High Horology, High Technology, High Performance, Part I

ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 ที่นาฬิกาดำน้ำเรือนแรกถูกผลิตขึ้น จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่ดูเหมือนกับว่าขีดจำกัดของสิ่งที่เป็นไปได้ ในแง่ของนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ทางด้านเทคนิคจะถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว เว้นแต่การผลักดันขอบเขต จะเป็นส่วนหนึ่งของดีเอ็นเอของแบรนด์เท่านั้น ที่จะทะลวงขีดจำกัดดังกล่าวได้ซึ่งสำหรับ ULYSSE NARDIN แล้วขีดจำกัดไม่ใช่เป็นสิ่งที่ถูกยอมรับ แต่เป็นสิ่งที่ต้องถูกทลาย อย่างเช่นผลงานนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดในคอลเลคชั่น Diver นี้ที่ทางแบรนด์ได้ก้าวข้ามขอบเขตความคาดหมายต่างๆ ที่เคยมีมาในโลก

Screenshot 2568 04 18 at 21.54.12

 

รวมถึงสิ่งที่เคยเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ ด้วยการสร้างนาฬิกาดำน้ำ Diver [AIR] ซึ่งเป็นนาฬิกากลไกดำน้ำที่เบาที่สุดที่เคยผลิตมาในโลก พร้อมความเป็นนาฬิกาชั้นสูง, เทคโนโลยีล้ำสมัยและประสิทธิภาพอันเหนือระดับ ซึ่งทั้งหมดนี้คือลักษณะพิเศษ ทั้งสามประการที่ควรรู้เกี่ยวกับ Diver [AIR] โดยทั้งสามจุดเด่นที่ล้วนเต็มไปด้วยความน่าทึ่ง และถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก ที่ทั้งสามเรื่องราวนี้มาบรรจบกัน เพื่อการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นจริง “หากเป็นไปได้ ก็จะสำเร็จในทันที แต่หากเป็นไปไม่ได้ ก็จะทำให้เป็นไปได้” Paul-David Nardin, 1876

 

Screenshot 2568 04 18 at 21.53.17

 

จากการที่ ULYSSE NARDIN ได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งการดำน้ำก่อนหน้าแบรนด์อื่นๆ หลายปี โดยเริ่มต้นด้วยการพัฒนาอุปกรณ์กันน้ำชิ้นแรกในปี 1893 และในปี 1964 ที่มีการเปิดตัวนาฬิกาดำน้ำเรือนแรก จนต่อมาในปี 2001 ก็ได้เผยโฉมนาฬิกาดำน้ำในรุ่น Aqua Perpetual ซึ่งสามารถกันน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร พร้อมชุดกลไกแบบเพอเพทชาลคาเลนดาร์ ซึ่งถือเป็นนาฬิการุ่นแรกและรุ่นเดียวที่มาพร้อมคุณสมบัตินี้ จนกระทั่งในปี 2021 ที่แบรนด์มีการเปิดตัว Diver X Skeleton ซึ่งเป็นนาฬิกาที่มาปฏิวัติวงการ ด้วยการผสานการออกแบบนาฬิกาดำน้ำในแบบสเกเลตัน

 

Screenshot 2568 04 18 at 21.53.47

 

ที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งในปัจจุบันนาฬิกาดำน้ำกลายเป็นเครื่องบ่งชี้ ถึงความแข็งแกร่งที่เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยสามารถทนทานต่อการกระแทกได้อย่างยอดเยี่ยม และเป็นหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของนาฬิกาที่มีคุณภาพสูง เพื่อเติมเต็มคอลเลคชั่นของนักสะสม ดุจดั่งเพชรเม็ดงามที่ต้องการการดูแล และรักษาไว้อย่างพิถีพิถัน ซึ่งนั่นคือความก้าวหน้าครั้งสำคัญสำหรับ ULYSSE NARDIN ที่ไม่เคยหยุดยั้งและพอใจกับความสำเร็จ แต่ต้องพัฒนาเหนือขึ้นไปอีกขั้น แข็งแกร่งขึ้นอีกระดับ พร้อมรูปทรงที่เพรียวบางขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือเบามากขึ้น

 

Screenshot 2568 04 18 at 21.58.55

 

ขอแนะนำ Diver [AIR] รุ่นใหม่ นาฬิกาสปอร์ตคุณภาพสูงแบบสเกเลตัน ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการผจญภัยในสภาพสุดขีด โดยมีการลดน้ำหนักลงถึงครึ่งหนึ่ง และเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น นาฬิกาดำน้ำ ULYSSE NARDIN Diver ในขนาด 44 มิลลิเมตรที่เปิดตัวในปี 2019 มีน้ำหนักอยู่ที่ 120.5 กรัมซึ่งถือเป็นน้ำหนักที่สมเหตุสมผล สำหรับนาฬิกาดำน้ำที่ทั้งแข็งแกร่งและทนทาน ในขณะที่ Diver X Skeleton รุ่นปี 2021 ได้ลดน้ำหนักลงถึง 15 กรัม ให้เหลือแค่เพียง 105.8 กรัม ซึ่งหากพิจารณาจากพื้นที่ว่าง ภายในชุดกลไกแบบสเกเลตันนี้แล้ว

 

Screenshot 2568 04 18 at 21.59.51

 

จะเห็นได้ว่าการลดน้ำหนักจริงๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่สำหรับ Diver [AIR] กลับสามารถลดน้ำหนักได้อย่างน่าทึ่งถึง 68.6 กรัม เมื่อเทียบกับนาฬิกา Diver 44 มิลลิเมตร และยังมีน้ำหนักน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของนาฬิกา Diver X Skeleton ซึ่งถือเป็นการบรรลุสิ่งที่เหนือความคาดหมายเป็นอย่างมาก จากลำดับขั้นตอนในการพัฒนา และต่อยอดจากชุดกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ UN-372 ในนาฬิการุ่น Diver X Skeleton สู่การออกแบบและพัฒนากลไกชุดใหม่ อันล้ำสมัยและเต็มไปด้วยนวัตกรรมนั่นก็คือกลไกอินเฮ้าส์คาลิเบอร์ UN-374 ซึ่งผ่านการคิดค้นและออกแบบ

 

Screenshot 2568 04 18 at 21.59.24

 

ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ได้นาฬิกา Diver [AIR] ที่มีน้ำหนักเบาอย่างเหลือเชื่อเพียง 52 กรัมรวมสาย และต่ำกว่า 46 กรัมหากไม่รวม โดยการตัดแต่งวัสดุออกจากชุดกลไกของ Diver X Skeleton จึงเป็นขั้นตอนสำคัญ เพื่อให้สามารถบรรลุสมดุลที่ลงตัว ระหว่างน้ำหนักและประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ต้องมั่นใจว่า ความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของนาฬิกา จะต้องไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด โดยการนี้นักออกแบบของ ULYSSE NARDIN ได้ตัดวัสดุบางอย่างออกจากชุดกลไกเพื่อการลดน้ำหนักลง พร้อมทั้งเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับชุดกลไกได้อย่างน่าทึ่ง

 

Screenshot 2568 04 18 at 22.07.58

 

โดยเมื่อชิ้นส่วนถูกลดลง สิ่งที่เหลืออยู่จึงได้รับการออกแบบใหม่ เพื่อเสริมความทนทานให้กับโครงสร้าง โดยใช้บริจด์ที่มีรูปทรง อันบางเฉียบและจัดเรียงในรูปสามเหลี่ยม ซึ่งเป็นรูปทรงที่มีความแข็งแกร่งและพบได้ ในวิศวกรรมโครงสร้างและสถาปัตยกรรม เพื่อป้องกันการบิดงอและการเสียรูป ซึ่งนี่คือความเชี่ยวชาญที่ ULYSSE NARDIN ได้พัฒนาและสั่งสมมาตลอดในระยะเวลากว่า 30 ปี นับตั้งแต่การผลิตนาฬิกาสเกเลตันเรือนแรกออกสู่ตลาด ซึ่งแม้ว่าพื้นที่ภายในชุดกลไก จะต้องประกอบไปด้วยอากาศถึง 80% และวัสดุต่างๆ ทั้งหมดรวมกันได้เพียงแค่ 20%

 

Screenshot 2568 04 18 at 22.10.04

 

แต่กลไกอินเฮ้าส์สเกเลตันคาลิเบอร์ UN-374 ก็ยังคงได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้สามารถทนทานต่อการกระแทกได้ถึง 5,000G นอกจากนี้ยังได้ผ่านการทดสอบทั้งการกระแทก และการสั่นสะเทือนในหลายรูปแบ[ โดยได้รับการทดสอบผ่านการกระแทก มานับเป็นพันครั้งในระยะเวลาหลายวัน ทั้งในห้องปฏิบัติการและในการใช้งานจริง เพื่อพิสูจน์ว่านาฬิกาสามารถรักษามาตรฐาน และความทนทานตามมาตรฐานของ ULYSSE NARDIN ได้อย่างเต็มที่ โดยการศึกษาเกี่ยวกับกลไกใหม่อย่างละเอียด เพื่อจะเผยให้เห็นถึงความพยายามครั้งสำคัญนี้ของแบรนด์

 

Screenshot 2568 04 18 at 22.00.13

 

กับบริจด์ที่มีความกว้างเพียงไม่กี่มิลลิเมตร และถูกเจาะออกเพื่อช่วยลดน้ำหนักลง ในขณะเดียวกันโรเตอร์ก็ได้รับการออกแบบ ให้มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่จำเป็น ส่วนบาร์เรลสปริงหลักที่ใช้ในการเก็บพลังงาน ก็ถูกปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบลอยตัว เพื่อลดมวลของบริจด์ด้านบน โดยวัสดุบางส่วนในชุดบาร์เรลเอง ก็ได้รับการตัดออกเพื่อลดน้ำหนักลงเช่นกัน จนทำให้กลไกชุดนี้มีน้ำหนักที่เบาเพียง 7 กรัมซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของน้ำหนักชุดกลไกในนาฬิการุ่น Diver Skeleton X ที่ถือว่าเบาอยู่แล้ว

 

 

กรุณาติดตามบทความ High Horology, High Technology, High Performance ได้ในครั้งต่อไป