BIANCHET, Founders and History
ในขณะนั้น Rodolfo คือผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ มาจากการสร้างแอปพลิเคชั่นการซื้อขายทางการเงินออนไลน์ FINTECH สำหรับสมาร์ทโฟน โดยผลงานของ Rodolfo ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์เพื่อทำนายแนวโน้มทางตลาด คืออัลกอริทึมที่ยึดตามลำดับฟีโบนัชชีและโกลเด้นเรโช ในขณะที่ Rodolfo เองก็มีความหลงใหลในเรื่องของนาฬิกามาอย่างยาวนาน
ตั้งแต่ในช่วงที่ยังเป็นวัยรุ่นจนกลายเป็นหนึ่งในนักสะสมนาฬิกา พร้อมความฝันที่จะสร้างแบรนด์นาฬิกาในแบบของเขา เพราะ Rodolfo เชื่อแน่ว่า "นาฬิกาคือสิ่งที่เขารักในชีวิต และเป็นแบบนั้นมาโดยตลอด" ในขณะที่ Emmanuelle Festa Bianchet เกิดมาในครอบครัวศิลปิน และเริ่มต้นอาชีพด้านการสื่อสารมวลชน ขณะเดียวกันก็ไล่ตามความหลงใหลในเรื่องของดนตรีและภาพวาด
ซึ่งด้วยความหลงใหลในเรื่องของวัตถุอันแสนวิจิตร สถาปัตยกรรมอันน่าหลงใหล และการออกแบบอันน่าทึ่ง เธอจึงตอบรับการผจญภัยด้านการผลิตนาฬิกาของครอบครัว ด้วยความเชื่อมั่นว่าการค้นหาความงามและความกลมกลืนกัน จะสามารถสร้างให้เป็นมรดกสำหรับครอบครัวได้เป็นอย่างดี "การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยความฝันและนำสู่อนาคต ที่เราทั้งซื่อสัตย์ต่อประเพณีดั้งเดิมและเปิดกว้างต่อนวัตกรรมไปพร้อมกัน”
“สำหรับนาฬิกาของเราแล้ว เราถือเป็นสิทธิพิเศษที่ได้มีโอกาสแบ่งปันเรื่องราว ของการเดินทางในโลกของเวลา กับผู้คนมากมายผู้ชื่นชอบศาสตร์แห่งศาสตร์อันประณีต และผู้ที่ชื่นชมเฉพาะความพิเศษเท่านั้น ซึ่งความตั้งใจของเรา คือการสร้างประสบการณ์ชั้นเลิศที่ได้รับมาจาก แรงบันดาลใจในการออกแบบและความวิจิตรอันแสนมหัศจรรย์ของกลไกตูร์บิยอง" Emmanuelle Festa Bianchet กล่าว
โดยเดือนตุลาคมปี 2017 เป็นเวลาที่การสร้างแบรนด์ BIANCHET ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง จนถึงในเดือนมีนาคมปี 2018 ที่นาฬิกาเรือนต้นแบบเรือนแรก มีการนำเสนอให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นที่งาน BASELWORLD และในเดือนสิงหาคมปี 2021 กับการเปิดตัวนาฬิการุ่น Tourbillon B 1.618 ในงาน "GENEVA WATCH DAYS" และเดือนธันวาคมปี 2021 กับการเปิดบูติคแห่งแรกในนูชาเทล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
และในเดือนมิถุนายนปี 2022 BIANCHET ก็มีการลงนามในการเป็นพันธมิตร ด้านการจับเวลาอย่างเป็นทางการรายแรกของการแข่งขัน Polo Rider Cup และต่อมาในสิงหาคมปี 2022 กับการนำเสนอนาฬิการุ่น Tourbillon B 1.618 รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นใหม่ในงาน GENEVA WATCH DAYS ส่วนเดือนกันยายน กับการร่วมการแข่งขันอย่างเป็นทางการกับ SWAN World Cup เป็นครั้งแรก
พร้อมกันในเดือนกันยายนกับการลงนามให้ BIANCHET เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของรายการแข่งขัน SOFIA Tennis Open และต่อมาในเดือนตุลาคม กับการเข้าร่วมโครงการปกป้องมหาสมุทรจากการiร่วมสนับสนุนโครงการของ Big Blue Ocean และกับการร่วมงานแข่งขันเทนนิสอย่างเป็นทางการกับ World Tennis League ในดูไบช่วงเดือนธันวาคม
ส่วนเดือนมกราคมปี 2023 BIANCHET ประกาศถึงตัวแทนจำหน่ายที่มีอยู่อย่างเป็นทางการใน 17 ประเทศทั่วโลก และต่อมากับการประกาศให้ Grigor Dimitrov เป็นหุ้นส่วนและโกลบอลแบรนด์แอมบาสเดอร์ จนถึงเดือนสิงหาคมกับการเปิดตัวนาฬิการุ่น Tourbillon GRANDE DATE B1.618 ในงาน GENEVA WATCH DAYS หลังจากนาฬิการุ่นแรกจำหน่ายหมดลงในเวลาเพียง 2 ปี
พร้อมกับความภูมิใจของแบรนด์ที่ BIANCHET สามารถคว้ารางวัล Temporis International Awards ในประเภท "นาฬิกาสตาร์ทอัพที่ดีที่สุด" ที่ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ ที่ยังคงมีแผนการพัฒนาในส่วนต่างๆ อีกมากมายในอนาคต ซึ่งส่วนที่สำคัญที่สุดจะเป็นการเปิดบูติคนาฬิกา BIANCHET ในประเทศต่างๆ เพิ่มเติมโดยเน้นที่ตลาดหลัก ซึ่งประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในตลาดหลักของแบรนด์