The Review of MAURICE LACROIX Aikon Venturer GMT
ในขณะที่ความนิยมของนาฬิกาในยุคปัจจุบัน อยู่กับนาฬิกาไลน์สปอร์ตเป็นหลัก ซึ่งแม้ว่าความทนทานและความแข็งแกร่ง ทางด้านการใช้งานในแบบสปอร์ตจะเป็นโจทย์หลักก็ตาม แต่ความสวยงาม หรูหรา และมีคุณค่าก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้คนต้องการควบคู่กันไปอีกด้วย โดยมีปัจจัยเรื่องราคาเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่สำคัญในการตัดสินใจเป็นเจ้าของนาฬิกาในยุคนี้
ท่ามกลางแบรนด์ตลาดต่างๆ มากมาย ที่มีราคาค่าตัวสูงลิบลิ่วในปัจจุบัน ก็อาจเป็นได้แค่เพียงภาพของใครอีกหลายคน ในขณะเดียวกันกับผู้ที่ต้องการความแตกต่าง แต่ยังคงสไตล์ของนาฬิกาสำหรับยุคปัจจุบันไว้ได้อย่างครบถ้วน พร้อมระดับราคาที่รับได้และสามารถตัดสินใจเป็นเจ้าของได้อย่างไม่ยากเย็น ก็ยังเป็นอีกหนึ่งโจทย์สำคัญที่แบรนด์นาฬิกาต่างก็มุ่งหวังจะตอบสนองให้กับทุกคนได้อย่างดีที่สุด
MAURICE LACROIX เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มุ่งตรงเข้าสู่ตลาดของคนกลุ่มนี้ กลุ่มคนผู้ที่ต้องการความแตกต่างอย่างมีชั้นเชิง ในสไตล์ของตัวเองแบบที่ไม่ต้องให้ตลาดมาชี้นำ แต่โจทย์ข้อนี้ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายสำหรับแบรนด์นาฬิกาต่างๆ เสมอไป เช่นเดียวกันกับ MAURICE LACROIX ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมายตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและพัฒนา จนออกมาเป็นนาฬิกาเรือนสำเร็จอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
โดยมีนาฬิการุ่น Aikon ที่เป็นนาฬิกาสปอร์ตรุ่นเอกลักษณ์สำคัญของแบรนด์ ที่ได้รับการสืบทอดมาจากนาฬิกาสปอร์ตรุ่น Calypso ในอดีตที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 1980 และทำตลาดมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นภาพลักษณ์ของ MAURICE LACROIX ตลอดมา โดยนอกจากจะยังคงสไตล์และดีเอ็นเอของนาฬิการุ่นนี้จากอดีตแล้ว ยังมีการปรับปรุงให้มีความเพียบพร้อมในทุกด้านสำหรับการใช้งานในยุคสมัยใหม่
อย่างเช่นนาฬิการุ่น Aikon Venturer GMT นี้ที่มีดีกรีความเป็นนาฬิกาสปอร์ตอย่างเต็มตัว กับตัวเรือนและสายที่ผสานกันเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่บ่งบอกได้ถึงความเป็นนาฬิกาสปอร์ตชั้นดีอย่างเต็มตัว ตามสไตล์นาฬิกาสปอร์ตชั้นเลิศของโลก นอกจากนี้ยังมีการขัดเงาในส่วนของมุมในข้อต่อทุกจุดและทุกชิ้น ตัดกับการขัดลายซาตินบนพื้นผิว ที่ช่วยทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีความหรูหราขึ้นไปอีกระดับ
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของรายละเอียดของหน้าปัด ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดสีดำที่มีการขัดแต่งลายริ้ว เพื่อให้เพิ่มความเงางามมากขึ้น และยังเป็นประกายส่องกับแสงในหลากหลายมุม ตัดกับเข็มแสดงเวลาจีเอ็มทีสีแดงโดดเด่น หรือจะเป็นหน้าปัดสีขาวที่เลือกใช้สีขาวนวล ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเข้ากันได้ดี กับเข็มแสดงเวลาจีเอ็มทีสีส้มพาสเทล โดยมีเข็มแสดงเวลาสีเงินที่มีทั้งขนาดและรูปแบบที่ลงตัวกับหน้าปัด
ในขณะที่มาร์เกอร์มีรายละเอียดอย่างน่าสนใจ ของทรงกลมที่มีการเซาะร่องภายในเป็นแบบขีด โดยยังมีด้านหัวและด้านท้ายที่โค้งเข้ากับเบ้าทรงกลม ที่นับเป็นการเลือกใช้และออกแบบ ที่ทำให้หน้าปัดนาฬิกาเรือนนี้ดูแตกต่างอย่างน่าสนใจเป็นพิเศษ ซึ่งยังคงสไตล์ของนาฬิกาแบบสปอร์ตไว้อย่างครบถ้วน จากการเลือกใช้มาร์กเกอร์แบบสามเหลี่ยมแทนที่เวลา 12 นาฬิกา และแบบขีดแทนที่เวลา 9, 6 และ 3 นาฬิกา
รวมไปถึงขอบเบเซิลที่เป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของนาฬิการุ่น Aikon จากการกำกับตัวเลขทั้ง 24 บนขอบ โดยแทนค่าเวลาชั่วโมงเลขคี่ด้วยขีด พร้อมทั้งสลับสีสันของพื้นขอบเบเซิล โดยใช้พื้นสีดำและตัวเลขสีเงินบนพื้นขอบด้านล่าง และพื้นสีเงินของวัสดุสตีลแบบขัดลายซาตินละเอียด พร้อมตัวเลขสีดำบนพื้นขอบเบเซิลที่ยกระดับขึ้น ตามสไตล์ของขอบเบเซิลในนาฬิการุ่น Aikon
ทั้งหมดนี้รวมกัน ทำให้นาฬิการุ่น Aikon Venturer GMT มีความสวยงามและโดดเด่นในทันทีที่เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่บนข้อมือ โดยมีความรู้สึกในขณะใช้งานที่คล่องแคล่ว และรับกับข้อมือได้อย่างพอดี ซึ่งแม้จะมีขนาดตัวเรือนที่ 43 มิลลิเมตร แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าใหญ่แต่อย่างใด ในขณะที่ด้านหลังตัวเรือนและขาสาย ออกแบบให้กดลงและรับเข้ากับข้อมือได้อย่างสวยงามทั้งสองด้าน
ซึ่งเรื่องการสวมใส่และใช้งานในชีวิตประจำวัน ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนาฬิการะดับสูง ที่จะไม่ได้มีเพียงความสวยงามภายนอก แต่ยังสามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมจริงๆ ซึ่งในเรื่องนี้ MAURICE LACROIX Aikon Venturer GMT ก็ยังมีแบบสายยางที่ให้มาพร้อมกับสายสตีล ให้เลือกใช้ตามสไตล์ในแต่ละวันอีกด้วย พร้อมฟังก์ชั่นอีซี่สแตร็ปเอ็กซ์เชนจ์ ที่ช่วยให้ทุกคนสามารถเปลี่ยนสายได้ด้วยตัวเองทุกเมื่อที่ต้องการ
และสายยางนี้ นอกจากจะมีความอ่อนนุ่มและโค้งรับกับข้อมือได้อย่างพอดีแล้ว ยังมีลายเส้นของสายพร้อมบัคเคิลขนาดใหญ่ ที่ช่วยให้สามารถสวมใส่ได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งตราสัญลักษณ์ตัว M อันเป็นอีกหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของแบรนด์ตามแบบฉบับดั้งเดิม ที่ให้ทั้งความโดดเด่นและทำให้รับรู้ได้ในทันทีถึงความเป็นนาฬิกาชั้นเลิศจาก MAURICE LACROIX
นาฬิกา MAURICE LACROIX รุ่น Aikon Venturer GMT มีวางจำหน่ายแล้วในประเทศไทย ทั้งแบบหน้าปัดสีดำและแบบหน้าปัดสีขาว พร้อมราคาจำหน่ายที่ราคาเรือนละ 95,000 บาท