GIRARD-PERREGAUX Laureato Collection 2017
เมื่อปี 2016 ซึ่งเป็นปีที่ทาง Girard-Perregaux (จีราร์ด-แพร์โกซ์) ทำการเฉลิมฉลองวาระ 225 ปีแห่งการถือกำเนิดของแบรนด์ ได้มีการนำ Laureato (ลอเรียโต) นาฬิกาสปอร์ตหรูกลับมาสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ในรูปแบบนาฬิกาตัวเรือนและสายสตีล บอกเวลาสามเข็มพร้อมฟังก์ชั่นวันที่บนหน้าปัดลาย คลู เดอ ปารีส์ อันเป็นลักษณะดั้งเดิมเมื่อครั้งแรกกำเนิดในปี 1975 โดยใช้ชื่อว่า Heritage Laureato Ref.81000 ในตัวเรือนขนาด 41 มม. ซึ่งมี 2 เวอร์ชั่น คือ หน้าปัดสีเงิน กับหน้าปัดสีน้ำเงิน โดยเป็นการผลิตแบบจำนวนจำกัดแค่เวอร์ชั่นละ 225 เรือน พอมาถึงปี 2017 นี้ ทางแบรนด์ก็ได้นำ Laureato กลับมาสู่โปรดักชั่นการผลิตแบบปกติอีกครั้ง โดยจัดเต็มมาถึง 3 ขนาดตัวเรือน คือ Ref.81010 ขนาด 42 มม., Ref.81005 ขนาด 38 มม. และ Ref.80189 ขนาด 34 มม. พร้อมเวอร์ชั่นทางเลือกที่หลากหลายในแต่ละขนาด
ลักษณะตัวเรือนและสายของ Laureto เจเนอเรชั่นใหม่นี้ ยังคงรักษาคาแร็กเตอร์ดั้งเดิมของรุ่นต้นฉบับเอาไว้เป็นอย่างดี หากแต่มีการขัดเกลาในรายละเอียดให้ดูเข้ากับยุคสมัยปัจจุบันยิ่งขึ้น เอกลักษณ์เด่นของ Laureato ที่มีมาตั้งแต่แรกกำเนิดเมื่อปี 1975 ก็คือ ดีไซน์ขอบตัวเรือนแบบแปดเหลี่ยม รูปทรงและเส้นสายของตัวเรือน พื้นหน้าปัดฮ็อบเนล ลาย คลูส์ เดอ ปารีส์ และลักษณะปล้องของสายโลหะ
LAUREATO 42 mm
มาเริ่มลงรายละเอียดจากรุ่นตัวเรือนขนาด 42 มม. หนา 10.88 มม. ที่อาจเป็นที่สงสัยว่ามันแตกต่างจากรุ่น ลิมิเต็ด เมื่อปี 2016 อย่างไรบ้าง อย่างแรกที่ต่างก็คือ ขนาดของตัวเรือนที่รุ่นปี 2017 นั้นใหญ่ขึ้นเล็กน้อย โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าเพียง 1 มม. และมีความหนามากกว่าเพียง 0.78 มม. ซึ่งแทบจะไม่เห็นความแตกต่าง แต่ความต่างที่มองเห็นได้ด้วยตา ก็จะเป็นแท่งหลักชั่วโมงกับโลโก้ GP ที่รุ่นปี 2017 จะอวบใหญ่กว่า อีกทั้งในรุ่นหน้าปัดสีน้ำเงินจะใช้พื้นจานวันที่เป็นสีเข้ม ขณะที่รุ่นลิมิเต็ดจะใช้พื้นสีขาว
ส่วนความต่างที่มองไม่เห็นจากทางด้านหน้าก็คือ ความสามารถในการกันน้ำที่มากขึ้น จาก 30 เมตร เป็น 100 เมตร และใช้กลไกอัตโนมัติอินเฮ้าส์คนละรุ่นกัน โดยในรุ่นปี 2017 จะใช้รหัส GP01800-0008 ที่มีกำลังสำรอง 54 ชั่วโมง แต่รุ่นปี 2016 จะใช้รหัส GP03300-0030 ที่มีกำลังสำรอง 46 ชั่วโมง โดยทั้งคู่ทำงานที่ความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมงเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้เวอร์ชั่นปี 2017 ยังมีคอมบิเนชั่นให้เลือกอย่างหลากหลาย ทั้งแบบตัวเรือนสตีลที่คู่กับสายสตีลหรือสายหนังจระเข้สีดำ และแบบตัวเรือนไทเทเนี่ยมพร้อมขอบตัวเรือนและข้อยึดสายเป็นพิ้งค์โกลด์ คู่กับสายไทเทเนี่ยมร่วมกับพิ้งค์โกลด์ หรือสายหนังจระเข้สีดำ โดยในแบบตัวเรือนสตีลจะมีหน้าปัดให้เลือก 3 สี คือ สีน้ำเงิน สีเงิน และสีเทาสเลท ส่วนในแบบตัวเรือนไทเทเนี่ยมจะมากับหน้าปัดสีเทาสเลท
แบบตัวเรือนสตีลของรุ่น 42 mm มีหน้าปัดให้เลือก 3 สี คือ สีน้ำเงิน สีเงิน และสีเทาสเลท
จับคู่มากับสายที่เลือกได้ระหว่างสายสตีล กับสายหนังจระเข้สีดำ
รุ่น 42 mm แบบตัวเรือนไทเทเนี่ยมร่วมกับพิ้งค์โกลด์ มาพร้อมหน้าปัดสีเทาสเลท
โดยมีสาย 2 รูปแบบให้เลือกเป็นเจ้าของ คือ สายไทเทเนี่ยมร่วมกับพิ้งค์โกลด์ กับสายหนังจระเข้สีดำ
LAUREATO 38 mm
ต่อกันด้วยรุ่นตัวเรือนขนาด 38 มม. หนา 10.02 มม. ซึ่งทาง GP ตั้งใจสร้างขึ้นมาให้สวมใส่ได้ทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง โดยมีคอมบิเนชั่นหลากหลายให้เลือกเช่นกัน โดยมีทั้งแบบตัวเรือนสตีลและแบบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ ซึ่งแบบตัวเรือนสตีลจะจับคู่กับสายสตีลหรือสายหนังจระเข้สีดำหรือสีขาว โดยมีหน้าปัดให้เลือก 3 สี คือ สีน้ำเงิน สีเงิน และสีเทาสเลท และก็มีเวอร์ชั่นที่ประดับเพชรบนขอบตัวเรือนคู่กับหน้าปัดสีเงินด้วย
รุ่น 38 mm แบบตัวเรือนสตีล มีหน้าปัดให้เลือก 3 สี คือ สีน้ำเงิน สีเงิน
และสีเทาสเลท สวมคู่กับสายสตีล หรือสายหนังจระเข้สีดำ และก็มีเวอร์ชั่นประดับเพชร 56 เม็ด (ประมาณ 0.9 กะรัต)
บนขอบตัวเรือน มากับหน้าปัดสีเงิน และสายหนังจระเข้สีขาวหรือสายสตีลด้วย
ส่วนแบบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จะมาพร้อมกับหน้าปัดสีเงินหรือสีเทาสเลท และมีสายให้เลือก 2 แบบ คือ สายพิ้งค์โกลด์ กับสายหนังจระเข้สีดำ
สำหรับกลไกที่ใช้กับรุ่น 38 มม. จะเป็นกลไกอัตโนมัติอินเฮ้าส์ รหัส GP03300 เหมือนกับรุ่นลิมิเต็ดปี 2016
รุ่น 38 mm แบบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ หน้าปัดสีเงิน หรือสีเทาสเลท จับคู่กับสายพิ้งค์โกลด์ หรือสายหนังจระเข้สีดำ
กลไกอัตโนมัติ อินเฮ้าส์ รหัส GP03300 กำลังสำรอง 46 ชั่วโมง
LAUREATO 34 mm
ปิดท้ายด้วยรุ่นตัวเรือนขนาด 34 มม. กับขนาดตัวเรือนที่บางเพียง 7.75 มม. ซึ่งเป็นแบบที่สร้างขึ้นเพื่อคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ จึงเลือกให้ขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์อินเฮ้าส์ รหัส GP013100-0002 ที่แสดงเวลาแบบสองเข็มพร้อมฟังก์ชั่นวันที่ โดยมีคอมบิเนชั่นให้เลือกอย่างหลากหลายเช่นกัน ทั้งแบบตัวเรือนสตีลพร้อมประดับเพชรบนขอบตัวเรือน คู่กับหน้าปัดสีน้ำเงิน สีเงิน หรือสีเทาสเลท ที่มาพร้อมกับสายสตีลหรือสายหนังจระเข้สีต่างๆ เข้ากับสีหน้าปัด และแบบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์พร้อมประดับเพชรบนขอบตัวเรือน คู่กับหน้าปัดสีเงินหรือสีเทาสเลท และสวมมากับสายพิ้งค์โกลด์หรือสายหนังจระเข้ และก็มีแบบตัวเรือนสตีล พร้อมขอบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ทั้งแบบมีและไม่มีเพชรประดับ คู่หน้าปัดสีเงินและมากับสายสตีลร่วมกับพิ้งค์โกลด์ด้วย
รุ่น 34 mm สำหรับคุณผู้หญิง แบบตัวเรือนสตีล จะมาพร้อมการประดับเพชร 56 เม็ด (ประมาณ 0.82 กะรัต) บนขอบตัวเรือน
โดยมีหน้าปัด 3 สีให้เลือก คือ สีน้ำเงิน สีเทาสเลท และสีเงิน โดยมีให้เลือกจับคู่ทั้งสายสตีล
และสายหนังจระเข้ สีน้ำเงิน สีดำ หรือสีขาว เข้ากับสีของหน้าปัด
Laureato ทั้ง 3 ขนาด ผนึกด้วยกระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ซึ่งเวอร์ชั่นที่จับคู่มากับสายหนังจระเข้ ก็จะมีสายยางมาให้สลับเปลี่ยนใช้งานอีกเส้นหนึ่งด้วย และทุกขนาดจะใช้เข็มทรงบาตองที่เคลือบสารเรืองแสงมาให้เช่นเดียวกัน สำหรับรุ่นขนาด 42 มม. กับ 38 มม. จะผนึกฝาหลังด้วยกระจกแซฟไฟร์เพื่อให้มองเห็นกลไกได้ พร้อมคุณสมบัติการกันน้ำได้ถึงระดับ 100 เมตร ส่วนขนาด 34 มม. จะใช้ฝาหลังแบบทึบ และสามารถกันน้ำได้ถึงระดับ 30 เมตร
รุ่น 34 mm แบบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จะมากับการประดับเพชรบนขอบตัวเรือน
โดยมีหน้าปัดให้เลือก 2 สี คือ สีเงิน หรือสีเทาสเลท สวมคู่กับสายพิ้งค์โกลด์ หรือสายหนังจระเข้สีเทา
รุ่น 34 mm แบบตัวเรือนสตีลพร้อมขอบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จะมีทั้งแบบประดับและไม่ประดับเพชรบนขอบตัวเรือนให้เลือก
โดยมากับหน้าปัดสีเงิน และใช้สายสตีลร่วมกับพิ้งค์โกลด์
สำหรับแบบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ แบบตัวเรือนไทเทเนี่ยมร่วมกับขอบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ และแบบตัวเรือนสตีลร่วมกับขอบตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ จะใช้เม็ดมะยม หลักชั่วโมง และข้อยึดสายที่ทำจากพิ้งค์โกลด์เช่นกัน ทั้งยังใช้เข็มที่เคลือบเป็นสีพิ้งค์โกลด์ด้วย
มีจำหน่ายที่ พีเอ็มที เดอะ อาวร์ กลาส บูติก
By Viracharn T.