SEIKO Prospex Alpinist GMT Asia Limited Edition

กับสัตว์ชนิดที่ได้รับการขนานนามว่า ‘นักปลูกป่าที่ยิ่งใหญ่ หรือ The Farmer of the Forest’ ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังจะกล่าวถึงหนึ่งในตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของป่า นั่นก็คือ ‘นกเงือก’ อันเป็นนกป่าขนาดใหญ่แห่งป่าฝนเขตร้อน ที่พบได้ในทวีปเอเชียและแอฟริกา ซึ่งมีความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์จากจะงอยปากที่ใหญ่หนา อีกทั้งยังมีโหนกด้านบนหัวเป็นจุดเด่นสะดุดตา และส่งเสียงร้องได้ดังกังวาล พร้อมลำตัวสีดำและสีขาวเป็นส่วนใหญ่ แต่จะมีบางชนิดที่มีเฉดสีอื่นๆร่วมด้วย และจากปากที่กว้างของนกเงือก

 

Screenshot 2568 02 14 at 08.24.34

 

จึงทำให้สามารถกินผลไม้ได้ในหลายขนาด และจะเก็บกินเฉพาะผลไม้สุก ทั้งยังเก็บตุนไว้คราวละมากๆ โดยจะขย้อนเมล็ดออกโดยไม่ทำให้เสียหาย จนกลายเป็นวงจรการเกิดใหม่ของพืชพรรณในป่า รวมทั้งการกินแมลงและสัตว์ขนาดเล็ก ที่มีส่วนในการควบคุมจำนวนประชากร ในระบบนิเวศน์ให้สมดุลด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นที่มาของการให้สมญานามของนักปลูกป่าที่ยิ่งใหญ่ และเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้สัตว์ตระกูลนกเงือกนี้ กลายเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแห่งนั้นๆ ไป

 

Screenshot 2568 02 14 at 08.23.17

 

นอกจากนี้นกเงือกยังเป็นสัตว์ที่อยู่รวมกันเป็นฝูง โดยเมื่อถึงช่วงฤดูผสมพันธุ์ก็จะทยอยแยกคู่ ไปอยู่ตามโพรงของตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมที่โดดเด่นของนกเงือกคือการจับคู่ผสมพันธุ์แบบโมโนกามี่ (Monogamy) โดยตัวผู้หนึ่งตัวจะผสมพันธุ์กับตัวเมียหนึ่งตัวเท่านั้น และหากตัวใดตายไปนกเงือกอีกตัวหนึ่งก็มีโอกาส ที่จะตรอมใจตายตามไปด้วยเช่นกัน และจากเหตุผลนี้เอง ‘ความรัก’ ในแบบนกเงือก จึงถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์เชิงความรักอันเป็นนิรันดร์ สำหรับการครองชีวิตในอุดมคติของใครหลายคน

 

Screenshot 2568 02 14 at 08.24.23

 

แต่ถึงแม้นกเงือกจะถูกจัดอยู่ในหมวดสัตว์ป่าคุ้มครอง และบางชนิดถึงกับจัดให้อยู่ในสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ แต่เพราะความสวยงามที่โดดเด่นเฉพาะตัว จึงทำให้เป็นที่ต้องการของมนุษย์ในเชิงพาณิชย์ และทำให้เกิดเป็นการล่านกเงือกเพื่อสันทนาการ หรือล่าเพื่อนำมาเป็นเครื่องประดับ รวมถึงของตกแต่งเพื่อแสดงฐานะทางสังคม ที่ถึงแม้นกเงือกบางชนิดจะได้รับ การขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ป่าสงวนแล้วก็ตาม ดังนั้นในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ของทุกปีจึงถูกจัดให้เป็นวันรักนกเงือก (Love Hornbills Day)

 

Screenshot 2568 02 14 at 08.23.29

 

ซึ่งกำหนดขึ้นโดยมูลนิธิศึกษาวิจัยนกเงือก คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลตั้งแต่ปี 2004 เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของนกเงือก ต่อผืนป่าอันเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ และในฐานะนักปลูกป่าที่มีด้วยความรักอันน่ายกย่อง ซึ่งทั้งหมดนี้ร่วมกันเป็นแรงบันดาลใจ ในการสร้างเรือนเวลารุ่นใหม่ล่าสุดจาก  SEIKO กับ Prospex Alpinist GMT Asia Limited Edition inspired by Hornbills ใน Ref. SPB493J ที่นำเสนอความงดงามที่จับต้องโดยนำจุดเด่นของ ‘นกเงือก’

 

Screenshot 2568 02 14 at 08.23.07

 

มาดีไซน์นาฬิกาในคอลเลคชั่น Alpinist เพื่อตอบโจทย์เหล่านักผจญภัยแห่งผืนป่า ซึ่งเป็นหนึ่งในการสานต่อโครงการ SEIKO Save the Forest ในการสร้างความตระหนักรู้ถึงการอนุรักษ์ผืนป่าและสัตว์ป่า มาพร้อมการทำงานของกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ 6R54 ที่สามารถให้พลังสำรองลานได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมงหรือ 3 วัน พร้อมฟังก์ชั่นแสดงค่าเวลาจีเอ็มทีเพื่อการแสดงเวลาไทม์โซนที่สอง โดยมีจุดเด่นที่สวยงามบนพื้นผิวหน้าปัด ที่สะท้อนภาพขนอันดำขลับของนกเงือกด้วยเทคนิคเพรสไดอัล (Press Dial)

 

Screenshot 2568 02 14 at 08.24.07

 

ทำให้มีลวดลายสวยงามพริ้วไหว กับนาฬิกาในขนาด 39.5 มิลลิเมตรพร้อมชุดเข็มและมาร์กเกอร์สีทอง ผนวกเข้ากับปลายเข็มแสดงค่าเวลาจีเอ็มที ที่เลือกใช้เฉดสีเหลืองอมส้มจากลักษณะเด่น ของสีโหนกบนหัวนกเงือกมาเป็นแรงบันดาลใจ กรุด้วยกระจกแซฟไฟร์ทรงโค้งพร้อมเคลือบสารกันสะท้อนด้านใน และขอบแช็ปเตอร์ริงโทนสีเขียวเข้มในขอบหน้าปัด ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นแสดงเข็มทิศ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ในการท่องเที่ยวหรือเดินป่า โดยสามารถหมุนเพื่อปรับได้ด้วยเม็ดมะยม ณ ตำแหน่ง 4 นาฬิกา

Screenshot 2568 02 14 at 08.29.21

ตัวเรือนและสายผลิตจากสตีล พร้อมขอบเบเซิลไอพี-โค๊ตติ้งสีดำ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกันกับสายหนังลูกวัวสีดำ บุด้วยหนังสีส้มเบจที่ด้านในที่รับรองโดย LWG (Leather Working Group) บรรจุในกล่องที่เลือกดึงจุดเด่นต่างๆ ของนกเงือกมาเป็นแรงบันดาลใจ ผลิตจากหนังรีไซเคิลสีน้ำตาลเข้มลายธรรมชาติที่สื่อถึงต้นไม้ใหญ่ โดยผลิตขึ้นในแบบจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือนทั่วโลก และพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยวันพฤหัสที่ 13 กุมภาพันธ์ 2025 ในราคาเรือนละ 55,800 บาท