GAYSORN HOROLOGICAL SOCIETY 2025
GAYSORN VILLAGE นำโดย คุณชาญ ศรีวิกรม์ ประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือ เกษร กรุ๊ป ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ในฐานะวอทช์เดสทิเนชั่นชั้นนำของประเทศไทย พร้อมฉลอง 5 ปีแห่งความสำเร็จในด้านการสร้าง ประสบการณ์แบบไล๊ค์ไมนด์คอมมูนิตี้ (Like Minded Community) ที่ถูกใจผู้ที่ชื่นชอบเรือนเวลาหรูมาอย่างต่อเนื่องในงาน GAYSORN HOROLOGICAL SOCIETY 2025 ภายใต้คอนเซ็ปท์ ‘The Assembly of Time’ ที่ชวนทุกคนให้ร่วมกันเดินทาง เพื่อการท่องโลกแห่งเรือนเวลาอย่างเพลิดเพลิน

การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการสะท้อนถึงจิตวิญญาณในการสร้างสรรค์ และความทุ่มเทของหลากแบรนด์นาฬิกาชั้นนำ ในหลากหลายมิติตั้งแต่นวัตกรรมอันล้ำสมัย มรดกแห่งงานฝีมืออันไม่มีใครทัดเทียม ตลอดจนแรงบันดาลใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อบอกเล่าเรื่องราวผ่านเหล่าผลงานชิ้นเอก โดยมีแบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลกเข้าร่วมงานตั้งแต่ HUBLOT, ULYSSE NARDIN, GIRARD-PERREGAUX, GRAND SEIKO, SARCAR, BIANCHET, BLANCPAIN, L’EPEE, ERWIN SATTLER และ WOLF

พร้อมส่งมอบประสบการณ์พิเศษ ด้วยเวิร์กช็อปจากช่างนาฬิกาและช่างฝีมือระดับมาสเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคน ได้สัมผัสทุกมุมมองอันลึกซึ้งของเรือนเวลา ทั้งในแง่ของความซับซ้อนทางด้านนวัตกรรม ดีไซน์ ทักษะความชำนาญ ไปจนถึงเทคนิคหัตถศิลป์ชั้นยอด ที่กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละแบรนด์ โดยมีผู้รับเชิญสุดพิเศษที่เข้าร่วมอย่าง โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ และ บอส ชัยกมล ที่มาร่วมถ่ายทอดสไตล์อันโดดเด่น ของเรือนเวลาหลากหลายแบรนด์ให้ได้ชมกันอย่างใกล้ชิด

โดยมีชิ้นงานระดับมาสเตอร์พีซจากงาน GAYSORN HOROLOGICAL SOCIETY 2025 ที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ตั้งแต่ HUBLOT Spirit of Big Bang Carbon Candy Pink กับความมุ่งมั่นในการผลักดัน เพื่อคงความเป็นผู้นำทางด้านวัสดุศาสตร์ ที่มากับวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์แบบด้านผสมสีชมพูฟรอสต์ พร้อมการทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์โครโนกราฟอัตโนมัติคาลิเบอร์ HUB4700 อันร่วมสมัยที่หยั่งรากลึกถึงประวัติศาสตร์ แห่งโลกของการผลิตเรือนเวลาชั้นสูงระดับโลก พร้อมจำนวนการผลิตเพียง 30 เรือนทั่วโลก

ต่อมากับ ULYSSE NARDIN Blast (Freewheel Marquetry) กับความพิเศษสุดของสองโลก ทั้งศาสตร์ทางศิลปะในการต่อชิ้นงานด้วยเทคนิคมาร์เควทรี่ ผนวกเข้ากับศาสตร์แห่งโลกของกลไก จนกลายเป็นความโดดเด่นที่สามารถเห็นได้ทันทีแม้ไม่ใช่หน้าปัด แต่เป็นแท่นกลไกด้านล่างที่มาในโทนสีน้ำเงิน ในเทคนิคโบราณที่นำมาปรับปรุงใช้กับวัสดุล้ำสมัยอย่างซิลิเซียม ที่ถูกตัดเป็นชิ้นแล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกัน ในรูปแบบที่ไม่เคยมีใครเคยสร้างขึ้นมาก่อน จนเป็นอีกหนึ่งในนาฬิกาเรือนเด่นของแบรนด์ที่นำเสนอ

นอกจากนี้ก็ยังมี GIRARD-PERREGAUX Neo Constant Escapement เรือนเวลาที่นำเสนอส่วนผสม ของสไตล์อวองการ์ดเข้ากับสุนทรียศาสตร์ แห่งความเที่ยงตรงของการแสดงค่าเวลา ที่มาจาก 'ฟิฟท์วีล' ที่เชื่อมต่อกับชุดเฟืองเกียร์ในการช่วยถ่ายพลังงาน ไปยังเอสเคปวีลแบบคู่ในตัวเรือนไทเทเนียมเกรด 5 ซึ่งมีน้ำหนักเบา ขณะที่ชุดกลไกถูกนำเสนอผ่านหน้าปัดแบบสเกเลตัน พร้อมชุดบริจด์ที่โค้งและอ่อนช้อยงดงาม ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของบริจด์บนหน้าปัด ในตำนานของแบรนด์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

พร้อมกันนี้ยังมีการนำเสนอเรือนเวลาใหม่ล่าสุดจาก GRAND SEIKO Evolution 9 Collection ใน Ref. SLGB003 ที่มาพร้อมกับสุดยอดนวัตกรรมของกลไกสปริงไดร์ฟ ที่ให้ค่าความผิดเพี้ยนเพียงปีละ 20 วินาทีหรือ 0.02 วินาทีต่อวันที่ถือเป็นเรือนเวลาที่มีความเที่ยงตรงมากที่สุดในปัจจุบัน ในขณะที่ SARCAR นำเสนอภาพลักษณ์ของนาฬิกาประดับเพชร อันเป็นอีกหนึ่งในความพิเศษของแบรนด์เสมอมา จากเพชรเม็ดใหญ่ขนาด 1 กะรัตที่หมุนลอย และโดดเด่นเป็นที่สุดบนหน้าปัด ร่วมกับอัญมณีอื่นๆ เต็มเรือน

นอกจากนี้ยังมีเรือนเวลา BIANCHET Flying Tourbillon MASERATI MSG Racing Limited Edition ที่เกิดจากความร่วมมือกับทีม MASERATI MSG Racing และมาพร้อมโดดเด่นของกลไกตูร์บิยอง เช่นเดียวกันกับนาฬิกาจาก BIANCHET ทุกเรือน กับความสามารถพิเศษในความทนทาน ต่อแรงกระแทกที่สูงถึงระดับ 5,000G และสุดท้ายกับ BLANCPAIN Fifty Fathoms Automatique ที่นำเสนอครั้งแรกในตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตรพร้อมโทนสีชมพูสดใส ที่มีการจัดแสดงเป็นพิเศษ ณ ห้องไดมอนด์เลาจ์นชั้น 1

รวมไปถึงนาฬิกาตั้งโต๊ะจาก ERWIN SATTLER และ L’EPEE รวมทั้งกล่องหมุนนาฬิกาจาก WOLF ที่มาจัดแสดง และการบรรยายถึงนาฬิกาทั้งหมดในงานโดย ดร.ปราโมทย์ เหรียญเจริญสุข, GAYSORN Timepiece Advisor ที่ช่วยเติมเต็มให้งานในครั้งนี้ เป็นงานจัดแสดงนาฬิกาที่สมบูรณ์แบบขึ้นในอีกระดับ





