วินเทจแรลลี่ จิตวิญญาณแห่งยนตกรรมคลาสสิกจากเฟรเดอริค คองสตองท์
การแข่งขันรถยนต์ในสมัยก่อน (นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1960 ลงไป) เป็นอะไรที่มีความคลาสสิกอยู่ในตัวเป็นอย่างยิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างในการแข่งขันแทบจะขึ้นอยู่กับการผสานจิตวิญญาณของผู้ขับขี่เข้ากับกลไกต่างๆ ของตัวรถที่เป็นระบบเม็คคานิกส์ล้วนๆ ปราศจากเทคโนโลยีอิเล็คทรอนิกส์ต่างๆ มาช่วยอย่างในยุคปัจจุบัน ชนิดที่เรียกว่า นักแข่งฝีมือดีตลอดจนสมาชิกในทีมทุกฝ่ายในสมัยนี้คงจะทำอะไรไม่ถูก หากต้องไปทำการแข่งขันกันในยุคนั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใด การแข่งขันก็ย่อมมาคู่กับการวัดผลด้วยเวลา นาฬิกาบนข้อมือของนักแข่งในการแข่งขันสมัยก่อนก็ย่อมต้องเป็นแบบแม็คคานิกส์ล้วนๆ เช่นกัน และก็มากับความคลาสสิกในรูปแบบที่ปรับจากนาฬิกาแนวเดรสตามปกติเอามาใส่ฟังก์ชั่นโครโนกราฟจนกลายร่างมาเป็นนาฬิกาคลาสสิกมาดสปอร์ตที่ดูเท่ห์ข้ามกาลเวลามาจนถึงทุกวันนี้
ในยุคแห่งเทคโนโลยีอย่างปัจจุบัน ผู้คนจำนวนมากเริ่มถวิลหาความคลาสสิกแบบเก่าก่อนในรูปแบบต่างๆ ทั้งแฟชั่น และของใช้อย่างรถยนต์ นาฬิกา ตลอดจนกิจกรรมสันทนาการต่างๆ การรื้อฟื้นการแข่งขันรถยนต์ในสมัยก่อนขึ้นมาใหม่โดยใช้รถยนต์คลาสสิกก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่จัดขึ้นคราใดก็ได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างท่วมท้น เมื่อ ค.ศ. 2010 ที่ผ่านมาก็มีการจัดการแข่งขันรถยนต์คลาสสิกครั้งที่สี่ของรายการ Peking to Paris Rally ซึ่งใช้เส้นทางสายทรานส-คอนติเนนตัล จากปักกิ่งไปยังปารีส รวมระยะทางกว่า 9,000 ไมล์ อันเป็นการแข่งขันที่เริ่มขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1907 และว่างเว้นไปถึง 100 ปีจนกลับมาจัดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองในปี 1997 และครั้งที่สามในปี 2007
ในการแข่งขันครั้งที่สี่เมื่อปี 2010 นั้น FREDERIQUE CONSTANT (เฟรเดอริค คองสตองท์) ผู้ผลิตนาฬิกาคุณภาพสไตล์ร่วมสมัยจากเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ก็ได้เข้าไปเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันในครั้งล่าสุดนี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นผู้จับเวลาประจำการแข่งขันแล้วก็ยังได้ออกนาฬิกาลิมิเต็ดเอดิชั่น Peking to Paris มาเป็นที่ระลึกอีกด้วย โดยจัดอยู่ในคอลเลคชั่นนาฬิกาที่ใช้ชื่อว่า Vintage Rally ซึ่งเป็นคอลเลคชั่นนาฬิกาที่ทำขึ้นเพื่อระลึกถึงการที่ทางแบรนด์เข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมรถคลาสสิกต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ก็มีรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น Healey ซึ่งได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากผู้นิยมชมชอบรถ Austin Healey ตลอดจนผู้ชื่นชอบยนตกรรมแนวคลาสสิก
Vintage Rally - Peking to Paris Limited Edition เป็นนาฬิกาเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟเคาน์เตอร์ย่อย 3 วง ในตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 43 มิลลิเมตร กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตัล เม็ดมะยมขันเกลียว กันน้ำได้ 100 เมตร ที่ถูกผลิตขึ้นใน 3 รูปแบบด้วยกัน คือ แบบหน้าปัดสีเงินที่มีพื้นเคาน์เตอร์ย่อยทั้งสามรวมถึงวงพื้นขอบสเกลนาทีที่ขอบหน้าปัดเป็นสีดำ แบบหน้าปัดสีเงิน ทั้งคู่ใช้สายหนังลายจระเข้สีดำ และแบบหน้าปัดสีเงินที่มีหลักชั่วโมงกับเข็มกลางทั้งสามเป็นสีโรสโกลด์คู่กับสายหนังลายจระเข้สีน้ำตาลเข้ากัน
รายละเอียดบนหน้าปัดถูกออกแบบให้สามารถอ่านค่าเวลาได้อย่างสะดวกและรวดเร็วอันเป็นลักษณะการออกแบบหน้าปัดนาฬิกาสำหรับใส่ขับรถในสมัยก่อนที่ไม่ต้องการให้ผู้ขับเสียสมาธิจากการอ่านเวลายามขับขี่ เช่นเดียวกับปุ่มกดจับเวลาที่จะต้องมีขนาดแป้นที่ใหญ่ กดใช้งานได้สะดวกแม้ยามสวมถุงมือสำหรับขับรถอันเป็นสิ่งจำเป็นของนักขับรถในสมัยก่อน เครื่องที่ใช้ในนาฬิการุ่นนี้เป็นกลไกอัตโนมัติโครโนกราฟ 30 จิวเวล Calibre FC-396 ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง กำลังสำรอง 46 ชั่วโมง จับเวลาได้ 12 ชั่วโมง เสริมความพิเศษด้วยโรเตอร์ขึ้นลานสีทองสลักโลโก้ของการแข่งขัน Peking to Paris อย่างสวยซึ่งมองเห็นได้ผ่านทางฝาหลังกรุกระจกใส ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดแบบละ 1,888 เรือน พร้อมสลักหมายเลขประจำเรือนที่ขอบฝาหลัง นอกจากนี้ตัวนาฬิกายังมาพร้อมกล่องดีไซน์เฉพาะที่ประดับด้วยป้ายเพลทแสดงเส้นทางการแข่งขัน Peking to Paris อีกด้วย
รวมความแล้วทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นตัวแทนแห่งนาฬิกาสปอร์ตแนวคลาสสิกวินเทจได้เป็นอย่างดี หากใครชื่นชอบในความคลาสสิกแห่งโลกยานยนต์และโลกนาฬิกา ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะพลาดไปลองทาบดูที่เคาน์เตอร์นาฬิกาเฟรเดอริค คองสตองท์ ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำครับ ย้ำอีกครั้งว่าเป็นนาฬิกาลิมิเต็ดเอดิชั่นหมดแล้วหมดเลยครับถ้าชอบแล้วไม่รีบจับจองกัน ด้านราคาก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อและคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับซึ่งก็เป็นจุดเด่นของแบรนด์นี้เค้าอยู่แล้ว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท แม็คโครริช เมโทร จำกัด โทร. 0-2255-6648 ถึง 9
By: VIracharn T.