RESSENCE, The New Type 8
RESSENCE มีความยินดีในการนำเสนอนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุด Type 8 DE1 ที่โดดเด่นด้วยโทนสีชมพูสดใส ในขณะที่นาฬิการุ่น DE2 จะมาในโทนสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ที่ดูมีชีวิตชีวา โดยนาฬิกาทั้งสองรุ่นจะได้รับการถ่ายทอด แรงบันดาลใจมาจากผลงานศิลปะชุด “Inside Out” ของ Daniel Engelberg ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วยลวดลายวงกลมซ้อนเป็นชั้นๆ เพื่อการสร้างมิติความลึกที่ชวนให้ร่วมค้นหา “ซึ่งนี่คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบ ของสองโลกที่หลอมรวมกันได้อย่างกลมกลืน” Mr. Benoît Mintiens กล่าว

โดยนาฬิการุ่นนี้จะพาผู้สวมใส่เดินทางสู่โลกแห่งสีสัน ที่มาพร้อมความหวังและทัศนคติเชิงบวกในสไตล์ของ Daniel Engelberg ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานด้วยการผสมผสาน ความแม่นยำของกระบวนการทางอุตสาหกรรม ความชัดเจนในเชิงประติมากรรม และจินตนาการอันเปี่ยมชีวิตชีวา ในรูปแบบจิตรกรรมเข้าไว้ด้วยกัน โดยผลลัพธ์ของความร่วมมือในครั้งนี้คือ “ศิลปะที่สวมใส่ได้บนข้อมือ” จากการถ่ายทอดผ่านเทคโนโลยีดิสก์หน้าปัดหมุน ROCS (Orbital Convex System) อันเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ RESSENCE

พร้อมหน้าปัดที่ได้รับการตกแต่ง ด้วยลวดลายสมมาตรตามแบบฉบับของ Engelberg จะหมุนโคจรรอบตัวเพื่อนำเสนอการแสดงเวลา ในรูปแบบที่เคลื่อนไหวได้ราวกับผลงานศิลปะที่มีชีวิต “โปรเจ็คท์นี้เป็นตัวอย่างในนิยามของการนำงานศิลปะ มาผสมผสานเข้าด้วยกันกับนาฬิกา” Mr. Mintiens กล่าว “และนี่คือการหลอมรวมระหว่างงานศิลป์กับหน้าปัดนาฬิกา โดยที่ทั้งสองต่างสื่อสารด้วยภาษากราฟิคแบบเดียวกัน นั่นก็คือภาษาของรูปทรงเรขาคณิต ราวกับถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออยู่ร่วมกันตั้งแต่เริ่มแรก”

กับนาฬิกาแนวทางศิลปะในรุ่นก่อนหน้านี้ ได้แก่ Type1 Squared White ที่โดดเด่นด้วยภาพวาดลายเส้นลื่นไหลของ Shantell Martin พร้อมสโลแกน “Enjoy Life” ในงาน TimeForArt 2024 จนถึงนาฬิการุ่น Type 3X "Look Up" ในปี 2020 ซึ่งเป็นผลงานร่วมกันกับนักออกแบบชื่อดัง Stefan Sagmeister ที่ได้ถ่ายทอดปรัชญา “Now is Better” ลงไว้บนหน้าปัด รวมไปถึงนาฬิการุ่น Type1 S REV Grail Watch ในปี 2022 โดย Alain Silberstein ที่ได้รับการตีความในเชิงสัญลักษณ์ของแนวคิด “Carpe Diem”

จากปรัชญาที่ว่า “ศิลปะที่เคลื่อนไหวได้” ที่สะท้อนถึงแนวคิดหลักของ RESSENCE ในความเชื่อที่ว่า การสวมนาฬิกาไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของกลไกหรือเทคนิค หากแต่เป็นประสบการณ์ที่สร้างความผูกพัน ทั้งทางอารมณ์และยังเป็นการจุดประกายความรู้สึกให้กับผู้สวมใส่” จากการที่ RESSENCE มองว่านาฬิกาสวิสของตนเปรียบเสมือนผืนผ้าใบสำหรับการสร้างสรรค์ ทั้งเพื่อความสุขส่วนตัวและเพื่อผลักดัน ขอบเขตของนวัตกรรมร่วมสมัย และด้วยความร่วมมือกับ Engelberg ในครั้งนี้

ดังนั้นนาฬิกาเรือนนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่เครื่องบอกเวลาที่แม่นยำ หากแต่เป็นงานศิลปะที่เคลื่อนไหวได้ และเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาบนข้อมือ “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีงานศิลปะที่เคลื่อนไหวได้จริง” Engelberg กล่าว “การได้เห็นงานออกแบบของผม เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องบนหน้าปัดนาฬิกา RESSENCE ที่สามารถดึงดูดสายตาเข้าสู่ความลึก พร้อมๆ กับมิติที่ชวนให้ค้นหา ถือเป็นประสบการณ์พิเศษราวกับว่า งานศิลปะนี้มีชีวิตขึ้นในทุกๆ นาที” Engelberg กล่าวต่อเนื่องถึงนาฬิการุ่นล่าสุดจาก RESSENCE นี้

ซึ่งสร้างบนพื้นฐานการออกแบบที่สะท้อนปรัชญา “Less is More” ของ RESSENCE ที่เน้นย้ำถึงความเรียบง่าย ทั้งทางด้านดีไซน์และการใช้งาน โดยการตัดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อให้ Type 8 ได้สกัดแก่นแท้ของการสร้างนาฬิกา ให้อยู่ในรูปแบบที่บริสุทธิ์ที่สุด นั่นก็คือการนำเสนอประสบการณ์ ในการอ่านค่าเวลาแบบตรงไปตรงมา ด้วยการแสดงค่าเวลาชั่วโมงและนาที ผ่านหน้าปัดหมุนทรงกลมที่จดสิทธิบัตรไว้เรียบร้อยแล้วของ RESSENCE หรือที่เรียกว่า Orbital Convex System (ROCS)

และนาฬิกาทั้งสองรุ่นจะเปิดตัวพร้อมสายยางสีสันสดใส ที่สอดรับกับสีหน้าปัดโดยมีสีชมพูสำหรับรุ่น DE1 และสีฟ้าเทอร์ควอยซ์สำหรับรุ่น DE2 พร้อมทางเลือกสายหนังสำหรับผู้ที่ต้องการ สวมใส่นาฬิกาในโอกาสที่เป็นทางการ โดยนาฬิการุ่น Type 8 Daniel Engelberg จะวางจำหน่ายตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2025 ผ่านทางระบบออนไลน์ของ RESSENCE พร้อมกันกับตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการคัดเลือกทั่วโลก ที่ร่วมกันตอกย้ำความสัมพันธ์อันยาวนานของRESSENCE กับงานศิลปะร่วมสมัย

นาฬิกา RESSENCE รุ่น Type 8 .1 DE1 และ Type 8.1 DE2 แสดงฟังก์ชั่นค่าเวลาชั่วโมงและนาที พร้อมชุดกลไกแบบ ROCS 8 หรือ Ressence Orbital Convex System ที่ผ่านการจดสิทธิบัตร พร้อมการขับเคลื่อนแกนของเข็มแสดงค่านาที ด้วยกลไกอัตโนมัติที่ได้รับการปรับแต่งเฉพาะ ผนวกกับความสามารถในการสำรองพลังลานได้นาน 36 ชั่วโมงที่ความถี่ 28,800 รอบต่อชั่วโมง กับราคาจำหน่ายในประเทศไทยที่ 838,000 บาท



