MAX BILL นามของดีไซเนอร์ชาวสวิส ที่กลายเป็นชื่อคอลเลคชั่นของนาฬิกาเยอรมัน

 

ผลผลิตจากเยอรมันชนโดยเฉพาะด้านเครื่องจักรกลนั้นเป็นอะไรที่คนทั่วโลกนิยมชมชอบเป็นอย่างยิ่ง ด้วยดีไซน์เฉพาะตัว แข็งแกร่งแต่อ่อนละมุนอยู่ในทีและเทคโนโลยีในการผลิตแบบเหนือชั้นแล้ว ต้องบอกว่าหาใครเปรียบเหมือนหรือเทียบเคียงได้ยาก ซึ่งนาฬิกาจากเยอรมันก็มีคุณสมบัติเหล่านี้อยู่เต็มๆ ในบ้านเราก็มีนาฬิกาจากเยอรมันเข้ามาทำตลาดอยู่บ้างและก็เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่คนชอบนาฬิกาอยู่ไม่น้อย ติดที่ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ที่มีราคาสูงอยู่สักหน่อยไม่ว่าจะเป็น A. LANGE & SOHNE หรือ GLASHUTTE ORIGINAL เป็นต้น จะมีย่อมเยาว์ลงมาหน่อยก็คือ NOMOS GLASHUTTE ที่เพิ่งเข้ามาทำตลาดในไทยเมื่อไม่กี่ปีมานี้ซึ่งก็มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเช่นกันแต่ก็เป็นแบรนด์ที่เกิดขึ้นมาใหม่ไม่นานนักจึงอาจดูด้อยด้านประวัติศาสตร์ไปเมื่อเทียบกับแบรนด์เก่าแก่อื่นๆ

 

บทความนี้จะพามาชมนาฬิกาจากเยอรมนีอีกแบรนด์หนึ่งที่เคยเข้ามาทำตลาดในบ้านเราอยู่พักหนึ่งแล้วก็หายเงียบไป ที่หายไปนี่ไม่ใช่เป็นเพราะไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีหรอกนะครับ แต่เป็นปัญหาด้านการกระจายสินค้าของผู้ผลิตในขณะนั้นเสียมากกว่า เพราะคนรักนาฬิกาบ้านเราก็ชื่นชอบอยู่มากขนาดที่ว่ามีคนถามหาอยู่ตลอดเวลาแม้จะเป็นช่วงสุญญากาศที่ไม่มีผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทยก็ตาม ครับ ผมกำลังพูดถึงแบรนด์ดาวแปดแฉก JUNGHANS (ยุงฮันส์) อันเก่าแก่ที่ถือกำเนิดขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1861 หรือกว่า 150 ปีมาแล้วนั่นเอง โดยรุ่นที่คนรักนาฬิกาต่างนิยมชมชอบกันมากก็ต้องเป็น Max Bill ครับ ซึ่งวันนี้ก็มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการประจำประเทศไทยรายใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ บริษัท เวิลด์ ออฟ วอทช์ 2 จำกัด (หรือเรียกสั้นๆ ว่า WWII) โดยเปิดจำหน่ายเป็นครั้งแรกที่งานสยามพารากอน วอชท์ เอ็กซ์โป 2012 (31 สิงหาคม – 19 กันยายน 2555) พร้อมๆ กับนาฬิกาอีก 4 แบรนด์ ( อีก 2 แบรนด์มาจากเยอรมนี 1 แบรนด์จากสวิส และอีก 1 แบรนด์จากอิตาลี) ที่ทางบริษัทเป็นผู้แทนจำหน่ายโดยมีเครือข่ายครอบคลุมทั้งในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย 

 

 

max bill 1959S

 

ภาพ Max Bill ขณะกำลังทำงานอยู่ในสตูดิโอของเขา ถ่ายในปี ค.ศ.1959

 

 

เพื่อเป็นการต้อนรับนาฬิกา JUNGHANS กลับสู่ตลาดไทยอีกครั้ง ผมจึงขอรำลึกถึงเรื่องราวของ Max Bill ซึ่งเป็นนาฬิกาคอลเลคชั่นยอดนิยมของ JUNGHANS กันสักนิดครับว่ามันมีความเป็นมาอย่างไรถึงทำให้ผู้คนมากมายติดใจได้ถึงเพียงนี้ Max Bill นั้นเป็นชื่อของชาวสวิสท่านหนึ่งซึ่งเป็นทั้งสถาปนิก ศิลปิน และนักออกแบบผลิตภัณฑ์ ในคนๆ เดียวกัน ประวัติของชายผู้นี้ต้องถือว่าไม่ธรรมดาเลย เขาจบการศึกษามาจากโรงเรียน Bauhaus ในเยอรมนี และเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนการออกแบบขึ้นใน Ulm เพื่อสานต่อประเพณีการออกแบบแบบ Bauhaus ซึ่งเป็นงานออกแบบที่งดงามและคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยและการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นหลักหรือที่ต่อมาเรียกกันว่าแนวมินิมัลลิสท์ให้คงอยู่ต่อไป

 

Max เป็นทั้งผู้อำนวยการคนแรกและสถาปนิกของสถาบันแห่งนี้ ในขณะนั้นเขาได้รับการว่าจ้างให้ทำการออกแบบหน้าปัดนาฬิกาให้กับ JUNGHANS โดยงานชิ้นแรกที่เขาทำให้นั้นเป็นการออกแบบนาฬิกาแขวนผนังสำหรับห้องครัวซึ่งออกจำหน่ายในปี ค.ศ.1956 ครับ แน่นอนว่างานของเขาจะต้องมีจิตวิญญาณแห่ง Bauhaus อยู่เต็มเปี่ยม สามารถอ่านค่าได้ง่ายด้วยขีดนาทีที่คมชัดโดยให้ขีดที่อยู่ตรงกับหลักชั่วโมงมีความยาวมากกว่าขีดอื่นๆ โดยมีหลักชั่วโมงเป็นสไตล์เลขอารบิกสมัยใหม่ที่เขาออกแบบขึ้นและมีเลข 4 ที่เป็นแบบเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นต้นแบบของดีไซน์นาฬิกา Max Bill รุ่นต่อๆ มา ถัดมาในปี ค.ศ.1959 ก็มีนาฬิกาแขวนผนังที่ออกแบบโดย Max Bill ตามมาโดยปรับดีไซน์หน้าปัดจากนาฬิกาครัวเสียใหม่ให้มีตัวเลขนาทีแสดงทุกๆ 5 นาทีบนขอบหน้าปัดด้านริมสุด ถัดมาเป็นขีดหลักนาทีและถัดมาชั้นในใกล้จุดศูนย์กลางเป็นหลักชั่วโมง เขาได้นิยามงานศิลปะของเขาว่า “วัตถุสำหรับการใช้งานอย่างชาญฉลาด” Max Bill เสียชีวิตลงเมื่อปี ค.ศ.1994 แต่งานดีไซน์อันเป็นอมตะที่ถือกำเนิดจากนาฬิกาสำหรับห้องครัวของเขานั้นยังคงทำหน้าที่ของมันต่ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด 

 

 

Wand MinutenuhrS

 

นาฬิกาแขวนผนังสำหรับห้องครัวจากปี ค.ศ.1957 หนึ่งในผลงานชิ้นแรกๆ ที่ Max Bill ออกแบบให้กับ JUNGHANS

 

 

สำหรับนาฬิกาข้อมือรุ่นแรกที่ Max Bill ออกแบบนั้น ถูกแนะนำสู่ตลาดในปี ค.ศ.1961 โดยเป็นนาฬิกาสามเข็มที่มากับหน้าปัด 2 รูปแบบให้เลือกซึ่งมีลักษณะเหมือนกับหน้าปัดนาฬิกาแขวนที่ออกมาก่อนหน้า แบบแรกเป็นเหมือนกับนาฬิกาแขวนจากปี 1959 ที่ได้กล่าวไปแล้ว ส่วนอีกแบบนั้นจะไม่มีตัวเลขโดยจะมีขีดหลักชั่วโมงที่ยาวขึ้นแทน ทั้ง 2 แบบจะมีจุดเรืองแสง ณ ตำแหน่ง 3,6 และ 9 นาฬิกา และเบิ้ล 2 จุด ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา บรรจุเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre J84 จำหน่ายเรื่อยมา จนเมื่อก้าวเข้าสู่ยุคทศวรรษที่ 1980 การผลิตนาฬิกา Max Bill ยุคแรกก็ต้องยุติลงเนื่องจากกระแสอันรุนแรงของความนิยมนาฬิกาเครื่องควอตซ์ในสมัยนั้น 

 

เมื่อความนิยมเริ่มหวนกลับมาสู่นาฬิกาจักรกลอีกครั้งในยุคทศวรรษที่ 1990 นาฬิกา Max Bill ก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาในปี ค.ศ.1997 โดยใช้ชื่อคอลเลคชั่นเต็มๆว่า Max Bill by Junghans โดยยังคงมีดีไซน์เหมือนเช่นที่เคยเป็นมาในอดีตและยังคงผลิตอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันคอลเลคชั่น Max Bill มีผลิตขึ้น 4 ซีรี่ส์ด้วยกัน คือ

 

 

027 3004 44 big027 3701 00 big027 3702 00 big

 

Max Bill Hand-winding นาฬิกาสามเข็มขนาด 34 มิลลิเมตร เครื่องไขลาน Calibre J805.1 (ปรับปรุงจาก ETA 2801/2) สวมใส่ได้ทั้งหญิงและชาย บนหน้าปัดมีคำว่า design อยู่ใต้ชื่อแบรนด์

 

 

027 3501 00 big027 4700 00 big027 4701 00 big

 

Max Bill Automatic นาฬิกาสามเข็มขนาด 38 มิลลิเมตร เครื่องขึ้นลานอัตโนมัติ Calibre J800.1 (ปรับปรุงจาก ETA 2824) มีให้เลือกทั้งแบบไม่มีวันที่และแบบมีหน้าต่างแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา

 

 

027 4003 44 big027 4600 00 big027 4601 00 big

 

Max Bill Chronoscope นาฬิกาโครโนกราฟขนาด 40 มิลลิเมตร เดินด้วยเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติโครโนกราฟ Calibre J880.2 (ปรับปรุงจาก Valjoux 7750) มีเคาน์เตอร์ย่อย 2 วงวางในแนวตั้ง บอกชั่วโมงจับเวลากับนาทีจับเวลา มีหน้าต่างแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา

 

 

Junghans max bill by junghans ladies 047 4254.00 425 EuroS Junghans max bill by junghans ladies gold 031 9200.00 5.750 EuroS

 

และ Max Bill Ladies นาฬิกาสามเข็มเครื่องควอตซ์สำหรับคุณผู้หญิง มีให้เลือกในตัวเรือนสตีลขนาด 32.7 มิลลิเมตร และตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ 18k

 

 

ทั้ง 4 ซีรี่ส์มีหน้าปัดทั้งแบบที่ใช้เลขอารบิกร่วมกับขีดสเกลหรือแบบที่ใช้ขีดเพียงอย่างเดียวให้เลือกเหมือนที่ Max Bill เคยเป็นมาในอดีต แน่นอนว่ามีจุดเรืองแสงในตำแหน่งเดิมด้วย ส่วนตัวเรือนก็มีทั้งสเตนเลสสตีลและแบบเคลือบทอง 10 ไมครอน (Max Bill Chronoscope และ Max Bill Ladies มีการผลิตในแบบตัวเรือนทองคำ 18 k ด้วย โดยเป็นรุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นแบบลิมิเต็ดเอดิชั่นในจำนวนจำกัด) สวมใส่คู่กับสายหนังลูกวัวสีต่างๆ หรือเก๋าได้ใจด้วยสายสตีลถักแบบมิลานีส สำหรับกระจกหน้าปัดเพล็กซิกลาสทรงโดมอันเป็นเอกลักษณ์นั้น ตั้งแต่รุ่นปี ค.ศ.2010 เป็นต้นมาจะถูกเคลือบ Sicralan ซึ่งทำให้แผ่นกระจกที่จริงๆ แล้วทำจากโพลีเมอร์นี้สามารถทนทานต่อการขีดข่วน แสงยูวี และสารเคมีต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมทั้งยังเป็นประกายงดงามอีกด้วย

 

นี่ล่ะครับความยิ่งใหญ่ของนาฬิกา Max Bill ที่ยืนยงคงความคลาสสิกมากว่า 50 ปี แต่จะบรรยายอย่างไรคงจะไม่เท่าได้สัมผัสกับตัวจริงซึ่งผู้ที่มีโอกาสเป็นเจ้าของคงจะตอบได้ดี ในโอกาสหน้าจะนำแบบอื่นๆ มาแนะนำให้รู้จักกันอีกนะครับ เพราะจริงๆ แล้ว JUNGHANS เองก็ยังมีเรื่องราวปูมหลังที่น่าสนใจและยังมีนาฬิกาคอลเลคชั่นอื่นๆ ที่น่าสนใจอยู่อีกมาก ไม่ว่าจะเป็น Meister นาฬิกาสไตล์คลาสสิกร่วมสมัยซึ่งนำชื่อคอลเลคชั่นดั้งเดิมที่ถือกำเนิดเมื่อปี ค.ศ.1931 ของแบรนด์กลับมาใช้ใหม่ ไปจนถึงนาฬิกาล้ำๆ ทำงานด้วยเครื่องควอตซ์พลังงานแสงควบคุมการแสดงเวลาด้วยเรดิโอคอนโทรลที่ผลิตขึ้นเองแบบอินเฮ้าส์ในหลากหลายรุ่นด้วยกัน อีกทั้งยังมีแบรนด์ Erhard Junghans (แอร์ฮาร์ด ยุงฮันส์) ที่ตั้งขึ้นในปี ค.ศ.2007 เพื่อเป็นเกียรติแก่ Erhard Junghans ผู้ก่อตั้งแบรนด์ด้วย โดยถือเป็นไลน์นาฬิการะดับสูงของ JUNGHANS ซึ่งก็มีออกมาหลายรุ่นด้วยกัน

 

 

By: Viracharn T.