นาฬิกาอะไรที่คุณอยากได้ (ภาคต่อ: PANERAI และ OMEGA)
จากบทความครั้งก่อนที่ได้กล่าวถึง Patek Philippe, Audemars Piguet และ Rolex กันไปแล้ว มาต่อกันกับเรื่องราวของนาฬิการุ่นเด่นๆ จาก Panerai และ Omega กันครับ
Panerai
Panerai หรือมีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า Officine Panerai นับเป็นตัวอย่างของนาฬิกาเชื้อชาติอิตาลีแต่สัญชาติสวิสที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา Panerai มีหน้าตาที่เรียบง่ายหรือแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่โดดเด่นเลยในสายตาคนทั่วไป แต่กลับมีตัวเรือนที่ใหญ่โตอย่างเด่นชัดต่างจากแบรนด์ต่างๆ โดยมีขนาดเล็กที่สุดที่ 40 มิลลิเมตรและใหญ่ไปจนถึงระดับ 47 มิลลิเมตรในรุ่นทั่วๆ ไป
ต้องบอกกันก่อนว่าเทรนด์นาฬิกาเมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขนาดของนาฬิกาจะอยู่ที่ประมาณ 36 หรือ 38 มิลลิเมตร ส่วนระดับ 40 มิลลิเมตร ก็ต้องมีตัวเรือนที่โค้งมนเพื่อไม่ให้ดูเรือนใหญ่เกินไป โดยเทรนด์นาฬิกาขนาดใหญ่นี้ถือว่าเริ่มต้นขึ้นจาก Panerai โดยมีเกียรติประวัติจากนาฬิกาที่ผ่านการใช้งานในสงครามของราชนาวีอิตาลีเป็นประกันพร้อมๆ กับเรื่องเล่าของหน่วยประดาน้ำกล้าตายที่เรียกว่า Black Seal เป็นพระเอกของท้องเรื่องที่นำพาเอาเหล่าอุปกรณ์ดำน้ำคู่ใจนี้ลงไปประกอบภารกิจใต้น้ำตลอดช่วงสงครามโลก
Panerai ในปัจจุบันมีรุ่นต่างๆ ให้เลือกหลักๆ เพียงแค่ 2 รุ่นนั่นก็คือ Luminor และ Radiomir โดยมีรุ่นแยกย่อยต่างๆ มากมายที่คนทั่วๆ ไปมักบอกว่าดูแล้วเหมือนๆ กันหมด โดยขอแบ่งรุ่นยอดนิยมเหล่านี้เป็นแบบไขลานและไขลานอัตโนมัติ
PAM00000 PAM00005
Luminor PAM00000 มีตัวเรือนยอดนิยมขนาด 44 มิลลิเมตรและโลโก้ Panerai อยู่บริเวณเหนือ 6 นาฬิกา (ที่เรียกกันว่าโลโก้) เป็นกลไกไขลานของ ETA (เดิมคือบริษัท Unitas ที่ ETA ในปัจจุบันซื้อกิจการไปแล้ว) ฝาหลังทึบพร้อม Belt Buckle แบบหางปลาดั้งเดิมขนาดใหญ่และสายหนังวัวแท้
Luminor PAM00005 มีตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตรเช่นกัน มีโลโก้ Penarai มีวงวินาทีแสดงบนหน้าปัดบริเวณ 9 นาฬิกา กลไกไขลานของ ETA ฝาหลังทึบพร้อม Belt Buckle แบบหางหลาดั้งเดิมขนาดใหญ่และสายหนังวัวแท้
PAM00111 PAM00104
Luminor PAM00111 ตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตร หน้าปัดแบบแซนด์วิช (หน้าปัดแบบ 2 แผ่นประกบกัน ด้านใต้เป็นแผ่นเคลือบสารเรืองแสง Luminova ส่วนด้านบนเป็นหน้าปัดตัดเป็นร่องให้เป็นตัวเลขเพื่อให้แสงสะท้อนลอดผ่านออกมา) ซึ่งเป็นหน้าปัดแบบเดียวกันกับที่ใช้ในยุคสงคราม แสดงวงวินาทีบนหน้าปัดบริเวณ 9 นาฬิกา กลไกไขลานของ ETA ฝาหลังแบบใสเผยให้เห็นกลไกการทำงานพร้อม Belt Buckle แบบหางหลาและสายหนังวัวแท้
Luminor PAM00104 ตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตร แสดงวงวินาทีบนหน้าปัดบริเวณ 9 นาฬิกา กลไกไขลานอัตโนมัติของ ETA ฝาหลังทึบพร้อม Deployant Buckle และสายหนังจระเข้แท้สีดำ
PAM00088 PAM00090
Luminor PAM00088 ตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตร ฟังก์ชั่น GMT บนหน้าปัด กลไกไขลานอัตโนมัติของ ETA ฝาหลังทึบพร้อม Deployant Buckle และสายหนังจระเข้แท้สีน้ำตาล
Luminor PAM00090 ตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตร ฟังก์ชั่น Power Reserve บนหน้าปัด กลไกไขลานอัตโนมัติ ETA ฝาหลังทึบพร้อม Deployant Buckle และสายหนังจระเข้แท้สีดำ
PAM00183 PAM00380
Radiomir PAM00183 ตัวเรือนขนาด 47 มิลลิเมตร หน้าปัดแบบแซนด์วิช แสดงวงวินาทีบนหน้าปัดบริเวณ 9 นาฬิกา กลไกไขลานของ ETA ฝาหลังแบบใสเผยให้เห็นกลไกการทำงานพร้อม Belt Buckle แบบหางปลาและสายหนังวัวแท้
Radiomir PAM00380 ตัวเรือนขนาด 47 มิลลิเมตร หน้าปัดแบบแซนด์วิช โลโก้ Panerai มีวงวินาทีแสดงบนหน้าปัดบริเวณ 9 นาฬิกา กลไกไขลานของ ETA ฝาหลังทึบพร้อม Belt Buckle แบบหางปลาและสายหนังวัวแท้สีดำ
PAM00292 PAM00382
Radiomir PAM00292 ตัวเรือน Ceramic ขนาด 47 มิลลิเมตร แสดงวงวินาทีบนหน้าปัดบริเวณ 9 นาฬิกา กลไกไขลานของ ETA ฝาหลังทึบพร้อม Belt Buckle ทำ DLC แบบหางปลาและสายหนังวัวแท้สีดำ
หลายๆ เรือนของ Panerai คนที่ยังไม่คุ้นตาคงดูเหมือนๆ กันไปหมด เพราะเนื่องจากเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงเพียงน้อยนิดก็สามารถเปลี่ยน Reference Number กันได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีรุ่นท็อปฮิตที่ออกมาเป็น Limited Edition และมีราคาสูงลิบลิ่วในช่วงเปิดตัว หรือหลายๆ รุ่นที่เป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงเวลาต่างๆ อย่างเช่นในช่วงนี้ทั้ง PAM00372 หรือจะเป็น PAM00382 ในฉายา Bronzo ที่ฮ็อตอย่างมากในช่วงนี้
ขอสรุปสำหรับ Panerai เลยว่า ความเป็นนาฬิกาแบบทหารย้อนยุคมาดดิบๆ นี่แหละที่เป็นเสน่ห์ดึงดูดสำหรับผู้คนที่รักนาฬิกาสไตล์นี้อย่างแท้จริง แต่อย่าถามว่าทำไมนาฬิกาที่ดูไม่มีอะไรเลยแบบนี้ถึงมีราคาค่าตัวระดับสองแสนขึ้น เพราะคำตอบคงมีแค่ว่า ถ้ากล้าตั้งราคาแล้วมีคนซื้อ ก็แสดงถึงตลาดของสินค้าชนิดนั้นที่มีอยู่จริง
Omega
นาฬิกาเหยียบดวงจันทร์ที่คนไทยรู้จักกันดี เนื่องจากเป็นทั้งนาฬิกาเรือนแรกที่สวมใส่เพื่อภารกิจการเยือนดวงจันทร์ครั้งแรกของมนุษย์ และเป็นนาฬิกาที่ James Bond 007 สวมใส่ในภาคหลังๆ (ก่อนหน้านี้ใส่มาแล้วหลายแบรนด์) หรือแม้กระทั่งเป็นนาฬิกาของนางแบบดัง Cindy Crawford หรือดาราชื่อดังของฮอลลีวู้ดอย่าง Nicole Kidman ในแคมเปญ My Choice อันโด่งดัง
Omega ในนามของ Swatch Group นับเป็นแบรนด์เรือธงแบรนด์หนึ่งของกลุ่มที่ยกระดับแบรนด์ได้สูงกว่าแบรนด์อื่นๆ ในระดับเดียวกันตลอดช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา นาฬิกาในรุ่นต่างๆ ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เหมาะสมกับตลาดซึ่งรวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ที่โดนใจผู้คนมาโดยตลอด ทำให้นาฬิกาของ Omega ในปัจจุบันโด่งดังทัดเทียมกันเกือบทุกรุ่นโดยมีรุ่นยอดนิยมดังต่อไปนี้
Seamaster Seamaster Aqua Terra Chronograph
Seamaster Planet Ocean Seamaster Ploprof
Seamaster นาฬิการุ่นหนึ่งจาก Omega ซึ่งในปัจจุบันมีการแตกไลน์ออกไปอย่างมากมาย ตั้งแต่ Diver ที่ผู้คนทั่วไปรู้จักกันมากที่สุดกับภาพของ James Bond 007, Planet Ocean ที่เป็นการปรับปรุงรุ่น Diver ให้ดูมีทรวดทรงมากขึ้น, Aqua Terra รุ่นที่เป็นเน้นให้ดูเรียบๆ ไม่หวือหวามากนัก หรือ Ploprof ที่ลอกแนวทางย้อนยุคของนาฬิกาดำน้ำยุคอดีตมาอย่างถอดด้าม
Speedmaster
Speedmaster นาฬิกาคู่การจับเวลาการแข่งขันที่มีความโดดเด่นไม่แพ้ใคร มาพร้อมกับฟังก์ชั่นจับเวลาที่เห็นได้อย่างชัดเจนและน่าสนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ทั้งยังเป็นนาฬิกาเรือนแรกที่อยู่บนข้อมือ นีล อาร์มสตรอง ขึ้นไปบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรกของมนุษย์อีกด้วย นาฬิการุ่นนี้มีการปรับปรุงและเพิ่มเติมหลายสิ่งหลายอย่างในทุกปี ทำให้ปัจจุบันมีคอมบิเนชั่นให้เลือกอย่างมากมายแต่สิ่งที่โดดเด่นและพิเศษสุดของนาฬิการุ่นนี้ก็ยังคงเป็นฟังก์ชั่น Chronograph ที่เป็นฟังก์ชั่นหลักของนาฬิกาแบบสปอร์ตโดยทั่วไป
Deville Deville Tourbillon
Ladymatic
Deville นาฬิกาแบบเดรสจาก Omega ที่คงความหรูหราได้อย่างไม่จืดจางทั้งสายหนังและสายวัสดุต่างๆ โดยมีตั้งแต่กลไกไขลานไปจนถึงกลไก Tourbillion ที่โดดเด่นจากการจัดวางกรงอยู่ตรงกลางตัวเรือนในรูปแบบนาฬิกาเดรส นอกจากนี้ยังมีไลน์น้องใหม่ของ Deville นั่นก็คือ Ladymatic ที่เพิ่งออกสู่ตลาดล่าสุดกับภาพลักษณ์ของนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีแบบเดรสอีกด้วย
Constellation 50th Anniversary (รุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี)
Constellation นาฬิการุ่นยอดนิยมที่คนไทยยุคก่อนรู้จักกันดีในชื่อของหอดูดาว Constellation ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมามีการปรับเปลี่ยนหน้าตาไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยยังคงเอกลักษณ์ของขอบตัวเรือนที่เว้นขอบเม็ดมะยมไว้เพื่อเป็นบ่าป้องกันเม็ดมะยมจากการกระทบกระแทก และมีคอมบิเนชั่นให้เลือกอย่างหลากหลายกว่า 200 แบบ ทั้งตัวเรือนจากวัสดุต่างๆ การประดับเพชร รูปแบบหน้าปัด ขนาด กลไก รวมไปถึงฟังก์ชั่น Chronograph
Museum No.3 Officer 1945 Museum No.8 Racend Timer
Museum นาฬิกาแบบย้อนยุคจาก Omega ที่คัดเลือกเอาเรือนเด่นๆ จากอดีตกลับมาสร้างใหม่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นโดยมีราคาค่าตัวตั้งแต่ระดับแสนจนถึงระดับล้าน
ดังนั้นราคาค่าตัวของ Omega จึงมีตั้งแต่ระดับหลักหมื่นถึงหลักล้านจากความหลากหลายของแบรนด์ ซึ่งในแต่ละโมเดล ก็มีความแตกต่างอย่างโดดเด่นในตัวเองและทำให้ผู้คนตัดสินใจเลือก Omega จากความหลากหลายที่มีให้เลือกอย่างมากมายนั่นเอง
มาถึงตรงนี้ ถ้า 5 แบรนด์ที่ผ่านมายังไม่ตรงใจคุณๆ กันล่ะก็ ผมขอแนะนำนาฬิกาบางแบรนด์ที่น่าสนใจและคนไทยรู้จักกันดีพอสมควรเพิ่มเติมในภาคต่อครั้งต่อไปกับ TAG Heuer และ Chopard กันนะครับ
By: Pramote R.