WATCHES & WONDERS 2025, Part I

มาถึงในปีนี้ งานแสดงนาฬิการะดับโลก WATCHES & WONDERS พิสูจน์ให้เห็นแล้วถึงความเป็นหนึ่ง หลังจากการเปลี่ยนชื่องานจาก SIHH และเริ่มเปิดรับแบรนด์นาฬิกาจากกรุ๊ปอื่นๆ นอกจาก RICHEMONT เข้าร่วมงานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการรับและปรับเปลี่ยนพื้นที่ ของแบรนด์ที่จากงาน BASELWORLD ซึ่งเป็นแบรนด์ยักษ์ใหญ่ของวงการทั้ง PATEK PHILIPPE, ROLEX, CHANEL และ CHOPARD ที่ร่วมกันตอกย้ำให้งาน WATCHES & WONDERS เป็นงานนาฬิกาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน
 

W001

 

โดยในปีนี้มีแบรนด์นาฬิกาที่เข้าร่วมจัดแสดงในงานถึง 60 แบรนด์ พร้อมนำเสนอนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดรวมทั้งรูปแบบ, ภาพลักษณ์ และกิจกรรมต่างๆ ของแบรนด์ ในบูธและพาวิลเลี่ยนขนาดใหญ่ ที่ทั้งตระการตาและทำให้ผู้คนที่เข้าร่วมงาน ได้เห็นภาพและเข้าใจถึงจิตวิญญาณของแบรนด์ได้อย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ ในสไตล์ของแบรนด์ให้ผู้เข้าชมงาน ได้ร่วมสัมผัสและเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ รวมถึงอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิด ที่พร้อมให้ทุกคนได้ร่วมดื่มด่ำ กับช่วงเวลาพิเศษของงานนาฬิกาอันยิ่งใหญ่นี้

 

01

 

02

 

HERMES พร้อมการนำเสนอนาฬิการุ่น Time Suspended หรือ Le Temps Suspendu กับช่วงเวลาที่สามารถหยุดนิ่งได้ ด้วยชุดกลไกแบบอินเฮ้าส์ของแบรนด์ ที่เชิญชวนให้ผู้คนหลุดพ้นจากข้อจำกัดของเวลา ภายใต้ตัวเรือนของนาฬิกาในคอลเลคชั่น Arceau ที่ให้ลุคคลาสสิคผนวกสไตล์ของแบรนด์อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาในคอลเลคชั่น Cut ที่เพิ่มทางเลือกในตัวเรือนทองคำ พร้อมสายนาฬิกาในแบบอินทริเกรดเข้ากับตัวเรือน ที่เข้ากันได้ดีทั้งกับแบบหน้าปัดสีขาวหรือสีแดงเบอร์กันดี ผนวกทางเลือกแบบประดับเพชรรอบขอบ

 

03

 

04

 

05

 

FREDERIQUE CONSTANT จัดแสดงนาฬิการุ่นใหม่ Manufacture Classic Perpetual Calendar ที่มาในตัวเรือนแบบ Classic ยุคปัจจุบันของแบรนด์ที่มีความงดงาม และสัดส่วนที่ลงตัวในวัสดุสตีลขนาด 40 มิลลิเมตร ผนวกเข้ากับกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติ ในแบบเพอเพทชวลคาเลนดาร์ชุดใหม่คาลิเบอร์ FC-776 ที่มอบพลังสำรองลานได้อย่างยาวนานถึง 76 ชั่วโมง ในหน้าปัดโทนสีแซลมอนพร้อมลวดลายซันเรย์ กับการแสดงค่าเวลาในแบบเพอเพทชวลคาเลนดาร์ อย่างครบถ้วนบนหน้าปัดที่สามารถอ่านค่าได้อย่างชัดเจน

 

06

 

07

 

09

 

10

 

CZAPEK & CIE. กับนาฬิการุ่น Antarctique Tourbillon หน้าปัดสีใหม่ทั้งกลาเซียร์บลูและโฟตองสเฟียร์ ในโทนสีฟ้าและสีแซลมอน พร้อมลวดลายกิโยเช่ที่คมชัดและโดดเด่น มาพร้อมสไตล์ของชุดกลไกที่งดงาม กับชุดบาเรล ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกาและชุดกรงตูร์บิยอง ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ผนวกเข้ากับแท่นบริจด์ขนาดใหญ่ที่พาดอยู่กลางหน้าปัด จากตำแหน่ง 3ถึง 6 นาฬิกา นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอนาฬิการุ่น Promenade ในหน้าปัดโทนสีชมพู พร้อมการขัดแต่งลวดลายบนหน้าปัด อันพลิ้วไหวในตัวเรือนขนาด 38 มิลลิเมตร

 

11

 

12

 

13

 

14

 

15

 

16

 

PARMIGIANI Fleurier นำเสนอนาฬิการุ่นใหม่หลายรุ่นทั้ง Tonda ที่มาพร้อมกลไกอินเฮ้าส์เพอเพทชวลคาเลนดาร์คาลิเบอร์ใหม่ ที่ผนวกชุดแสดงค่าต่างๆ ให้เหลือเพียงในหน้าปัดย่อยทั้งสอง แต่ยังคงอ่านค่าได้อย่างครบถ้วนและงดงาม เพื่อให้นาฬิการุ่นนี้ยิ่งโดดเด่นขึ้นในสไตล์มินิมัล นอกจากนี้ยังมี Tonda PF Sport Chronograph Ultra-Cermet กับวัสดุตัวเรือนแบบใหม่และแตกต่างของแบรนด์ ร่วมกันกับ Tonda Chronograph ที่ลดขนาดตัวเรือนให้เล็กลง พร้อมรูปแบบโนเดทที่ทำให้หน้าปัดมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น 

 

17

 

19

 

ULYSSE NARDIN Diver [Air] พร้อมความเป็นนาฬิกาไดเวอร์ ในแบบกลไกที่มีความเบามากที่สุดในโลก กับโครงสร้างสุดพิเศษและเหล่าผู้ผลิต ระดับสุดยอดที่รวบรวมมาจากหลากหลายแห่ง ภายใต้หน้าปัดในรูปแบบสเกเลตัน พร้อมผนวกแนวคิดเพื่ออนาคต ในการเลือกใช้วัสดุแบบอัพไซเคิล กับขนาดตัวเรือนที่ 44 มิลลิเมตร ที่ผลิตจากวัสดุไทเทเนียม + พีเอ 6 + คาร์บอนไฟเบอร์ และใช้งานเข้าคู่กันกับสายแบบผ้าชนิดพิเศษ ที่ให้ลุคในแบบสปอร์ตยุคใหม่ที่ทั้งเท่ห์ และเต็มไปด้วยนวัตกรรมด้านการผลิตระดับสูงของโลก

 

20

 

21

 

22

 

24

 

25

 

HUBLOT ฉลองครบรอบ 20 ปีของคอลเลคชั่น Big Bang พร้อมนำเสนอนาฬิการุ่น Big Bang 20th Anniversary ทั้ง Titanium Ceramic และ King Gold Ceramic ในขนาดตัวเรือน 43มิลลิเมตรกับรูปแบบและสไตล์ดั้งเดิมของนาฬิกาในคอลเลคชั่น Big Bang แต่ผ่านการปรับปรุงในหลายส่วนเพื่อให้เหมาะกับยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอนาฬิการุ่น Big Bang Unico Magic Ceramic ที่เป็นการผนวกสีของเซรามิคเข้ากับชุดเบเซิล เพื่อให้เกิดสีเป็นวงบนเบเซิลในโทนที่ต่างกัน ทั้งพื้นสีดำกับวงแบบจุดสีน้ำเงิน

 

26

 

27

 

28

 

VAN CLEEF & ARPELS กับ The Poetic Complications Collection ที่นำนาฬิการุ่น Lady Arpels Bel des Amoureux กลับมาอีกครั้งพร้อมความงดงาม บนหน้าปัดของทั้งกลไกแบบดัลเบิ้ลเรโทรเกรด และออโตเมตอนแบบออนดีมานด์ กับหุ่นกลทั้งชายและหญิงที่เดินมาพบกันตรงจุดกึ่งกลาง เพื่อจุมพิตและดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุข โดยมีรางวัล GPHG เป็นข้อพิสูจน์ถึงความพิเศษของนาฬิการุ่นนี้ จากทั้งรูปแบบของกลไกและออโตเมตอน รวมไปถึงงานศิลปะแบบอีนาเมลบนหน้าปัด ที่สรรค์สร้างให้เกิดความพิเศษเหล่านี้

โปรดติดตามบทความ WATCHES & WONDERS 2025 ในครั้งต่อไป