BOVET 1822 ONLY WATCH 2023

นาฬิกาแต่ละเรือนสำหรับงานการประมูล ONLY WATCH จะมีการกำหนดสีสัน เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบนาฬิกา ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งสำหรับการประมูลในปีนี้ หลากหลายสีทั้ง สีน้ำเงิน สีเขียว สีเหลือง สีชมพู และสีม่วงแดง จะเป็นโทนสีที่ฉลองให้กับงานประมูล ONLY WATCH ครั้งที่ 10 กับโลกแห่งความเห็นอกเห็นใจ ความเข้าใจ และความอดทนร่วมกันของคนในโลก โดย BOVET เลือกสีม่วงแดงเป็นสีหลักในการสื่อถึงความเมตตา ความสามัคคี การสนับสนุน และความรัก

 

Only Watch Bovet Orbis Mundi e1689214338221

 

ซึ่งนาฬิการุ่น Orbis Mundi ที่ได้รับรางวัลอันหลากหลาย ได้รับเลือกจาก BOVET ให้เป็นนาฬิกาเรือนพิเศษในปีนี้ กับชิ้นงานที่ไม่เหมือนใครจากการแสดงเวลาแบบสากล และการเดินทางที่นำโลกมาอยู่รวมกันได้ จากการขยายขอบฟ้า ส่งเสริมความเข้าใจ และเพิ่มความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน พร้อมหน้าปัดลายกิโยเช่ เคลือบแลคเกอร์สีม่วงแดงสดใสถึงเจ็ดชั้น ที่แต่ละชั้นจะลงแลคเกอร์ด้วยมือแล้วผ่านกระบวนการ ทำให้แห้งก่อนลงมือในชั้นต่อไป จนกว่าจะครบเจ็ดครั้งด้วยแป้นหมุนในเตาอบ และกระบวนการขัดเงา

 

e1a6e3d4be56cbaf9d9d2c6b676002

 

เฉพาะนาฬิกาเรือนนี้บนหน้าปัดแสดงเวลาโลก จะแสดงชื่อประเทศโมนาโกแทนที่เขตเวลาเจนีวา ในสีม่วงแดงเช่นกันเพื่อช่วยให้มีความโดดเด่นเป็นพิเศษ “ONLY WATCH เป็นโอกาสอันยอดเยี่ยมสำหรับอุตสาหกรรมนาฬิกาทั้งหมด ที่จะมาร่วมกันทำสิ่งพิเศษขึ้นพร้อมการเสียสละ” Mr. Pascal Raffy เจ้าของแบรนด์นาฬิกา BOVET 1822 กล่าวการช่วยเหลือเด็กคือจุดที่น่าสนใจมากที่สุดของงานประมูล ONLY WATCH และด้วยเหตุนี้ นาฬิกาเรือนพิเศษนี้จึงเป็นนาฬิกาเรือนที่รักจากหัวใจของผม

 

03

 

ผมรู้จัก Luc Pettavino มาหลายปีแล้ว และผมก็เคารพในตัวเขาและสิ่งที่เขาทำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการได้ทำงานเพื่อการกุศลและเพื่อโลกใบนี้” Mr. Raffy กล่าวต่อโดยปีนี้เป็นการทำงานครั้งที่ 10 ของงานประมูล ONLY WATCH และผมสามารถบอกได้เลยว่า นาฬิกาเรือนนี้สำหรับช่างฝีมือ นักออกแบบ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่ BOVET เรายินดีและมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้สนับสนุนความพยายามอันยิ่งใหญ่และแสนเหลือเชื่อนี้ของงานประมูล ONLY WATCH”

 

02

 

สำหรับ Orbis Mundi แล้ว อาจต้องย้อนกลับไปในปี 1822 เมื่อประมาณ 200 ปีก่อนที่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Edouard Bovet ผู้ผลิตนาฬิกาจากเฟลอริเยร์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ต้องออกเดินทางไปทั่วโลก และเป็นผลให้นาฬิกาแบบหลายโซนเวลา อยู่ในดีเอ็นเอของแบรนด์มาโดยตลอด โดย BOVET มีการผลิตนาฬิกาในธีมนี้มาแล้วในหลากหลายรูปแบบ จากครั้งที่ Mr. Raffy กำลังออกแบบชุดโดมเวลาโลกของนาฬิการุ่น Recital 26 Brainstorm Chapter Two ซึ่งได้รับรางวัล Mechanical Exception จากงาน GPHG ในปี 2020

 

Bovet 1822 Orbis Mundi Special Edition for Only Watch 2023

 

เขาก็ได้มีแนวคิดไว้แล้ว ที่จะดัดแปลงชุดกลไกเพื่อนำมาใช้ในนาฬิการุ่นใหม่ชื่อ Orbis Mundi ที่เห็นในขณะนี้ โดยจากการพัฒนามากว่าสองปี Orbis Mundi ในภาษาละตินที่แปลว่า "โลก" ก็ทำให้การแสดงค่าเวลาทั้งสองง่ายขึ้น กับการตั้งค่าและการแสดงเวลาโลก สำหรับคนรักนาฬิการุ่นใหม่ที่ Orbis Mundi ต้องขอบคุณความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมของ BOVET ที่ทำให้สามารถปรับค่าได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เม็ดมะยมเท่านั้น ทั้งการตั้งเวลาใน 24 เมืองของโลก จากการหมุนเม็ดมะยมทวนเข็มนาฬิกาเพื่อตั้งเวลาชั่วโมงและนาที

 

01

 

และหมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อตั้งหน้าปัดเวลา 24 โซนที่ไม่ซ้ำกัน นอกจากนี้ Orbis Mundi ยังมีความประณีต และความโดดเด่นจากความสะดวกในการใช้งาน ในตัวเรือนแบบ Fleurier อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แท้จริงของความเป็นเลิศ ด้านการผลิตนาฬิกามานานกว่าสองศตวรรษ กับวัสดุเรดโกลด์ในขนาด 42 มิลลิเมตรที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อเกิดตัวเรือนที่ให้ความสบายอย่างสูงสุด ไม่ว่าข้อมือของผู้สวมใส่จะมีขนาดเท่าใดก็ตาม ในรูปทรงที่เพรียวบางขนาด 11.25 มิลลิเมตร

 

 

กรุณาติดตามตอนต่อไปในครั้งหน้า