The Review of UNDONE Popeye & Friends “Destro” Limited Edition
“จะได้อะไรบ้างกับนาฬิกาที่มีราคาจำหน่ายในประเทศไทย 16,392 บาท” คำถามนี้น่าจะพอเรียกให้ผู้คนสนใจกันได้พอสมควร เนื่องจากราคาในระดับราคานี้ ณ ปัจจุบันน่าจะเป็นนาฬิกาในกลุ่มตลาดหลักๆ ที่จะมีรูปลักษณ์ในรูปแบบทั่วไป หรือถ้ามีสไตล์มากหน่อย ก็จะต้องเลยไปถึงนาฬิกากลุ่มแฟชั่นกลไกควอท์ซ แต่ถ้าความต้องการอยู่ที่ความแตกต่าง “อย่างมีชั้นเชิง” แล้วหละก็.. นาฬิกาเรือนนี้มีคำตอบให้ได้
เพราะแค่เริ่มต้นจากเรื่องรูปลักษณ์แล้ว ความน่าสนใจตั้งแต่ครั้งแรกเห็น ก็เรียกคะแนนให้ได้พอสมควรอยู่แล้ว กับนาฬิกาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของตัวการ์ตูนดัง Popeye ที่ผู้คนทั้งโลกรู้จักกันดี ในภาพของ Popeye ที่มีแขนทำหน้าที่เป็นเข็มนาฬิกา ทั้งเข็มสั้นแสดงชั่วโมงและเข็มยาวแสดงนาที ในอากัปกริยาของ Popeye ที่แข็งแรงหลังจากการกินผักขมเข้าไปแล้ว ซึ่งเห็นได้จากแขนล่ำปึ๊กของเขาในขณะนี้
นอกจากนั้นยังมีสไตล์โดยรวมของนาฬิกา ที่นำเอาความวินเทจเข้ามาผนวกไว้ได้อย่างเหมาะสม จากสไตล์ของมาร์กเกอร์แบบสโนว์เฟล็ก เข็มวินาทีกลางหน้าปัดสีแดงที่เข้ากันได้อย่างแปลกตา รวมไปถึงสไตล์ขีดและตัวเลขบนขอบเบเซิล ซึ่งจัดวางอยู่ในโทนสีน้ำเงินแบบเรโทร ที่ไม่สว่าง อ่อน หรือเข้มมากจนเกินไป และสไตล์ของนาฬิกาแบบไดเวอร์ ซึ่งเข้ากันได้อย่างไม่ยากเย็นกับสไตล์เรโทรนี้
รวมความกับการเลือกใช้สายผ้าถักสีน้ำเงิน ที่มีเท็กซ์เจอร์ลายผ้าให้เห็นกันชัดๆ และยังเป็นสายแบบที่มีสลักเลื่อนอยู่ด้านหลัง เพื่อให้สามารถเปลี่ยนสายได้ด้วยตัวเองอย่างสะดวก ในขณะที่ด้านหลังสายเป็นหนังประกบไว้ เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวัน พร้อมโลโก้ UNDONE สีขาวที่อยู่ด้านล่างสุดบริเวณ 6 นาฬิกา เพื่อให้สามารถมองเห็นได้ในทันที แต่ไม่เกะกะตากับภาพรวมของหน้าปัดนาฬิกา
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่เน้นไม่ได้ ก็คือการเลือกใช้ตัวเรือนแบบบรองซ์ อันเป็นหนึ่งในวัสดุยอดนิยมในตลาดนาฬิกาทุกวันนี้ ซึ่งถ้าจะบอกว่านาฬิกาเรือนนี้ คือนาฬิกาตัวเรือนบรองซ์ที่มีระดับราคาที่ต่ำที่สุด ก็ไม่น่าจะเกินเลยไปมากนัก และนอกจากตัวเรือนแล้ว เม็ดมะยมก็ยังผลิตจากวัสดุบรองซ์ด้วยเช่นกัน เพื่อสร้างให้เกิดร่องรอยหลังจากการใช้งานไปแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในเสน่ห์ของวัสดุชนิดนี้
คราบสนิมบรองซ์นี้จะมีคุณสมบัติติดทนนานไปกับพื้นผิว ที่ยากจะลบเลือนออกไปได้ ซึ่งเกิดจากการสัมผัสกับอากาศและเหงื่อที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาบนผิวหนัง แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นหนึ่งในความปรารถนา ของผู้คนที่รู้จักกับนาฬิกาสไตล์วินเทจ ที่เป็นอีกหนึ่งในภาพลักษณ์ของนาฬิกาเรือนนี้ ที่ตั้งใจออกแบบให้มีสไตล์เรโทรแบบน่ารักๆ เข้ากันกับกระจกโพลีคาร์โบเนทแบบโดม ช่วยเติมเต็มความเก๋าแต่เก๋
สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน นาฬิกาเรือนนี้เมื่อสวมใส่บนข้อมือ กลับไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ามีน้ำหนักถึง 66 กรัม และขนาดที่ใหญ่ถึง 40 มิลลิเมตร รวมทั้งหนาถึง 15 มิลลิเมตรแต่อย่างใด นอกจากความเท่ห์ที่แตกต่างอย่างมีสไตล์ในแบบของตัวเอง พร้อมกับสารเรืองแสงที่แต้มอยู่บนมาร์กเกอร์และเข็มนาฬิกา เพื่อช่วยในการมองเห็นค่าเวลาในที่มืด อย่างสะดวกและครบถ้วนของสไตล์นาฬิกาสปอร์ตยุคปัจจุบัน
ในขณะที่งานด้านกลไกภายใน ก็ไม่ด้อยไปกว่าความเก๋าของตัวเรือน กับรูปแบบนาฬิกาเลฟแฮนด์ พร้อมการเลือกใช้กลไกคุณภาพจาก SEIKO ที่ถูกจัดวางแบบกลับด้าน เพื่อประโยชน์ด้านการปรับตั้งเวลา ที่ไม่ต้องปวดหัวกับการหมุนทิศทางของเม็ดมะยมกับเข็มนาฬิกา เพียงหันทิศทางนาฬิกาลงด้านล่าง ก็จะสามารถปรับตั้งทุกสิ่งอย่างได้เหมือนนาฬิกาปกติทั่วไป ซึ่งรวมไปถึงการไขลานเพื่อช่วยขึ้นลานชุดกลไกอีกด้วย
และที่สำคัญเม็ดมะยมของนาฬิกาเรือนนี้ ยังเป็นแบบสกรูว์ดาว์นเพื่อประโยชน์ด้านการกันน้ำ รวมไปถึงฝาหลังแบบเกลียวที่ผลิตจากสตีล พร้อมกระจกแซฟไฟร์ด้านหลังตัวเรือน ที่สกรีนโลโก้สัญลักษณ์ Popeye เอาไว้อย่างน่ารักและมีสีสัน โดยตัวนาฬิกาจะบรรจุมาในกล่องพลาสติกใส แร็บด้วยสติกเกอร์สีสันสดใสในภาพของ Popeye, Brutus และ Olive สามคาแร็คเตอร์การ์ตูนในเรื่องที่รู้จักกันดี
โดยกล่องพลาสติคใสนี้ จะมีฝาเปิดลักษณะเหมือนกระป๋องผักขมของ Popeye และภายในจะเต็มไปด้วยกระดาษสาสีเขียวจำนวนมาก เพื่อห่อหุ้มนาฬิกาเอาไว้อย่างง่ายๆ อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญให้เข้ากันกับคาแรคเตอร์ตัวการ์ตูน Popeye ได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดนี้ก็น่าจะทำให้เห็นได้อย่างไม่ยากเย็นแล้วว่า นาฬิกาที่ผลิตแบบจำนวนจำกัด 250 เรือน ในระดับราคานี้กับสิ่งที่ได้ น่าจะเรียกได้ว่าคุ้มค่าหรือไม่