VAN CLEEF & ARPELS, Precious Jewels Telling Time

นับจากปี 1906 ที่ VAN CLEEF & ARPELS ได้เริ่มสรรค์สร้างเครื่องประดับ และเครื่องบอกเวลา รวมทั้งนาฬิกาข้อมือและนาฬิกาตั้งโต๊ะ ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อทำหน้าที่ในการแสดงเวลาได้อย่างเที่ยงตรงให้กับทุกคนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในบ้าน หรือยามอยู่นอกบ้านในระหว่างวัน ที่ผลงานแต่ละชิ้นและแต่ละรุ่น คือบทสรุปแห่งความวิจิตรประณีต และควรค่าต่อการเป็น “เครื่องประดับบอกเวลา” (Jewels Telling Time) ได้อย่างแท้จริง และเพื่อการย้อนรอยมรดกทางด้านงานสร้างสรรค์นี้

 

Screenshot 2568 06 15 at 14.31.53

 

ในระหว่างวันที่ 28 เมษายนถึง 9 พฤศจิกายน 2025 ทางแบรนด์จึงได้จัดนิทรรศการ Precious Jewels Telling Time ขึ้นที่ Les Jardins Secrets by VAN CLEEF & ARPELS หรือ สวนลับแห่ง VAN CLEEF & ARPELS ขึ้นภายในอาเขตของโรงแรมราฟเฟิลประเทศสิงคโปร์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้มีโอกาสในการดื่มด่ำ ไปกับประวัติศาสตร์แห่งความเป็นเลิศ ผ่านผลงานชิ้นสำคัญ ซึ่งถูกคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน จากคอลเลคชั่นผลงานมรดก (Patrimonial Collection) ของ VAN CLEEF & ARPELS

 

Screenshot 2568 06 15 at 14.24.55

 

จากช่วงระหว่างทศวรรษที่ 1920 ผลงานสร้างสรรค์หลายชิ้นของ VAN CLEEF & ARPELS ล้วนอาศัยรูปทรงเรขาคณิตร่วมกับลวดลายอันงามสง่า พร้อมความละเมียดละไมในด้านการออกแบบ ตามวิถีอลังการศิลป์ (Art Deco) ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นแนวทางศิลปะยุคใหม่ อันมีวิวัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องในตลอดช่วงทศวรรษที่ 1930 ดังที่ปรากฏให้ได้เห็นจากลูกเล่นการจัดสัดส่วน ในเชิงองค์ประกอบแบบศิลปะนามธรรม (Abstract) บนวัสดุเยลโลว์โกลด์ เพื่อรองรับงานการฝังรัตนชาติอันงดงาม

 

Screenshot 2568 06 15 at 14.22.40

 

ลงในร่องรูปดาวอันโดดเด่น พร้อมกับการผลิตนาฬิกาข้อมือในแบบที่แบรนด์ มุ่งมั่นและสรรค์สร้างมาโดยตลอดในช่วงทศวรรษที่ 1950 อันเป็นหลักฐานยืนยันการกลับมาของกระแสความนิยม ในเครื่องประดับเพชรน้ำงามบนตัวเรือนโลหะสีเงินอย่างไวท์โกลด์ และแพลทินั่ม (White Jewelry) ซึ่งล้วนจรัสประกายเลอค่ายามค่ำคืน ในขณะที่วัสดุอย่างเยลโลว์โกลด์ จะถูกนำมาใช้รองรับงานออกแบบ อันได้รับอิทธิพลมาจากโลกของแฟชั่นการแต่งกาย ผ่านรายละเอียดแม่ลายหรือ “โมทิฟ” เพื่อจำลองแบบศิลปะการมัดปม

 

Screenshot 2568 06 15 at 14.24.20 

รวมถึงการผูกเงื่อนและโบว์ผ้าอัดพลีท รวมถึงการฟั่นด้ายให้เป็นสายเกลียว รวมไปถึงการพัฒนาเทคนิคแบบต่างๆ สำหรับใช้กับวัสดุเยลโลว์โกลด์ดังกล่าวนี้อย่างต่อเนื่อง นับแต่นั้นมากว่าหลายทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือในการขัดผิวขึ้นเงาราวกระจก, งานถักด้ายทอง หรืองานลูกปัดทองร้อยสายเป็นขดเกลียว และเกลียวเปีย ที่ล้วนจัดเก็บอย่างดี ในแผนกจัดเก็บตัวอย่างผลงานชิ้นสำคัญ ทางประวัติศาสตร์ของแบรนด์

Screenshot 2568 06 15 at 14.23.46

โดยเครื่องประดับบอกเวลาหลายต่อหลายชิ้น หาได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่สามารถเล่าเรื่องราว อันเกี่ยวกับกระแสความนิยม หรือแนวทางศิลปะในแต่ละยุค หรือแต่ละสมัยได้เท่านั้น แต่หากยังเป็นตัวแทนอัจฉริยภาพอัศจรรย์ ในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ สู่ผลงานเลอค่าที่เหนือความคาดหมาย ตั้งแต่เข็มกลัดปกเสื้อซ่อนเวลา (Lapel watch) อันเป็นผลงานจากปี 1923 ในตัวเรือนแพลทินัม พร้อมการตกแต่งรายละเอียดด้วยนิลกาฬ, แก้วประพาฬ และเพชร

Screenshot 2568 06 15 at 14.23.13

หรือนาฬิกาพกนักเวทย์จีน (Chinese Magician Pocket Watch) ผลงานจากปี 1927 ในตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ประกอบโลหะทองคำผสมออสเมียร์ พร้อมการตกแต่งรายละเอียดด้วยมรกต, ทับทิม, ไพลิน, หินไข่นกการเวก และงานลงยา (Enamel) นอกจากนี้ยังมีกำไลข้อมือซ่อนเวลา (Secret Wristwatch) จากปี 1946 ในตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ประกอบกับไวท์โกลด์ พร้อมประดับด้วยไพลินและเพชร รวมทั้งกำไลข้อมือซ่อนเวลา (Secret Wristwatch) จากปี 1947 ในตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ประดับด้วยเพชร

Screenshot 2568 06 15 at 14.22.56