ULYSSE NARDIN Marine Torpilleur Moonphase
นักดาราศาสตร์ยุคแรกๆ นับตั้งแต่ Galileo ถึง Copernicus ไปจนถึง Johannes Kepler ที่ล้วนแล้วแต่มีบทบาทอันสำคัญด้านดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่มิอาจมองข้ามไปได้ในฐานะ ของการบุกเบิกสู่อวกาศอันเก่าแก่และยาวนานของมวลมนุษยชาติ โดยดาราศาสตร์ได้ถูกศึกษาและถ่ายทอด ถึงวิถีและวัตถุบนท้องฟ้าไว้ทั้งหมดทุกด้านนับจากดาวเคราะห์ การโคจร ไปจนถึงดาวหาง อุกกาบาต หรือกลุ่มวัตถุที่ส่งแสงคล้ายดวงดาว ตลอดไปจนถึงกาแล็กซี่ ที่เรื่องทั้งหมดนี้ยังคงปลุกเร้าความอยากรู้ และความสนใจของมนุษยชาติมาอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับดวงจันทร์ที่กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนสนใจให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากมีผลกระทบโดยตรงต่อปรากฏการณ์ทางทะเล และยังมีผลต่อเนื่องถึงการใช้ชีวิตของมวลมนุษย์บนผืนโลก
ซึ่ง ULYSSE NARDIN ก็ผลิตนาฬิกาข้อมือพร้อมการแสดงผลของข้างขึ้นข้างแรมหรือมูนเฟส มานับตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 โดยมูนเฟสถือเป็นความสลับซับซ้อนทางด้านวิทยาศาสตร์ อันเป็นหัวใจของอุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ทุกชิ้น เนื่องจากระยะการโคจรต่างๆ ของดวงจันทร์นั้นจะมีผลให้เกิดความสามารถในการควบคุมกระแสน้ำ และยังเป็นการช่วยนำทางทางทะเลได้อีกด้วย โดยนาฬิการุ่น Marine Torpilleur Moonphase ใหม่นี้จะมาพร้อมทั้งหน้าปัดสีน้ำเงินหรือสีขาว และเสริมเสน่ห์โดยการเปิดโอกาสให้ผู้สวมใส่ ได้มีโอกาสชื่นชมดวงจันทร์ที่สามารถมองเห็นได้จากผืนโลก เหนือท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาล โดยคำว่า Torpilleur เป็นชื่อภาษาฝรั่งเศสของเรือตอร์ปิโด ซึ่งเป็นเรือโจมตีที่จำเป็นต้องมีความเร็ว รวมทั้งมีเป้าหมายที่แม่นยำสูงสุด
จากเครื่องวัดมุม (Sextant) ซึ่งใช้สำหรับวัดระยะทาง จากมุมองศาของดวงดาวบนท้องฟ้ากับพื้นโลก ที่บรรจุอยู่ในนาฬิกาโครโนมิเตอร์จากยุคอดีต ที่ช่วยในการนำทางพร้อมหน่วยวัดความละเอียดสูง ซึ่งก็รวมไปถึงระยะต่างๆ ของดวงจันทร์กับโลก ที่มีผลต่อการเคลื่อนตัวของมหาสมุทร ดังนั้นนาฬิกา ULYSSE NARDIN Marine Torpilleur Moonphase รุ่นล่าสุดนี้ จึงถือเป็นทายาทรุ่นล่าสุดของครอบครัวเรือนเวลาอันยิ่งใหญ่ ที่ได้มอบประโยชน์ด้านการใช้งานในแบบเดียวกัน ให้กับผู้คนในยุคปัจจุบันได้รำลึกถึงความยิ่งใหญ่นี้ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่บนดาดฟ้าเรือใบ หรือแค่เพียงได้ร่วมชื่นชมท้องทะเลจากมุมมองอันแสนไกล
นาฬิกาทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ UN-119 ที่ผ่านมาตรฐานความเที่ยงตรง COSC กับฟังก์ชั่นแสดงชั่วโมง นาที วินาทีในวงแสดงเวลาขนาดเล็ก และมูนเฟส ซึ่งมีบาลานซ์สปริงที่ผลิตจากเซลิเซียม พร้อมเอสเคปเมนต์วีลและแองเคอร์ที่ผลิตจากไดมอนซิล ที่ความถี่ 4 เฮริท์ซ (28,800 รอบต่อชั่วโมง) โดยมีตัวเรือนที่ผลิตจากสตีลขัดเงาและขัดซาตินขนาด 42 มิลลิเมตร หนา 11.13 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนเซาะร่องหยัก และฝาหลังกรุกระจกแซฟไฟร์ โดยมีหน้าปัดเคลือบพีวีดีสีน้ำเงิน ตกแต่งลายซันบรัช หรือหน้าปัดเคลือบเงาสีขาว พร้อมหน้าปัดย่อยคู่ แสดงพลังสำรองลาน ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา
โดยมีหน้าปัดแสดงวินาทีขนาดเล็ก และดิสก์แสดงตำแหน่งของดวงจันทร์ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา พร้อมดวงดาวแห่งค่ำคืนที่ให้ความสง่างามและสะท้อนแสงเงา เมื่อแผ่นดิสก์แสดงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว (Starry Sky) จากการเคลือบพีวีดีสีน้ำเงิน โดยมีสัญลักษณ์ "Chronometry Since 1846” บนหน้าปัดเล็กแสดงวินาที ใช้งานคู่กับสายหนังจระเข้ พร้อมการรองรับกับสายอาร์-แสตรป / สายยางพร้อมหัวเข็มขัดแบบปรับระดับได้ที่ผลิตจากสตีล หรือสายแบบสตีลทั้งเส้น นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการกันน้ำที่ระดับ 50 เมตร และมีพลังสำรองลานนาน 60 ชั่วโมง โดยผลิตในแบบจำนวนจำกัดทั้งแบบมูนเฟสสีน้ำเงินจำนวน 300 เรือน และแบบมูนเฟสสีขาวจำนวน 300 เรือน ในราคาจำหน่ายที่สวิตเซอร์แลนด์ที่ 9,400 สวิสฟรังก์