที่ดีที่สุดสําหรับการกังวานของเสียง ขณะที่แพลทตินั่ม ซึ่งมีความหนาแน่นของวัสดุสูงกว่านั้นนับเป็นความท้าทายด้านเสียงมากที่สุดสำหรับนาฬิการุ่นนี้ โดยในนาฬิกามินิทรีพีทเตอร์พร้อมด้วยโมดูล fortissimo ซึ่งมีขอบฉนวนที่ผลิตจากวัสดุเชิงประกอบไฮเทคนั้น จะแยกการทํางานของตัวขยายเสียงออกจากกลไก ซึ่งเสียงจะถูกนําทางไปยังคานเสียงก่อน จากนั้นจึงส่งผ่านไปยังแผ่นออสซิลเลเตอร์ และแผดเสียงผ่านช่องเปิดทั้งสี่ช่อง ณ ตําแหน่ง 12, 3, 6 และ 9 นาฬิกาในวงแหวนไทเทเนียมตามลําดับ โดยคลื่นเสียงจะวิ่งผ่านช่องแคบระหว่างฝาหลังตัวเรือน
ดังนั้น หากสวมนาฬิกามินิทรีพีทเตอร์คลาสสิคไว้บนข้อมือที่ระยะห่าง 10 เมตร ก็จะให้เสียงที่ดังและชัดเจนเท่ากับนาฬิกามินิทรีพีทเตอร์พร้อมตัวขยายเสียง ซึ่งอยู่ห่างออกไปที่ระยะ 60 เมตร นอกจากนี้ โรงงานการผลิตยังยกระดับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอันล้ำเลิศ ในพรมแดนแห่งนาฬิกาตีระฆังบอกเวลา เพื่อสร้างสรรค์เสียงที่ก้องกังวานและยังคงเป็นเสียงที่ไพเราะเสนาะหู ซึ่งนั่นต้องอาศัยทั้งความชํานาญอย่างสูง รวมถึงโสตสัมผัสที่เฉียบแหลม และแม้ว่าเสียงซึ่งถูกขยายโดยโมดูล fortissimo นั้นจะมีความแตกต่างเล็กน้อยไปจากเสียงของนาฬิกามินิทรีพีทเตอร์อื่นๆ
แต่ยังคงมอบซึ่งคุณภาพความกลมกลืนและความไพเราะของเสียง ที่ตอกย้ำชื่อเสียงอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของบรรดานาฬิกามินิทรีพีทเตอร์จาก PATEK PHILIPPE ทั้งยังปลุกเร้าความสนใจของเหล่าผู้ที่หลงใหลในเรือนเวลาแบบมินิทรีพีทเตอร์เหล่านี้ ด้วยเสียงสะท้อนอันยาวนานที่ค่อยๆ แผ่วลงไปตามแรงของการตี(Attack) นอกจากนี้ระยะเวลาสูงสุดของการตีบอกเวลา (32 ครั้ง ณ เวลา 12.59 น.) ที่โดยปกติแล้วจะนาน 17 ถึง 18 วินาที แต่ครั้งนี้ได้ถูกขยายเป็น 20 ถึง 21 วินาที ซึ่งช่วยให้ลวดฆ้องนั้น ค่อยๆ แผ่วกําลังลงแต่ยังคงยาวนานและมีประสิทธิภาพที่เต็มที่ได้ยิ่งขึ้น
และด้วยระบบ fortissimo “ff” เฉพาะของ PATEK PHILIPPE นี้ที่จะช่วยในการขยายเสียงและการแผดของเสียง จากการพัฒนาของทีม “Advanced Research” ที่ถือเป็นอีกครั้งในการนําเสนอซึ่งนวัตกรรมที่จะดึงดูดความสนใจ ของเหล่าผู้คนที่หลงใหลในเรือนเวลาแบบมินิทรีพีทเตอร์ รวมถึงเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของนวัตกรรมทางเทคนิคต่างๆ และยังนับเป็นผลงานที่พร้อมจะเปิดพรมแดนใหม่ ให้กับนาฬิกาชนิดตีระฆังบอกเวลาอันน่าอัศจรรย์ในอนาคตอีกเช่นกัน