New ULYSSE NARDIN Marine Torpilleur in new Panda dial
ในปี 1846 ULYSSE NARDIN ก่อตั้งบริษัทขึ้นในเลอโลค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ประทับไว้ด้วยชื่อของเขาตราบจนทุกวันนี้ เขาและทายาทผู้สืบทอด Paul-David Nardin ได้ร่วมเดินหน้าสร้างชื่อเสียงอันโดดเด่น ในฐานะช่างนาฬิการะดับมาสเตอร์ ของการประดิษฐ์รังสรรค์นาฬิกามารีนโครโนมิเตอร์ สำหรับกองทัพเรือชื่อดังต่างๆ ทั่วโลก ทั้งยังคว้าชัยชนะจากการแข่งขัน ด้านความล้ำเลิศของเครื่องบอกเวลามากมาย
ไปจนถึงการได้รับคำสั่งซื้ออุปกรณ์อันจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการเดินทางทางทะเล ซึ่งเขาได้เดินหน้าส่งมอบผลงานการประดิษฐ์คิดค้นให้กับกองทัพเรือกว่า 50 กองทัพ รวมถึงสถาบันที่มุ่งศึกษาถึงรูปร่างและพื้นผิวโลก ตลอดจนหอสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์อีกมากมาย และนั่นทำให้บรรดานาฬิกาพกโครโนมิเตอร์ของ ULYSSE NARDIN นั้นได้รับการยกย่องและเป็นที่ตามหา โดยเหล่านาวิกโยธินและกัปตัน หรือพ่อค้าจากทั่วโลก
ประวัติศาสตร์ทางทะเลอันโดดเด่นนี้ ยังได้นำทางมาสู่การสร้างสรรค์นาฬิการุ่นไอคอนิคอย่าง Marine Chronometer ด้วยการแสดงออกอย่างสูงสุด ถึงสมรรถนะทางเทคนิคและงานออกแบบอันทันสมัย และในปี 2017 เรายังได้เห็นถึงผลงานนาฬิกาโครโนมิเตอร์เจเนอเรชั่นใหม่ ที่รังสรรค์ขึ้นสำหรับยุคสมัยใหม่นั่นคือ ULYSSE NARDIN Marine Torpilleur ที่ตั้งชื่อตามเรือเร็วขนาดเล็กในยุคแรกๆ ด้วยความคล่องตัวและรวดเร็ว ที่ทำให้มั่นใจว่าสามารถเอาชนะในเชิงกลยุทธ์ เหนือเรือที่มีขนาดใหญ่กว่า
ซึ่งความเที่ยงตรงที่ ULYSSE NARDIN ไม่ยอมอ่อนข้อ และความสง่างามอันมิอาจเทียบเคียงได้นี้ คือหนึ่งในนาฬิการุ่นใหม่อันโดดเด่นสูงสุดที่พร้อมทอดสมอในปี 2021 นี้ ที่จารึกไว้ด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า ทางเทคนิคและความเที่ยงตรงอย่างแม่นยำที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกแห่งนาฬิกามารีนโครโนมิเตอร์ของ ULYSSE NARDIN นั่นคือผลงานรุ่น Marine Torpilleur Panda ที่มาพร้อมด้วยหน้าปัดเล็กสีน้ำเงินเข้มสองวงภายในหน้าปัดกลาง
โดยหน้าปัดหนึ่งบรรจุด้วยการแสดงพลังสำรองลาน และอีกหน้าปัดบรรจุด้วยเข็มวินาที พร้อมหน้าต่างแสดงวันที่ ซึ่งเป็นงานออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวของ ULYSSE NARDIN ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ได้นำงานออกแบบนี้มาใช้ ด้วยชื่อเล่นที่เรียกว่า แพนด้า ที่ได้มาจากโฉมหน้าซึ่งดูคล้ายดั่งใบหน้าของหมีแพนด้า ที่บรรจุด้วยดวงตาสีเข้มสองดวงกลางหน้าปัดสีขาว โดยหน้าปัดแพนด้าจะเคลือบเงา พร้อมทั้งเข็มชี้ตกแต่งที่โรเดียม
พร้อมประทับไว้ด้วยเครื่องหมาย “Chronometry since 1846” บนหน้าปัดเล็กด้านล่างที่แสดงเวลาวินาที นอกจากนี้นาฬิการุ่นนี้ยังใช้เทคโนโลยีเซลิเซียม รวมถึงไดมอนซิล มาหลอมรวมในกลไกคาลิเบอร์ UN-118 พร้อมจำนวนการผลิตแบบจำกัดเพียง 300 เรือน โดยมีตัวเรือนขนาด 42 มิลลิเมตร ที่มากับทางเลือกของทั้งสายหนังจระเข้สีน้ำตาลหรือสีน้ำเงิน รวมทั้งสายสตีลสายยาง รวมทั้งสายแบบอาร์-แสตรป โดยจะมีราคาจำหน่ายในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ 7,800 สวิสฟรังก์
