Camry กับความภาคภูมิใจของ TOYOTA
TOYOTA Camry รถซีดานหรูที่เน้นความสปอร์ต ด้วยการพัฒนาบนแพลตฟอร์มตัวถังใหม่แบบ TNGA (Toyota New Global Architecture) โดยรถรุ่นปัจจุบันถือเป็นรถ TOYOTA Camry ในเจเนอเรชั่นที่ 6 ตั้งแต่ที่เคยทำตลาดในประเทศไทยมา พร้อมรูปลักษณ์การออกแบบที่แตกต่างกว่าเดิมอีกขั้น กับมิติตัวถังที่กว้างขึ้น ยาวขึ้น และลดต่ำลง ซึ่งทำให้มิติรถโดยรวม มีความเป็นรถสปอร์ตและขับขี่สนุกขึ้น
เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง ที่ถูกนำมาใช้กับเหล็กกล้าคุณภาพเยี่ยม ทำให้โครงสร้างตัวถังรถมีความแข็งแรง และทนทานต่อแรงบิด นอกจากนี้ ตัวรถยังได้รับการออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ และการทรงตัวที่ดีเยี่ยม พร้อมกันนี้ด้านการออกแบบด้านหน้า ยังมีสไตล์ของกันชนหน้าที่มีเอกลักษณ์ และเส้นสันที่ชัดเจนมากขึ้น พร้อมกระจังหน้ารูปร่างแปลกตา แต่ดูสวยหรูแบบสปอร์ต
ชุดโคมไฟหน้ามีดีเทลและความสปอร์ตหรูหรามากขึ้น เช่นเดียวกับไฟท้ายที่เน้นความปราดเปรียว ด้วยการปรับให้มีขนาดเล็กลงและลากยาวมากขึ้นตามสมัยนิยม พร้อมภายใน ดีไซน์เด่นด้วยแผงแดชบอร์ดตกแต่งด้วยสีเปียโนแบล็คและชุดลายไม้ แต่โดดเด่นด้วยดีไซน์การเล่นระดับ ระหว่างแผงควบคุมระบบเอนเตอร์เทรนเมนต์ และช่องเก็บของกลาง
มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ตรงกลางเพื่อการควบคุมคำสั่งในรถทั้งหมด เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับเอนได้ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายตลอดการเดินทาง และ ที-คอนเนคท์ เทเลเมติกส์ ระบบเชื่อมต่อระหว่างรถและผู้ใช้ให้เป็นหนึ่งเดียว ช่วยอัพเดตทุกสถานะของรถได้ตลอดเวลา ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในรถ Camry รุ่นล่าสุดนี้
นอกจากนี้ Camry รุ่นล่าสุด ยังติดตั้งเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยขั้นสูงสุดไว้มากมาย อาทิ ระบบความปลอดภัยก่อนการชน ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยหน่วงอัตโนมัติ พร้อมติดตั้งถุงลมนิรภัยรอบคัน 9 ลูก เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ในทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะบนท้องถนน
ในส่วนขุมพลังรุ่น 2.0G จะมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 167 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 199 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รองรับการใช้งานเชื้อเพลิงสูงสุดถึงระดับ E85
ส่วนรุ่น 2.5G จะมาพร้อมขุมพลังเบนซิน 2.5 ลิตร ใหม่ Dynamic Force ที่มีอัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1 พลัง 209 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และรองรับเชื้อเพลิงถึงระดับ E85
และในรุ่นไฮบริด จะมาพร้อมขุมพลัง 2.5 ลิตร Dynamic Force Hybrid เจนเนอเรชั่นที่ 4 พลัง 178 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 221 นิวตันเมตรที่ 3,600-5,200 รอบต่อนาที เมื่อรวมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 120 แรงม้า แรงบิด 202 นิวตันเมตร ทำให้ได้พลังรวมถึง 211 แรงม้า ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ E-CVT 8 สปีด รองรับเชื้อเพลิงระดับ E20
