BIANCHET B 1.618 Grande Date Sapphire Edition

BIANCEHT ผู้ผลิตนาฬิกาจากสวิสที่มีชื่อเสียง ในด้านการผลิตกลไกนาฬิกาแบบตูร์บิยอง มีความภูมิใจในการแนะนำนาฬิการุ่น B 1.618 Grande Date Sapphire Edition ซึ่งเป็นนาฬิกาที่สร้างนิยามใหม่ ในด้านความโปร่งใสและความสง่างาม ให้กับนาฬิการุ่นยอดนิยมของแบรนด์ โดยนาฬิการุ่นล่าสุดนี้ถือเป็นการตีความ ของนาฬิการุ่นเดิมที่มาในวัสดุใหม่ พร้อมการทำงานของกลไกอินเฮ้าส์แบบฟลายอิ้งตูร์บิยอง ที่จะเปิดตัวในงาน GENEVA WATCH DAYS 2024 ที่จะถึงนี้

 

Screenshot 2567 08 24 at 23.27.07

 

B 1.618 Grande Date Sapphire Edition ถือเป็นบทพิสูจน์ถึงความทุ่มเทของ BIANCHETในด้านนวัตกรรมและหัตถศิลป์ พร้อมนำเสนอเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ของการผลิตนาฬิกาที่มีตัวเรือน ที่เป็นการผสมผสานกันระหว่าง กระจกแซฟไฟร์ที่เข้ากันกับยางได้อย่างสวยงาม ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ตอกย้ำความเชี่ยวชาญ ทางการพัฒนาด้านวัสดุศาสตร์ของแบรนด์ โดยแซฟไฟร์ถือเป็นวัสดุที่มีความแข็ง เป็นอันดับสองรองจากวัสดุอย่างเพชร ที่ถือว่ามีความแข็งแกร่งสูงเป็นพื้นฐาน

 

Screenshot 2567 08 24 at 23.26.28

 

และทำให้เกิดความท้าทายครั้งสำคัญ ในการพัฒนากระบวนการตัดและเก็บพื้นผิวอย่างละเอียด นอกจากนี้ทีมออกแบบของ BIANCHET ยังมีการพัฒนาชุดสายยางให้ผนึก เข้ากับโครงสร้างตัวเรือนได้อย่างชาญฉลาด โดยยังคงรักษาความสวยงาม อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ไว้ ด้วยปะเก็นยางสองชุดที่เน้นย้ำถึงความบริสุทธิ์ ด้านการออกแบบตัวเรือน พร้อมตอกย้ำเอกลักษณ์ของแบรนด์ BIANCHET ในด้านการผสมผสานวัสดุล้ำค่า ทางเทคโนโลยีให้ล้ำสมัยไปอีกระดับ

 

Screenshot 2567 08 24 at 23.26.11

 

จากตัวเรือนใสของนาฬิการุ่น B1.618 Grande Date Sapphire Edition ที่เผยให้เห็นสถาปัตยกรรมอันซับซ้อน ของกลไกภายในที่ทำหน้าที่เป็นตัวเอกของนาฬิกา กับสัดส่วนโค้งมนอันนุ่มนวลทรงตอนโน ที่ได้รับการปรับปรุงให้เกิดความโปร่งใสในระดับสูงสุด พร้อมความสมบูรณ์แบบในมุมมองด้านความลื่นไหล ของส่วนประกอบการทำงานภายใน ซึ่งทั้งหมดนี้จัดเรียงตามหลักการเหนือกาลเวลา ของอัตราส่วนทองคำที่ 1.618 ที่ช่วยทำให้มั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะใช้งานในสถานที่ใด

 

Screenshot 2567 08 24 at 23.25.44

 

ทั้งการอาบแดดหรืออยู่ในอาคารที่ร่ม ตัวเรือนนี้ก็จะเปิดรับแสงและช่วยขับพื้นผิว ที่ขัดด้วยลวดลายซาตินหรือพ่นทรายของชุดกลไก พร้อมขอบของชิ้นส่วนภายใน ที่ผ่านกระบวนการขัดขอบด้วยมืออย่างพิถีพิถัน และทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างเงาและภาพสะท้อน อันน่าหลงใหลราวและสง่างาม กับหัวใจของนาฬิกาที่เป็นกลไกแบบสเกเลตัน ที่สร้างขึ้นจากวัสดุไทเทเนียมทั้งหมด และได้รับการออกแบบให้ดูเหมือนลอยได้อยู่ภายในตัวเรือน จากโครงสร้างที่พัฒนามาเพื่อชุดตูร์บิยอง

 

Screenshot 2567 08 24 at 23.53.08

 

ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนทางด้านหลัง กับชุดกลไกแบบตูร์บิยอง ที่มีชื่อเสียงในโลกแห่งศาสตร์เครื่องบอกเวลาชั้นสูง ในด้านความสามารถในการท้าทายแรงโน้มถ่วง และถือเป็นผลงานชิ้นเอกด้านความแม่นยำ สำหรับโลกแห่งนาฬิกาพร้อมความเป็นสัญลักษณ์ แห่งความสง่างามตราบชั่วนิรันดร์ กับการตอกย้ำประวัติศาสตร์ด้านการผลิตของ BIANCHET ในด้านการผสมผสานวัสดุที่เป็นนวัตกรรมใหม่ โดยก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดตัววัสดุอย่างคาร์บอนคอมโพสิท

 

Screenshot 2567 08 24 at 23.52.05

 

กับการผสมผงไทเทเนียมเข้าไว้กับคาร์บอนอย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมการผสมผสานอย่างโดดเด่น ของวัสดุอย่างทองคำแท้กับคาร์บอนไฟเบอร์ ในลักษณะเดียวกันกับที่นาฬิการุ่น Grande Date Sapphire Edition ยังคงสืบสานประเพณีนี้ โดยแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ BIANCHET ในการผสมผสานวัสดุที่มีเทคโนโลยีสูง และล้ำค่าเข้ากับศิลปะแห่งงานฝีมือ ตามแนวทางการผลิตนาฬิกาชั้นเยี่ยมของสวิส นอกจากนี้ยังมาพร้อมสายยางวัลคาไนซ์สีขาว และชุดล็อคไทเทเนียมแบบบานพับ

 

Screenshot 2567 08 24 at 23.27.55

 

ที่แต่ละองค์ประกอบต่างได้รับการออกแบบมา อย่างพิถีพิถันเพื่อเสริมความงามโดยรวม โดยด้านหลังของตัวเรือนก็ยังคงธีมโปร่งใส ที่ทำให้สามารถมองเห็นการทำงานของกลไก และความกลมกลืนกันของส่วนประกอบต่างๆ ซึ่งสร้างขึ้นโดยใช้อัตราส่วนทองคำ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นความกลมกลืนกัน ซึ่งจะส่งมอบประสบการณ์ในการสัมผัสได้อย่างสมดุลย์ โดยที่ความแตกต่างระหว่างวัสดุต่างๆ นั้นถูกหลอมรวมไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดความสวยงามอย่างเหมาะสม

 

Screenshot 2567 08 24 at 23.28.08

 

นาฬิการุ่น Grande Date Sapphire Edition นี้จะมีขนาดตัวเรือนที่ 43 x 51 x 14.35 มิลลิเมตร ให้ความสามารถในการกันน้ำได้ในระดับ 5 ATM หรือ 50 เมตร พร้อมชุดเม็ดมะยมที่ผลิตขึ้นจากไทเทเนียม และให้พลังสำรองลานยาวนานถึง 90 ชั่วโมง กับการผลิตขึ้นในแบบจำนวนจำกัดเพียง 21 เรือนทั่วโลก ซึ่งจะได้รับการประกอบด้วยมือ อย่างพิถีพิถันในเวริ์คช็อปของ BIANCHET ที่ลาโชซ์-เดอ-ฟองซ์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยจะมีราคาจำหน่ายในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ 85,500 สวิสฟรังก์