อัญมณีแห่งกาลเวลา ที่มาของแบรนด์เครื่องประดับระดับโลก ตอนที่ 1
By Dr. Attawoot Papangkorn
CARTIER แบรนด์เก่าแก่ที่สะสมฝีมือมากว่า 150 ปี ไม่ได้ผลิตเฉพาะนาฬิกา แต่ยังเป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องประดับระดับสูงอีกด้วย ก่อตั้งโดย Mr. Louis-Francois โดยเอกลักษณ์ที่สร้างความพิเศษให้แก่ CARTIER ก็คือความหรูหราของดีไซน์ ที่ทำให้นาฬิกา CARTIER เป็นที่ชื่นชอบของชนชั้นสูงทั้งหลาย โดยได้รับการยอมรับให้เป็นผู้ออกแบบและผลิตเครื่องประดับรวมถึงนาฬิกา ให้แก่ราชวงศ์ในแถบยุโรปและเอเชียแทบจะทุกยุคทุกสมัย โดยในปี 1888 CARTIER มีการผลิตผลงานที่โดดเด่นออกมา นั่นก็คือนาฬิกาข้อมือที่ประดับไปด้วยอัญมณีที่งดงามและทำให้เกิดความหรูหรายิ่งขึ้น แต่ในช่วงเวลาต่อมา ในยุคที่มีไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แสงจากหลอดไฟก็ทำให้เครื่องเพชรที่ใช้ประดับนาฬิกาดูหมองลง CARTIER จึงแก้ไขด้วยการใช้ทองคำขาวหรือแพลทตินัมมาใช้เป็นตัวเรือนแทน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้น เป็นที่ถูกอกถูกใจต่อผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก จนกระทั่งปี 1904 เพื่อนของ Mr. Louis-Francois ซึ่งเป็นนักบิน ได้มาพูดคุยว่านาฬิกาที่เขาพกนั้นไม่สะดวกในการใช้งานเลย ดังนั้นจึงเกิดการร่วมมือกันขึ้นกับนักบินคนนั้น ผลิตนาฬิกาข้อมือที่มีชื่อรุ่นว่า Santos de Cartier และหลังจากนั้น CARTIER ก็ได้กลายเป็นแบรนด์ที่ถูกพูดถึงในวงกว้างมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะราบรื่น เพราะในทศวรรษที่ 90 กระแสของ CARTIER ก็เริ่มแผ่วลงจากผลงานที่ไม่โดนใจลูกค้าเท่าที่ควร แต่กลุ่มธุรกิจชื่อดังอย่าง Richemont ไม่คิดเช่นนั้น จึงดำเนินการเข้าซื้อธุรกิจ และทำให้ CARTIER ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง โดยสามารถยืนหยัดได้อย่างสวยงามจนถึงปัจจุบัน
Mr. Louis-Francois
นาฬิกาข้อมือรุ่นว่า Santos de Cartier
และสำหรับ BVLGARI จุดเริ่มต้นของแบรนด์มาจากชายที่ชื่อว่า Mr. Sotirio Bvlgari ชาวกรีกจากหมู่บ้านที่มีชื่อว่า Kalarites ซึ่งขึ้นชื่อในการผลิตเครื่องประดับจากเงิน ได้อพยพเข้ามาอยู่ที่อิตาลีในปี 1880 และเปิดธุรกิจร้านเครื่องประดับเป็นครั้งแรก สิ่งที่น่าสนใจคือตั้งแต่ครั้งนั้นจนถึงปี 1993 สินค้าของ BVLGARI จะวางขายที่ร้านของตัวเองเท่านั้น เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่บ่งบอกถึงความสามารถ และความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่ขยายตลาดได้ด้วยตัวเอง และในส่วนของนาฬิกานั้น ช่วงแรกทาง BVLGARI ก็ไม่ได้เน้นเป็นสินค้าหลักอยู่แล้ว แต่จะมาโด่งดังกับการออกแบบนาฬิการุ่น BVLGARI-BVLGARI ที่เริ่มจำหน่ายในปี 1977 ที่มีความโดดเด่นจาการสลักชื่อแบรนด์บนขอบเบเซิล โดยเอาแนวคิดการซ้ำคำของเหรียญโรมันโบราณมาใช้ และกลายเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกา BVLGARI จนได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง นอกจากนั้นยังมีการผลิตนาฬิกาสุภาพสตรีที่ใช้เทคนิคที่เรียกว่า Tubogas ซึ่งใช้แผ่นโลหะขดเกลียวมาประกบกันมีลักษณะเหมือนกับงู ซึ่งปัจจุบันจะรู้จักกันในชื่อคอลเลคชั่นว่า Serpenti โดยในส่วนของนาฬิกาสปอร์ตนั้น จะเริ่มในปี 1990 ที่แม้ว่า BVLGARI จะไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตกลไก แต่เพื่อให้คุณภาพที่ดีขึ้น ในปี 1989 BVLGARI ก็ได้ทำสัญญากับทางโรงงานของ GIRARD-PERREGAUX ในลาโชซ์-เดอ-ฟองซ์เพื่อพัฒนาและผลิตทั้งควอท์ซและกลไก รวมถึงคอมพลิเคชั่นต่างๆ ให้ แม้ว่าต่อมาในปี 1998 ทาง GIRARD-PERREGAUX ได้ถอนหุ้นออกจากโครงการ แต่ก็ยังผลิตกลไกส่งให้ BVLGARI เรื่อยมา จนในปัจจุบัน BVLGARI ก็ได้พัฒนาตัวเอง จนกลายมาเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่ทรงพลัง โดยมีโรงงานกระจายอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ถึง 4 แห่ง ที่ต้องยอมรับว่าเป็นการใช้ความอดทนและตั้งใจจริงของ BVLGARI ที่ต้องการผลักดันนาฬิกาของตัวเองให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้น พร้อมๆ กับการออกแบบที่ยอดเยี่ยม และกลไกคุณภาพเข้าสู่ตลาด ทั้งจากการควบรวมกิจการเข้ากับ DANIAL ROTH และ GERALD GENTA รวมไปถึงการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่ม LVMH ในปัจจุบัน
Mr. Sotirio Bvlgari
นาฬิการุ่น BVLGARI-BVLGARI