MB&F HM8 Mark 2 การกลับเข้าสู่ความฝันอีกครั้ง, ตอนที่ 2

จนถัดมาคือ HM8 'Can-Am' กับการเลือกใช้กระจกแซฟไฟร์ เพื่อช่วยให้สามารถมองเห็นโรเตอร์ ที่กำลังหมุนอยู่ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังทำงานด้วยกลไกพื้นฐานของ GIRARD-PERREGAUX สำหรับ HM8 Mark 2 รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ โดยนาฬิกา HM8 นำแนวทางในการออกแบบรถยนต์ Can-Am ที่กลายเป็นชื่อเล่นของรุ่นนี้ จากการแข่งรถ Canadian American อันโด่งดัง ในภาพลักษณ์ด้านการออกแบบที่ไม่ธรรมดา ของรถยนต์และโรลบาร์อันโดดเด่น จนกลายเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับโรลบาร์ไทเทเนียมของนาฬิกาทั้งสองรุ่น

 

MBandF HM8 Mark 2 Blue Rear Top Black preview

 

ในขณะเดียวกัน HM8 Mark 2 ยังเลือกใช้กระจกแซฟไฟร์แบบดับเบิ้ลบับเบิ้ล (Double Bubble) โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบ มาจากซุปเปอร์คาร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ พร้อมโครงสร้างแชสซีของตัวเรือน ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโลกของยานยนต์ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้แบรนด์ สามารถค้นพบรหัสการออกแบบนาฬิกาเท่านั้น แต่โครงสร้างเหล่านี้ก็ยังซ่อนแรงบันดาลใจไว้ด้วยเช่นกัน ทำให้ปริญญาด้านวิศวกรรมศาสตร์ของ Maximilian กับองค์ความรู้มากมายไม่สูญเปล่า!

 

Screenshot 2567 07 17 at 21.57.39

 

จากการที่นาฬิกา HM5 และ HM8 Mark 2 สร้างขึ้นจากโครงสร้างตัวเรือน ที่สามารถกันน้ำจากการเพิ่ม ชุดประกอบของตัวเรือนเข้าไป ในขณะที่ผลงาน HMX และ HM8 เป็นโครงสร้างแบบโมโนบล็อก โดยสำหรับนาฬิกา HM8 Mark 2 มีให้เลือกระหว่างตัวเรือนคาร์บอนมาโครลอน (CarbonMacrolon®) สีขาวหรือสีเขียวตามสไตล์รถแข่งของอังกฤษ ซึ่งขัดเงาพื้นผิวด้านด้านบนและด้านข้างตัวเรือน ส่วนรุ่นสีขาวจับคู่กับโรเตอร์ ซีวีดีสีเขียวและมาร์กเกอร์นาทีสีเขียวอ่อน

 

Screenshot 2567 07 17 at 22.09.58

 

ขณะที่รุ่นสีเขียวจะมาพร้อมโรเตอร์ และชุดบาลานซ์วีลสีเรดโกลด์ และมาร์กเกอร์นาทีเทอร์ควอยซ์ พร้อมจำนวนการผลิตแบบจำกัดเพียง 33 เรือน พร้อมกระจกแซฟไฟร์สีน้ำเงินเข้มแวววาว ที่มาจากเม็ดสีโลหะที่มีต้นกำเนิดจากแร่ เช่นเดียวกับสีรถยนต์เมทัลลิค ซึ่งมีลักษณะเป็นผงที่ผสมอยู่ในเรซิน และต้องใช้กรรมวิธีเฉพาะเจาะจงในการผลิต ทั้งเวลาในการผสมวัตถุดิบต่างๆ อุณหภูมิในการผสม ความเร็วในการผสม และระยะเวลาในการผสม ที่ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญ

 

Screenshot 2567 07 17 at 22.11.40

 

กับหน้าปัดสีน้ำเงินที่สวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ทำให้เกิดสีสันอันน่าดึงดูดใจของผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์ ประกอบกับสายหนังลูกวัวสีขาวสไตล์สปอร์ตที่สวมใส่สบาย ซึ่งวัสดุคาร์บอนมาโครลอน® ถือเป็นวัสดุที่ได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะสำหรับ MB&F จากวัสดุคอมโพสิทที่ประกอบด้วยเมทริกซ์โพลีเมอร์ ที่ฉีดสารด้วยท่อนาโนคาร์บอน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทนทาน โดยท่อนาโนคาร์บอนจะมีความต้านทานแรงดัน และความแข็งที่เหนือกว่าการเสริมด้วยคาร์บอนไฟเบอร์แบบดั้งเดิม

 

Screenshot 2567 07 17 at 22.13.37

 

นอกจากนี้ยังเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติแข็งเป็นพิเศษ และยังสามารถลงสี ขัดเงา พ่นพื้นผิว ทั้งแบบแล็คเกอร์ หรือขัดแบบซาตินได้อย่างสวยงาม ซึ่งนอกเหนือจากคุณลักษณะทั้งหมดนี้แล้ว ยังมีน้ำหนักที่เบากว่าสตีลถึงแปดเท่า และทำให้ผลงานรุ่นนี้ดูน่าสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งในมุมมองทางด้านเทคนิคและทางด้านการออกแบบ และเฉกเช่นเดียวกันกับรถซุปเปอร์คาร์หรือไฮเปอร์คาร์ นาฬิกา HM8 Mark 2 จะแฝงด้วยเทคโนโลยีมากมาย ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด

 

Screenshot 2567 07 17 at 21.54.37

 

เริ่มจากแชสซีไทเทเนียม ซึ่งมีความซับซ้อนในการผลิต หรือแม้แต่โครงสร้างในส่วนที่ผลิตจากสตีลก็ตาม ก็ยังมีความซับซ้อนเช่นกัน ซึ่งด้วยความแข็งของโลหะผสมนี้ จึงเป็นบททดสอบที่ท้าทายความสามารถ ของทีมช่างเทคนิคจาก MB&F เช่นเดียวกันกับตัวเรือนวัสดุคาร์บอนมาโครลอน® ซึ่งมีจำนวนการผลิตเพียงไม่กี่ชิ้น ทำให้ต้องขึ้นโครงจากบล็อคเท่านั้น เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างตัวเรือนไปอีกขั้น ไม่ต่างจากเรื่องการใช้วัสดุอย่างกระจกแซฟไฟร์ ที่นับได้ว่า MB&F ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดมากมาย

 

Screenshot 2567 07 17 at 21.55.21

 

จนมาถึงการสร้างกระจกแซฟไฟร์แบบโค้งคู่ ที่มีความซับซ้อนและทำให้มีราคาสูง กว่าแซฟไฟร์แบบโดมถึง 30 หรือ 40 เท่า ซึ่งมีเพียงซัพพลายเออร์รายเดียวเท่านั้นที่ตกลงรับงาน ในการผลิตกระจกแซฟไฟร์แต่ละชิ้น ที่ต้องใช้ระยะเวลาหลายชั่วโมง พร้อมความเสี่ยงที่จะแตกหักสูงมากในแต่ละขั้นตอน โดยมักจะเกิดการแตกขึ้นในวินาทีสุดท้ายเสมอ แต่เมื่อนำมาประกอบเข้ากันเรียบร้อยแล้ว จะกลายเป็นความแข็งแกร่งพอๆ กันกับกระจกแซฟไฟร์ที่ใช้ในนาฬิกาสปอร์ตอื่นๆ ทั่วไป

 

Screenshot 2567 07 17 at 21.53.37

 

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด กับโรเตอร์ทรงขวานรบที่ขับเคลื่อนชุดกลไกนี้ ถือว่ามีความซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ โดยใบพัดที่ผลิตจากทองคำนี้จะมีความหนาเพียง 0.2 มิลลิเมตร จึงไม่สามารถทำการขัดแต่งได้ ดังนั้นจึงต้องใช้เป็นการประทับตราแทน นอกจากนี้ยังมีชุดเม็ดมะยมแบบเวิล์ดพรีเมียร์ ซึ่งไม่ได้อยู่ใต้ฝาครอบ แต่ซ่อนไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม พร้อมระบบ "คลัตช์คู่" สะท้อนความเท่ของรถยนต์ ที่ทำงานด้วยการดันเม็ดมะยมเข้าไป แล้วหมุนสามในสี่ของรอบเพื่อปลดเม็ดมะยม

123

 

ซึ่งเป็นข้อดีในการเพิ่มพื้นที่และให้ความปลอดภัยแก่ชุดกลไก ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบอย่างแท้จริงสำหรับนาฬิกาสปอร์ต ซึ่งในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา นาฬิกา HM8 Mark 2 ก็สามารถสะท้อนในสิ่งที่แฟนๆ นาฬิกา MB&F ที่ชื่นชอบในเรื่องราวซีรี่ส์ของยานยนต์ได้มากมาย โดยได้เพิ่มประสิทธิภาพด้านเทคนิค การอ่านค่าเวลาชัดเจนมากยิ่งขึ้น พร้อมรูปลักษณ์ที่ดูมีเสน่ห์มากขึ้น และที่สำคัญคือการสวมใส่ที่ง่ายขึ้น ยิ่งกว่านั้นยังเป็นเครื่องเตือนใจ ในเรื่องที่ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่มนุษย์จะทำตามความฝันของตัวเอง