GIRARD-PERREGAUX Laureato Chronograph ASTON MARTIN Edition
สัมพันธภาพแห่งความร่วมมือที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อต้นปี 2021 ที่ผ่านมา และยังนับเป็นมิตรภาพอย่างแท้จริงที่ก่อรูปขึ้นระหว่าง GIRARD-PERREGAUX และ ASTON MARTIN ที่นำมาซึ่งผลงานสร้างสรรค์สู่เรือนเวลารุ่นใหม่ Laureato Chronograph ASTON MARTIN Edition จากการผสมผสานด้วยความเชี่ยวชาญ ที่เปี่ยมด้วยสไตล์ที่รังสรรค์ขึ้นเฉพาะสำหรับผู้ที่หลงใหล และชื่นชมในความหรูหรากับเรื่องราวแห่งสมรรถนะ ที่สืบทอดจากมรดกที่สั่งสมมาอย่างยาวนานของสองบริษัท ที่ต่างก็เปี่ยมด้วยองคค์วามรู้อันหลากหลายมากมาย รวมกว่า 330 ปีที่เปรียบเสมือนหลักฐานที่สะท้อนถึงคุณค่าของทั้งสองแบรนด์
โดยย้อนกลับไปในช่วงต้นของยุค 1900s ที่สีสันต่างๆ ได้ถูกนำมากำหนดใช้กับบรรดารถแข่งความเร็วสูง เพื่อช่วยจำแนกความแตกต่างระหว่างทีมแข่งรถ ที่มาจากหลากหลายประเทศและหลายสัญชาติได้อย่างเด่นชัด จนทำให้สีเหล่านั้นกลายเป็นอีกหนึ่งในสัญลักษณ์ของรถแข่งแต่ละทีม อย่างเช่นรถแข่งจากฝรั่งเศสมักปรากฏโฉมภายใต้สีน้ำเงิน ขณะที่อิตาลีจะมาพร้อมกับสีแดง ส่วนรถจากเบลเยียมเป็นสีเหลือง และรถจากเยอร์มันจะเป็นสีเงิน รวมทั้งรถแข่งสัญชาติอังกฤษอย่าง ASTON MARTIN จะมาภายใต้สีเขียวบริติชเรซซิ่งกรีน จนกลายเป็นอีกหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของแบรนด์มาโดยตลอด
ในขณะที่นาฬิกา GIRARD-PERREGAUX Laureato Chronograph ASTON MARTIN Edition จะเป็นผลงานสร้างสรรค์รุ่นล่าสุดที่มีหน้าปัดที่โดดเด่น ด้วยการใช้เฉดสีอันน่าอภิรมย์ที่ในปัจจุบันเรียกกันว่า ASTON MARTIN Green จากการลงสีเป็นชั้นๆ ถึง 7 ชั้นเพื่อให้ได้ผลลัพท์ของหน้าปัดที่งดงาม และมีความชัดลึกอย่างมีมิติ พร้อมกับลวดลายคล้ายเพชรที่ปรากฏให้เห็นครั้งแรกจากโลโก้ AM ของผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ในช่วงปี 1921-1926 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเบาะที่สั่งสไตล์ควิลท์ ที่อยู่ในบรรดารถสปอร์ตสมรรถนะสูงจำนวนมากจากค่ายรถยนต์อังกฤษแห่งนี้
สง่างามด้วยหน้าปัดย่อยสามวงอันโดดเด่นตามสไตล์นาฬิกาแบบโครโนกราฟ พร้อมเข็มแสดงค่าแบบโอเพนเวริค์สอดรับกับงานออกแบบของเข็มแสดงค่าชั่วโมงและนาที โดยมีการตกแต่งและขัดลายสเนลด์ในหน้าปัดย่อย และการจัดวางหน้าต่างแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 4.30 น. ภายใต้ตัวเรือนสไตล์สปอร์ตอันโดดเด่น ตามรูปแบบของนาฬิการุ่น Laureato ที่ออกสู่ตลาดเป็นครั้งแรกในปี 1975 จนกลายเป็นอีกหนึ่งในไอคอนนิคของแบรนด์ พร้อมยกระดับงานตามปรัชญาของ GIRARD-PERREGAUX จากความโค้งและความเหลี่ยมที่ผนวกเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าสนใจ รวมไปถึงงานการขัดแต่งแบบขัดด้านและขัดเงาในแต่ละจุด
กรุด้วยกระจกแซฟไฟร์ด้านหลัง ที่ทำให้สามารถเห็นการทำงานของกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ GP03300-0141 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของกลไกคาลิเบอร์ที่นี่อยู่ในตัวเรือนแบบมีกระจกแซฟไฟร์ด้านหลัง จากการพัฒนาจากกลไกคาลิเบอร์ 0300 ที่ผ่านการตกแต่งด้วยลวดลายโค๊ตส์เดอเจอเนฟ ทั้งลายวงกลมและลายแถบตรง ขอบของช่องต่างๆ ที่มีการขัดเงา การใช้บลูด์สกรูว์ที่ผ่านขั้นตอนการอบด้วยความร้อน รวมไปถึงลายเพอร์ลาจบนแท่นกลไก ที่ร่วมกันทำให้กลไกคาลิเบอร์ใหม่นี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ภายใต้ตัวเรือนสตีล 904L ขนาด 42 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นเกรดพิเศษของสตีลที่ใช้กันอย่างแพร่หลายกว่าสตีลแบบ 316L
โดยสตีลเกรด 904L แม้จะมีราคาที่สูงกว่าแต่ก็จะมีคุณสมบัติเด่นมากมายที่ตามมา ตั้งแต่ความสามารถในการทนทานต่อการสึกกร่อนที่สูงกว่า การทนต่อรอยขูดขีดได้ดีกว่า รวมทั้งมีความสว่างมากกว่าและเฉดสีสันที่ทำให้เกิดภาพลักษณ์ความหรูหราที่เหนือกว่า โดยนาฬิกาพิเศษในรุ่นนี้จะมีการผลิตแบบจำนวนจำกัดเพียง 188 เรือนทั่วโลก พร้อมราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่ 623,000 บาท