AMIDA, A Legacy Reawakened

เพราะ AMIDA เป็นมากกว่าแค่เพียงนาฬิกา แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งในการเร่ง ความเปลี่ยนแปลงของวงการนาฬิกาในอดีต รวมไปถึงช่วยให้หลุดพ้นจากข้อจำกัด พร้อมปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ และกำหนดเส้นทางของตัวเอง เช่นเดียวกันกับผู้ที่เลือกเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นนักฝัน นักบริหาร หรือนักบุกเบิก แบรนด์ AMIDA ก็พร้อมจะเป็นพันธมิตรของทุกคน ในการแสวงหาความหลงใหล กับรูปแบบที่แตกต่างอย่างงดงามและมีชั้นเชิง

 

Screenshot 2568 07 05 at 23.56.31

 

จากช่วงเวลาเกือบห้าทศวรรษ หลังจากการจัดแสดงนาฬิกาที่บาเซิล พร้อมความน่าตกตะลึงในนาฬิกา สำหรับผู้รักการขับรถแบบ “คาสเค็ท” พร้อมความเป็นนาฬิกาแบบกลไกเรือนแรกในนาม AMIDA ที่วันนี้กลับมาอีกครั้งอย่างสมบูรณ์แบบ โดยยังคงสายการผลิตในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์และพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อย พร้อมความเชื่อมั่นในทุกก้าวกระโดด อันยิ่งใหญ่ต้องเริ่มต้นด้วยความคิดเสมอ

 

Screenshot 2568 07 05 at 23.57.04

 

แต่จุดเปลี่ยนแปลงไม่ใช่จุดสิ้นสุด และเป็นแค่เพียงจุดพักที่เกิดจากวิกฤตควอท์ซ ที่ทำให้โมเมนตัมความคิดสร้างสรรค์ของ AMIDA ต้องหยุดชะงักลงกลางคัน ดังนั้นในปี 2024 หลังจากการวางแผนงานทั้งหมดเป็นเวลากว่า 6 ปี ทีมงานผู้บุกเบิกกลุ่มเล็กๆ ก็ได้มีโอกาสนำชื่อและสิทธิบัตรดั้งเดิมของ AMIDA กลับคืนมาสู่ตลาดได้อีกครั้ง โดยมุ่งมั่นในแนวคิดที่จะ "ฟื้นคืนอนาคต" จากประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่ผู้คนมากมายรับรู้กันอย่างดี

 

Screenshot 2568 07 05 at 23.34.35

 

AMIDA ถือกำเนิดขึ้นในปี 1975 โดยก่อตั้งขึ้นที่แหล่งผลิตในเกรนเช่นโดย Joseph Zwahlen และได้นำวิธีการผลิตใหม่ๆ พร้อมชุดกลไกการทำงานแบบพิน-ลีเวอร์ (Pin-lever) ที่มีราคาไม่แพงมาใช้ในการผลิต จนได้รับชื่อเสียงในด้านรูปแบบที่แตกต่าง พร้อมการจดสิทธิบัตรของชุดกลไกแบบจั๊ม-อาวร์ (Jump-Hour) ในปี 1970 โดยถือเป็นสิทธิบัตรฉบับแรกของ AMIDA ภายใต้หมายเลขสิทธิบัตรที่ 3 685 283 ที่นำเสนอแนวคิดใหม่สู่ตลาดในยุคนั้น

 

Screenshot 2568 07 05 at 23.57.51

 

ว่าการแสดงค่าเวลาจะสามารถ “กระโดด” จากชั่วโมงหนึ่งไปอีกชั่วโมงหนึ่งได้อย่างไร พร้อมชุดจอแบบแอลอาร์ดี (LRD) อันเป็นจอแสดงผลที่สะท้อนภาพที่นำเสนอในปี 1973 พร้อมความเป็นสิทธิบัตรฉบับที่สอง ภายใต้หมายเลขสิทธิบัตรที่ 3 786 626 อันเป็นการแนะนำรูปแบบปริซึมแซฟไฟร์ ที่ฉายแผ่นดิสก์แนวนอนเพื่อให้สามารถ อ่านค่าเวลาในแนวตั้งได้อย่างชัดเจน สู่การแนะนำนาฬิการุ่น Digitrend ในงานบาเซิลแฟร์ปี 1976

 

Screenshot 2568 07 05 at 23.33.18

 

โดย Digitrend เปิดตัวในฐานะนาฬิกาสำหรับคนขับรถแบบ “คาสเค็ท” พร้อมการทำงานแบบกลไกเรือนแรก ที่ผสมผสานความกล้าหาญระหว่างการออกแบบ ในยุคอวกาศและความเฉลียวฉลาด ทางด้านการทำงานของชุดกลไก ซึ่งได้กลับมาแสดงศักยภาพอีกครั้งในปี 2024ที่ Matthieu Allègre, Bruno Herbet และ Clément Meynier ได้ปลุกพลังให้แบรนด์หวนกลับสู่ตลาด โดยมีการปรับปรุงส่วนประกอบทุกชิ้น ในขณะที่ยังคงรักษารูปลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้