Tourbillon with Three Flying Bridges

Tourbillon with Three Flying Bridges ถือกำเนิดในลาโชซ์-เดอ-ฟองส์ ซึ่งเป็นเมืองที่อุทิศให้กับการอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกา โดยดึงเอาพรสวรรค์ของช่างฝีมือ และช่างนาฬิกาของแบรนด์ มาทำงานร่วมกันพร้อมปรับ ทุกองค์ประกอบให้มีความโดดเด่นที่สุด กับกลไกการทำงานที่มีความซับซ้อนสูงและร่วมสมัย ที่แสดงให้เห็นได้ถึงความเป็นนาฬิการะดับสูงภายในโครงสร้างที่ให้มุมมองของสะพานทั้งสาม ที่ดูเหมือนลอยอยู่ในตัวเรือนที่โปร่งแสง

 

Screenshot 2567 10 06 at 09.19.19

 

ณ ลาโชซ์-เดอ-ฟองส์ สถานที่ซึ่งอุทิศให้กับการผลิตนาฬิกามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 และปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การ UNESCO โดยตั้งแต่ปี 1856 ที่ GIRARD-PERREGAUX มีการเปิดโรงงานเพื่อทำการผลิตนาฬิกาเป็นครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน และยังคงมีสำนักงานใหญ่ในเมืองนี้ ซึ่งหลังจากประสบเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในศตวรรษที่ 18 ลาโชซ์-เดอ-ฟองส์ก็ถูกสร้างขึ้นใหม่ ด้วยความช่วยเหลือจาก Charles-Henri Junod วิศวกรท้องถิ่น เพื่อการตั้งโรงงานนาฬิกาโดยเฉพาะ

 

Screenshot 2567 10 06 at 09.17.01

 

โดยถนนที่มีขนาดกว้างถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ โดยเรียงเป็นชั้นๆ ชิดอยู่กับทางไหล่เขา ซึ่งอาคารสูงเหล่านี้จะประกอบไปด้วย หน้าต่างบานใหญ่ที่ออกแบบมาเพื่อให้แสงสว่าง และส่องไปที่โต๊ะทำงานซึ่งเป็นสถานที่ผลิตนาฬิกา กับพื้นที่ในเมืองโดยรอบที่ยังคงมีการตกแต่งด้วยนาฬิกา GIRARD-PERREGAUX โดยแต่ละเรือนก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วย ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งในความชื่นชอบ สำหรับผู้มาเยือนที่หลงใหลในเรื่องของนาฬิกา จากในช่วงทศวรรษที่ 1860 ที่ Constant Girard

 

Screenshot 2567 10 06 at 09.20.08

 

ได้เริ่มร่างแนวคิดสำหรับนาฬิกาพก เรือนใหม่ที่มีสะพานจักรอยู่กลางชุดกลไก พร้อมกับการกำหนดนิยามใหม่ของบทบาท สำหรับสะพานจักรจากการเป็นแค่เพียง องค์ประกอบในการเคลื่อนที่ของเฟืองจักร ไปสู่คุณลักษณะด้านสุนทรียภาพ โดยในปี 1867 เขาได้เปิดตัวนาฬิกาพกกลไกตูร์บิยอง ซึ่งมีสะพานจักรนิกเกิลเงินขนานกันสามเส้น พร้อมการแนะนำปรัชญาการออกแบบนาฬิกาแบบใหม่ ที่โอบรับทั้งรูปทรงและความลึกซึ้งของชุดกลไก จนต่อมาที่สะพานจักรเหล่านี้ได้มีการยกระดับด้วยโลหะมีค่า

 

Screenshot 2567 10 06 at 09.59.52

 

ด้วยการเปิดตัว Tourbillon with Three Gold Bridges อันโด่งดัง ที่ถือเป็นหนึ่งในลายเซ็นทางกลไก ที่เก่าแก่ที่สุดชุดหนึ่งในวงการนาฬิกา จากนั้นจึงเป็นการใช้ชุดกลไกนี้ ในการแสดงออกถึงนาฬิการะดับสูง พร้อมการใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติอย่างมีศิลปะ โดยสร้างสรรค์ขึ้นในโรงงานของตัวเอง จากแรงบันดาลใจของนาฬิกาพกอันโด่งดัง ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นได้ว่าผลงานร่วมสมัยเรือนนี้ มีความโดดเด่นด้วยโครงสร้างของกลไก ที่ผ่านการออกแบบได้อย่างชาญฉลาด

 

Screenshot 2567 10 06 at 09.19.04

 

กับสะพานจักรที่ฉีกแนวคิดของการใช้แท่นกลไกหลักแบบเดิม ที่ไม่เพียงแต่ยังคงรองรับชุดเกียร์ ชุดเฟือง และชุดตูร์บิยองเท่านั้น แต่ยังให้ความสมบูรณ์แบบทางโครงสร้างที่จำเป็นสำหรับส่วนที่เหลือของกลไกอีกด้วย ทำให้สะพานจักรที่ดูเหมือนลอยอยู่กลางอากาศ มีฐานที่ผลิตด้วยการฉลุซึ่งยื่นออกมาจากด้านในของตัวเรือน เนื่องจากการออกแบบให้ไม่มีหน้าปัดแบบเดิมๆ มาร์กเกอร์ทั้งหมดจึงติดอยู่กับตัวเรือน ทำหน้าที่ตอบสนองการใช้งาน ในขณะที่ยังคงรูปลักษณ์ภายในของนาฬิกาที่ดูโปร่ง

 

Girard Perregaux Tourbillon with Three Flying Bridges in Rose Gold hands on 8

 

พร้อมการปรับปรุงใหม่ตั้งแต่มาร์กเกอร์ กระจกแซฟไฟร์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ในแบบบ๊อกเชปแต่มีความโค้งมากขึ้น และเมื่อมองจากด้านข้างจะดูสมมาตรมากขึ้น จนถึงขนาดเม็ดมะยมที่ใหญ่ขึ้น และมีรูปทรงโค้งมนที่ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ในขณะที่การออกแบบโดยรวมของชุดตูร์บิยอง ก็ได้รับการปรับปรุงให้มีรูปทรงที่ดูนุ่มนวลยิ่งขึ้น นอกจากนี้ทีมออกแบบยังคำนึงถึง ความสบายของผู้สวมใส่ด้วยการทำให้ขาตัวเรือนสั้นลง และทำให้ท่อนกลางของตัวเรือนมีความกลมมนมากขึ้น

 

Screenshot 2567 10 06 at 10.04.54

 

รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นเข็มชั่วโมงและนาทีที่ได้รับการขัดเงาแบบซาติน และมีการเคลือบสารเรืองแสงซุปเปอร์-ลูมิโนว่าเพิ่มเติม ซึ่งช่วยให้สามารถอ่านค่าเวลาในที่แสงสลัวได้ สุดท้ายคือการที่นาฬิการุ่นนี้จะมาพร้อมกับสายสองชุด ทั้งสายผ้าแบบใหม่ที่นำเสนอเป็นครั้งแรกใน Neo Constant Escapement จากปีที่ผ่านมา และสายหนังจระเข้สีดำที่เสริมเอฟเฟ็คท์สีทอง ในขณะที่สะพานจักรทั้งสามอันโดดเด่นจะมีสีดำพร้อมขอบลบเหลี่ยมสีทอง

Screenshot 2567 10 06 at 09.58.14

จากวัสดุพิ๊งค์โกลด์ที่ผ่านการเคลือบพีวีดีสีดำ Girard-Perregaux แบรนด์ที่มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบที่ละเอียดอ่อน กลายเป็นสะพานจักรทองคำทั้งสาม ในรูปแบบร่วมสมัยที่มีความแวววาวและงดงาม พร้อมการทำงานของชุดกลไกที่ไร้ที่ติ และโดดเด่นด้วยขอบที่เจียระไนในแต่ละชิ้นส่วน อันเป็นผลจากการใช้เวลาในการขัดแต่งด้วยไม้ชิ้นเล็กๆ เพื่อให้ได้การขัดเงาที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งโดยรวมแล้วต้องใช้เวลาทำงานในกว่าสองวัน เพื่อจะเสร็จสิ้นขั้นตอนสำหรับชุดสะพานจักรทั้งสามได้