AUDEMARS PIGUET Royal Oak Minute Repeater Supersonnerie
AP เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของนาฬิการุ่น Royal Oak Minute Repeater Supersonnerie ที่สร้างขึ้นจากไทเทเนียมทั้งเรือน มาพร้อมกลไกอินเฮ้าส์ไขลานคาลิเบอร์ 2953 ซึ่งได้รับการจดสิทธิบัตร 3 ฉบับ พร้อมความโดดเด่นของหน้าปัดดีไซน์กิโยเช่ในเฉดสีเทาสโมคเกรย์ โดยเรือนเวลารุ่นนี้ยังคงเสน่ห์ของเสียงขานเวลาอันโดดเด่นไว้ เพื่อเป็นเกียรติแก่นาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นตีขานเวลาในอดีต พร้อมผสานเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเข้าด้วยกัน โดยกลไกซูเปอร์ซอนเนอรีได้ถูกคิดค้นขึ้นโดย AP และเปิดตัวในปี 2016 ในคอลเลกชั่น Royal Oak Concept เพื่อเติมเต็มเรือนเวลากลไกมินิทรีพีทเตอร์โมเดลใหม่นี้ ด้วยเสียงและการสั่นที่มักจะพบได้ในนาฬิกาพก ซึ่งนวัตกรรมที่ได้รับการจดสิทธิบัตรนี้คือผลลัพธ์ของการวิจัยที่ยาวนานถึง 8 ปี ภายใต้การทำงานร่วมกันกับสถาบันเทคโนโลยีโลซานน์แห่งสหพันธรัฐสวิส (Swiss Federal Institute of Technology Lausanne: EPFL)
จากการนำแรงบันดาลใจในระบบเสียงของนาฬิกากลไกมินิทรีพีทเตอร์ยุคเก่า และเสียงอันไพเราะของเครื่องดนตรี รวมถึงการร่วมมือกันของช่างนาฬิกา ช่างเทคนิค นักวิชาการ และนักดนตรี เพื่อให้เกิดเป็นเทคโนโลยีการบอกเวลาในรูปแบบใหม่นี้ โดยยังคงประสิทธิภาพของเสียงที่เหนือชั้น คุณภาพเสียง และความกลมกลืนของโทนที่เกิดขึ้นจากฆ้องที่ได้รับการพัฒนาโครงสร้างตัวเรือน รวมทั้งตัวควบคุมการตีที่ได้รับการพัฒนาขึ้น โดยฆ้องซึ่งสามารถรองรับเสียงได้ดีกว่า และไม่ได้ถูกยึดติดไว้กับเมนเพลท แต่จะถูกติดตั้งกับอุปกรณ์ใหม่ที่ทำหน้าที่เป็นซาวด์บอร์ด ซึ่งพัฒนาการส่งสัญญาณเสียงและเพิ่มความก้องของเสียงให้ดีขึ้น ส่วนตัวควบคุมการส่งเสียงที่ลำดับการบอกเวลาหลักชั่วโมง ทุก 15 นาที และนาทีได้รับการออกแบบ และพัฒนาใหม่ในการทำงานร่วมกับระบบแองเคอร์ เพื่อลดความสั่นสะเทือน
การปรับเปลี่ยนกลไกอย่างชาญฉลาดของระบบเสียงบอกเวล าทำให้สามารถป้องกันการหยุดขานเสียงทุก 15 นาทีระหว่างเสียงขานนาทีและชั่วโมง โดยยังมีฟังก์ชั่นที่จะป้องกันไม่ให้ผู้สวมใส่เปิดใช้งานฟังก์ชั่นการตั้งค่าเวลาในขณะที่กลไกมินิทรีพีทเตอร์กำลังทำงาน ซึ่งถือเป็นความพิเศษของกลไกไขลานอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ 2953 ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยชิ้นส่วนรวม 362 ชิ้น โดยมีขนาดหน้าปัด 42 มิลลิเมตรเรือน มาพร้อมตัวเรือนและสายที่ผลิตจากไทเทเนียม ที่ผ่านการขัดเงาและการขัดลายซาติน พร้อมหน้าปัดลายกรองด์ ทาพิสเซอรี สีเทาสโมคเกรย์ไล่เฉดสไตล์โมโนโครม ทั้งยังโดดเด่นด้วยเครื่องหมายบอกหลักชั่วโมงไวท์โกลด์ และเข็มนาฬิกาที่ผลิตจากไวท์โกลด์เคลือบสีเรืองแสงเพิ่มความชัดเจนในการดูเวลายามค่ำคืน ที่ถือเป็นความพิเศษของเหล่านาฬิกาในยุคนั้น
นอกจากนี้ยังมีหน้าปัดย่อยบอกวินาทีที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาในโทนสีดำ ที่ล้อไปกับขอบตัวเรือนด้านในที่คอนทราสต์กับหน้าปัดลายทาพิสเซอรี่ โดยมีฝาด้านหลังไททาเนียมสลักคำว่า “Royal Oak Supersonnerie” รวมทั้งลวดลายคลื่นเสียง เพื่อเผยให้เห็นความพิถีพิถันในการตกแต่งไปจนถึงรายละเอียดที่เล็กที่สุด ทำให้นาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นการส่งเสียงบอกเวลาเรือนพิเศษนี้ ถือเป็นการย้อนกลับไปสู่ยุคแรกของอุปกรณ์บอกเวลาที่ได้รับการคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกในศตวรรษที่ 14 ซึ่งเป็นนาฬิกาส่งเสียงเพื่อบอกเวลาแบบไม่มีหน้าปัด และนับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ในปี 1875 AP ก็มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในเรื่องของกลไกตีขานเวลา และได้รังสรรค์กลไกที่ซับซ้อน อาทิ Grande Sonnerie, Petite Sonnerie รวมไปถึงกลไกการบอกเวลาแบบมินิทรีพีทเตอร์ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน
บันทึกจากอดีตระบุว่า กว่าครึ่งหนึ่งของนาฬิกาจำนวน 1,625 เรือนที่ผลิตระหว่างปี 1882 ถึง 1892 มีกลไกตีขานเวลาที่เป็นผลผลิต จากทักษะของช่างนาฬิกาที่ทำงานให้กับ AP ในเวิร์กช็อปหลายสิบแห่งที่วัลเลย์ เดอ ฌูซ์ ในขณะที่ AP ยังคงผลิตนาฬิกาพกที่สามารถขานบอกเวลาได้ และมีการผลิตนาฬิกามินิทรีพีทเตอร์ออกมาจำนวน 35 เรือน แต่นาฬิกาข้อมือที่มีฟังก์ชั่นขานบอกเวลากลับค่อยๆ หายไปจากตลาด เมื่อเกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่และสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยในระหว่างปี 1892 ถึง 1957 ล่วงเลยมาจนมาถึงช่วงทศวรรษ 1960 กลไกการขานบอกเวลาจึงกลายเป็นกลไกเฉพาะที่มีอยู่ในนาฬิกาพกเท่านั้น จนกระทั่งปี 1990 ที่ AP ได้นำนาฬิกาข้อมือที่มาพร้อมระบบขานบอกเวลากลับมาอีกครั้ง รวมถึงกลไกที่มีความซับซ้อนแบบคลาสสิคอื่นๆ หลังจากวิกฤตการณ์ควอท์ซไครซิส
ปัจจุบัน AP ยังคงพยายามก้าวข้ามขีดจำกัดของการสร้างสรรค์เรือนเวลาอย่างต่อเนื่อง และการสร้างสรรค์นาฬิกา Royal Oak Minute Repeater Supersonnerie ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงส่วนผสมที่ลงตัว ของความเชี่ยวชาญที่มีมาแต่อดีต รวมทั้งเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และความสง่างามอันโดดเด่นในการสร้างสรรค์เรือนเวลาของ AP