MB&F x Emmanuel Tarpin
MB&F Legacy Machine FlyingT กับแรงบันดาลใจจากพายุหิมะและหินงอกน้ำแข็ง ในชื่อรุ่นต่อท้าย Ice และ Blizzard ซึ่งผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียงรุ่นละ 8 เรือน จากผลลัพธ์แห่งความร่วมมือกันระหว่าง MB&F และนักออกแบบเครื่องประดับอัญมณีชาวฝรั่งเศส Emmanuel Tarpin ผู้สร้างผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว ด้วยการหล่อหลอมไว้ซึ่งความรักที่มีต่อธรรมชาติ ประติมากรรม นวัตกรรมวัสดุ และอัญมณี
“เราไม่ได้เป็นช่างอัญมณี แต่เราคือช่างนาฬิกา” Maximilian Büsser ผู้ก่อตั้ง MB&F เผย “ดังนั้นผมจึงเริ่มมองหาช่างอัญมณีผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อเสาะหาผู้ที่ต้องการร่วมงานกับเรา ในการผสมผสานศิลปะและความเชี่ยวชาญด้านอัญมณีลงใน FlyingT ซึ่งจริงๆ แล้ว อาจเปรียบเหมือนกับการมอบผืนผ้าใบเปล่า ให้พวกเขาได้วาดจินตนาการและศิลปะลงไป” Max กล่าวเสริม
และนี่คือความร่วมมือกันครั้งที่สองกับนาฬิกาในคอลเลคชั่น Lagacy Machine FlyingT นับจากผลงานรุ่นแรกที่ร่วมงานกับ BVLGARI มาแล้ว “ผมร่วมทำงานกับคนอื่นน้อยครั้งมาก เพราะผมชอบที่จะทุ่มเทให้กับงานสร้างสรรค์ของตัวเองมากกว่า” Emmanuel Tarpin อธิบาย “แต่เมื่อเราได้พูดคุยกัน ก็ดูเหมือนว่าเราจะเข้ากันได้ดี มีความเป็นธรรมชาติและง่ายดาย แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกของผมกับการทำงานกับนาฬิกาก็ตาม!”
Legacy Machine FlyingT ดึงดูดความสนใจของ Tarpin ในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปริมาตรและมิติของตัวนาฬิกา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเรือนเวลาส่วนใหญ่จะมีลักษณะแบนราบ เขาจึงหลงใหลในพื้นที่โค้งโดมที่รายล้อม รอบจักรกลซึ่งสร้างขึ้นในแนวดิ่งหรือแนวตั้งนี้อย่างมาก และด้วยการให้อิสระอย่างเต็มที่ในการออกแบบในสิ่งที่เขาต้องการ เขาจึงเลือกใช้ธีมฤดูหนาวเป็นหลัก
โดยในรุ่นแรกซึ่งชื่อ Ice มาพร้อมกับหินงอกน้ำแข็งจากการประดับเพชรแบบอสมมาตร ซึ่งคืบล้ำเข้าสู่โดมกระจกแซฟไฟร์และกลไก โดยแต่ละหินงอกน้ำแข็งนี้ยังล้วนแตกต่าง เสมือนจำลองการสุ่มตามธรรมชาติโดย Tarpin ได้นำแรงบันดาลใจของเขามาจากการเดินทางไปยังทะเลสาบไบคาล (Lake Baïkal) ในตอนใต้ของไซบีเรีย ที่ซึ่งท่ามกลางฤดูหนาวนั้น บนทะเลสาบจะเย็นยะเยือกและกลายเป็นน้ำแข็ง
สำหรับรุ่นที่สองซึ่งมีชื่อว่า Blizzard นั้น Tarpin ได้ปล่อยจินตนาการของเขาให้ลื่นไหล เป็นอิสระสู่เทือกเขาแอลป์ ที่ซึ่งเขาไปเล่นสกีนับตั้งแต่อายุสองขวบ โดย Tarpin ได้ตีความจากความทรงจำมากมาย โดยเฉพาะการถูกปะทะด้วยพายุหิมะ ด้วยการประดับเพชรบริลเลียนต์คัตไว้ใต้กระจกแซฟไฟร์โค้งโดม และประดับเพชรแบบปิดชิด (closed-set) ลงบนหน้าปัดลาพิสลาซูลีด้าน ซึ่งจำลองภาพมาจากเกล็ดหิมะบนผืนดิน
Tarpin มีคำขอเพียงไม่กี่ข้อเพื่อมอบซึ่งความเคารพต่อกลไกเรือนเวลา เริ่มต้นจากการขจัดองค์ประกอบที่เป็นสีทองออกทั้งหมด เพื่อไม่ให้ชนกับสีของตัวเรือนไวท์โกลด์และธีมน้ำแข็ง โดยคำขอที่ฟังดูคล้ายจะเรียบง่ายนี้ ทว่าจริงๆ แล้ว กลับเป็นความท้าทายอย่างมาก ด้วยเพราะองค์ประกอบของเยลโลโกลด์ หรือเรดโกลด์ทั้งหมดนั้นจำเป็นต้องถูกเปลี่ยน
ในขณะที่บาลานซ์วีลเองก็ถูกทำให้เป็นสีน้ำเงินด้วย โดยส่วนอีกหนึ่งคำขอคือการเปลี่ยนการประดับเพชร ไว้ลงบนศูนย์กลางของตูร์บิญอง และเม็ดมะยมสองเม็ดซึ่งประดับไว้ด้วยอัญมณีพาราอิบา (Paraiba) สีเทอร์คอยซ์หายาก เพื่อผนึกความสมบูรณ์แบบให้กับธีมน้ำแข็งของเรือนเวลา โดยระหว่างชิ้นส่วนควบคุมและโรเตอร์ ยังประกอบด้วยตลับลานที่มั่นใจได้ถึงพลังสำรองลานนานถึง 100 ชั่วโมง
ความสวยงามแห่งสัมพันธภาพครั้งนี้ ยังอยู่เหนือยิ่งกว่าอาณาจักรแห่งเรือนเวลาประดับอัญมณีสำหรับสุภาพสตรีแบบสลับซับซ้อน แต่ยังได้ร่วมตอกย้ำถึงวิสัยทัศน์สองด้านของโลก กับสองการตีความของพลังสร้างสรรค์ ที่มีความแตกต่างกันในรูปแบบอย่างสิ้นเชิง พร้อมกับยังคงหลอมรวมไว้ภายใต้สสาร แห่งการร่วมกันสร้างสรรค์ได้อย่างผสมผสานและกลมกลืน ที่แสดงออกถึงพลังแห่งความร่วมมือกันอย่างแท้จริง
