BLANCPAIN เปิดตัวนาฬิการุ่น Ladybird Colors
นาฬิกา BLANCPAIN รุ่น Ladybird Colors อันแสนจะอ่อนช้อยและสดใส ที่มาพร้อมกับเจ็ดเฉดสีให้เลือกสรร ถือเป็นการรำลึกถึงเรือนเวลาที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของBLANCPAIN ที่ย้อนเรื่องราวกลับไปในปี 1956 ที่นาฬิการุ่น Ladybird ได้ปฏิวัติวงการนาฬิกาจากการเป็นนาฬิกาที่มีกลไกทรงกลมขนาดเล็กที่สุดในโลกยุคนั้น ซึ่งเป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งการปลดปล่อย เต็มไปด้วยความสง่างาม และเปี่ยมไปด้วยความสำเร็จ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวนี้มาจากการริเริ่มของคู่ผู้นำที่ห้าวหาญ Betty Fiechter และ Jean-Jacques Fiechter ผู้เป็นหลาน โดยวิสัยทัศน์และความสามารถของบุคคลทั้งสอง ในขณะที่บริหารงานร่วมกันนั้นส่งผลให้BLANCPAIN ประสบความสำเร็จมากมายไม่ว่าจะเป็นการผลิตนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีหลากหลายรุ่น รวมไปถึงการให้กำเนิดนาฬิการุ่น Fifty Fathoms ในปี 1953 ที่ถือเป็นนาฬิกาดำน้ำแบบร่วมสมัยเรือนแรกของโลก
Betty Fiechter ถูกยกย่องจากการมีบุคลิกที่ลงตัว โดยเธอมีทั้งความดุดันแข็งแกร่งแต่ก็นอบน้อมสุภาพ และความรักที่เธอมีต่อการประดิษฐ์นาฬิกานั้น มาพร้อมกับความเชื่อที่ว่าสุภาพสตรีต้องมีเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เหมาะสม เพื่อการแต่งตัวที่ถูกกาลเทศะรวมทั้งเปี่ยมไปด้วยรสนิยม และทำให้นาฬิการุ่น Ladybird Colors ใหม่มีความเหมือนกับตัวตนของเธออย่างลึกซึ้ง ทั้งในด้านความสมดุลระหว่างความมาดมั่น ปราดเปรียว และความประณีตอ่อนช้อยซึ่ งถือเป็นแนวทางที่ BLANCPAIN นำมาใช้สำหรับการรังสรรค์นาฬิการุ่นล่าสุดนี้ ที่โดดเด่นด้วยหน้าปัดมุกสีขาวที่ถูกตกแต่งด้วยมาร์กเกอร์ที่ผลิตจากทองคำ รูปทรงกลมกลึงที่มีขนาดแตกต่างกันเล็กน้อย เพื่อทำให้เกิดเป็นความอสมมาตรโดยมีเลข 12 เป็นดั่งมงกุฎ อีกทั้งมีวงแหวนเพชรประดับเพื่อส่งเสริมมาร์กเกอร์ รวมทั้งโอบล้อมเข็มแสดงเวลา ทั้งนี้เข็มชั่วโมงและเข็มนาทีจะถูกออกแบบให้มีรูปทรงใบเสจเจาะกลาง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาฬิกาจาก BLANCPAIN
ตัวเรือนผลิตจากเรดโกลด์หรือไวท์โกลด์ ที่ถูกออกแบบมาอย่างประณีตเพื่อให้มีสัดส่วนที่ลงตัว ในขนาด 34.9 มิลลิเมตรที่ทำให้สามารถมองเห็นความสวยงามได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังสามารถใส่กับข้อมือได้หลากหลายขนาด โดยขอบหน้าปัด ขาตัวเรือน และเม็ดมะยมยังถูกประดับด้วยเพชรจำนวน 59 เม็ดน้ำหนักรวมกว่า 2 กะรัต ดังนั้น Ladybird Colors จึงเป็นนาฬิกาแบบจิวเวอร์รี่อย่างแท้จริง โดยมีการใช้กระบวนการประดับเพชรในแบบงานฝีมือขั้นสูงในทุกขั้นตอน ซึ่งก่อนการประดับเพชรในแต่ละจุด ช่างอัญมณีต้องเจาะช่องลงบนพื้นผิวของโลหะล้ำค่าด้วยมีดแกะสลัก และทำให้เกิดหนามเตยขึ้นที่ขอบของช่องดังกล่าว ทั้งนี้ช่องที่ถูกเจาะจะต้องผ่านขั้นตอนการขัดแต่ง เพื่อทำให้เกิดความเงาแบบมิเรอร์เอฟเฟ็คท์ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่จะส่งผลต่อการเปล่งประกายของเพชร ก่อนที่จะเรียงเพชรแต่ละเม็ดลงไปในช่องด้วยความแม่นยำ
กระบวนการเหล่านี้มีขึ้นเพื่อให้เหลี่ยมมุมที่เจียระไนของเพชรทุกๆ เม็ดเล่นกับแสงอย่างกลมกลืนและสอดคล้องกัน ตามด้วยการปิดหนามเตยเพื่อยึดเพชรทั้งหมดให้อยู่กับที่ แล้วจึงทำการตกแต่งหนามเตยเหล่านั้นให้มีระยะช่องไฟที่สวยงามไร้ที่ติ ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความแม่นยำขั้นสูงเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเพชรได้ ดังนั้นจึงมีเพียงแค่ช่างอัญมณีมากประสบการณ์เท่านั้น ที่จะมีความสามารถเพียงพอในการแบ่งช่องไฟให้สม่ำเสมอ รวมไปถึงมีความสามารถในการตกแต่งหนามเตย ซึ่งเปรียบเสมือนตรารับประกันของชิ้นงานชั้นสูง ทั้งในเชิงความงดงามและเชิงคุณภาพ ซึ่งนอกจากความสวยงามภายนอกแล้ว นาฬิการุ่น Ladybird Colors ยังมีความสวยงามภายในที่ครอบคลุมถึงกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 1150 ที่ถูกเลือกใช้อีกด้วย โดยกลไกนี้มีชื่อเสียงในด้านความบาง ทั้งยังมีความสามารถในการสะสมพลังสำรองลานได้นานถึงสี่วัน รวมไปถึงการใช้ซิลิคอนบาลานซ์สปริง และรายละเอียดการขัดลายก้นหอยบริเวณแท่นกลไก
โดยการขัดตกแต่งขอบลบมุม และการขัดลายซาตินบนบริจด์พร้อมลวดลายโค๊ทส์เดอเจเนฟแล้ว BLANCPAIN ยังมีการพัฒนาโรเตอร์ที่ผลิตจากทองคำแบบเจาะโปร่ง ที่ออกแบบให้เข้ากับความกลมกลึงของหน้าปัดโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถมองเห็นกลไกที่เต็มไปด้วยรายละเอียดได้อย่างชัดเจนมากที่สุด และสุดท้ายที่เม็ดมะยมกับการประดับด้วยเพชรโรสคัท หรือเพชรเหลี่ยมกุหลาบที่สามารถมองเห็นได้จากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ดังนั้นนาฬิการุ่น Ladybird Colors จึงถือเป็นการเริ่มต้นประวัติศาสตร์ยุคใหม่ให้กับเรือนเวลาสำหรับสุภาพสตรีของ BLANCPAIN โดยมีวัสดุของตัวเรือนและสายของนาฬิกาให้เลือกทั้งหมดรวมเจ็ดรูปแบบ โดยตัวเรือนเรดโกลด์จะจับคู่กับสายหนังจระเข้สีเขียวหางนกยูง สีน้ำเงินมิดไนท์ หรือสีขาวซาติน ส่วนตัวเรือนไวท์โกลด์จะจับคู่กับสายหนังจระเข้สีเหลืองเลมอน สีส้มแทนเจอรีน สีม่วงอ่อน หรือสีขาวซาติน โดยจะมาพร้อมกับชุดล็อคแบบบานพับที่ประดับด้วยเพชรน้ำงามอีกจำนวน 9 เม็ด
