Inside La Grande CORNICHE
นาฬิการุ่น La Grande CORNICHE หรือที่ถูกเรียกสั้นๆ กันว่า LGC ถือเป็นงานระดับสูงสุดของแบรนด์ในขณะนี้ ทั้งจากที่โดดเด่นที่สุดในเรื่องของกลไกการทำงาน รวมทั้งรูปแบบสปอร์ตที่มีสายตัวเรือนแบบอินทิเกรด ซึ่งหมายถึงผนึกเข้ากันกับตัวเรือนอย่างแนบสนิท ที่ถือเป็นรูปแบบของนาฬิกาสปอร์ตชั้นดีของโลก รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆ อย่างครบถ้วนทั้งหน้าปัด และบานพับสายแบบบัตเตอร์ฟลายที่ใช้งานได้อย่างสะดวก พร้อมรูปลักษณ์ที่พิเศษและแตกต่างไป จากรูปแบบบานพับที่ใช้งานกันในนาฬิกาอื่นๆ ทั่วไป
พร้อมหน้าปัดที่ให้ความเงางามและมิติในหลายมุมมอง ที่เกิดขึ้นจากการตกกระทบของแสงที่แตกต่างกันออกไป โดยมีความอ่อนและเข้มของสีสันจากด้านนอกของหน้าปัด ที่มีความเข้มมากกว่าพร้อมความเบาบางของสีในบริเวณกึ่งกลางหน้าปัด ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดมิติและมุมมองที่พิเศษนี้ได้ มาจากหนึ่งในคุณลักษณะสำคัญของวัสดุที่เลือกใช้ นั่นก็คือเซรามิคที่มักจะมีอยู่แต่ในเฉพาะนาฬิกาชั้นดีเท่านั้น ที่จะเป็นได้ในยุคปัจจุบัน พร้อมความละเอียดในกระบวนการผลิตที่สามารถเห็นได้ จากช่องแสดงวันที่ที่มีขอบมุมเรียบเนียน
ผนวกเข้ากับความเงางามที่เกิดจากเหลี่ยมมุม ของมาร์กเกอร์ทั้ง 11 จุดบนหน้าปัด โดยเป็นรูปทรงแบบบาตองที่มีมุมแหลมคล้ายธนูหันเข้าสู่กลางหน้าปัด เพื่อช่วยให้สามารถอ่านค่าได้อย่างชัดเจน ทั้งยังเป็นจุดรวมสายตาเพื่อให้หน้าปัดดูคมชัดและโดดเด่นขึ้นอีกระดับ นอกจากนี้ในตำแหน่ง 12 นาฬิกายังกำหนดให้เป็นชุดมาร์กเกอร์คู่ เพื่อแสดงให้เห็นถึงตำแหน่ง 12 นาฬิกาได้อย่างชัดเจนที่สุด ตามแบบนาฬิกาสปอร์ตชั้นดีของโลก กำกับด้วยแทร็คนาทีสีขาวบนหน้าปัด ที่เกิดจากการพิมพ์อย่างประณีตและคมชัดบนพื้นหน้าปัดเซรามิค
บนตัวเรือนสตีลที่มีขนาดกำลังพอดีกับคนเอเชียที่ 39 มิลลิเมตร พร้อมความหนากำลังพอเหมาะที่ 11มิลลิเมตร กับขอบเบเซิลสตีลที่ผ่านการขัดเงาอย่างงดงาม กรุด้วยกระจกแซฟไฟร์ตามแบบนาฬิกาชั้นดีระดับโลก ที่ผ่านขั้นตอนการเคลือบสารเพื่อป้องกันการสะท้อนแสงทั้งสองด้าน ส่งผลให้สามารถมองเห็นสีสันและความเงาแวววาวของหน้าปัดได้อย่างชัดเจนที่สุด ใช้งานคู่กันกับบานพับแบบบัตเตอร์ฟลาย ที่พับทั้งสองด้านเพื่อให้ระยะกึ่งกลางของสาย อยู่ในตำแหน่งที่พอดีและเหมาะสมกับการใช้งานได้มากที่สุด
อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เห็นถึงความประณีตของงานการผลิตได้ดี ก็คือเข็มแสดงเวลาทั้งชั่วโมง นาที และวินาที ที่มีการขัดเหลี่ยมและมุมให้เกิดมิติได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยเหลี่ยมมุมนี้จะทำให้เกิดแสงตกกระทบ และความเงางามเกิดขึ้นทันทีที่มองเห็น รวมกันกับสีสันบนหน้าปัดและมาร์กเกอร์ทั้ง 11 จุดที่ต่างก็สะท้อนความเงาแวววาวไปในทิศทางต่างๆ อย่างงดงามไปพร้อมกัน ที่จบลงด้วยภาพรวมของหน้าปัดที่เรียบง่ายในแบบมินิมัล โดยมีเพียงชื่อแบรนด์ CORNICHE และคำว่า Automatic ที่บ่งบอกถึงกลไกการทำงานภายใน
ซึ่งก็คือกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ NH35A ที่ถือเป็นหนึ่งในกลไกอัตโนมัติที่ยอดนิยมระดับโลก จากความสามารถทั้งในด้านความทนทาน เชื่อถือได้ และความแม่นยำสูงในการแสดงค่าเวลา จากความสามารถด้านการผลิตมาอย่างยาวนานของ SEIKO Insturments ที่นำเสนอกลไกอัตโนมัติชิ้นเยี่ยมนี้สู่ตลาดตั้งแต่ช่วงปี 2011 และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากผู้ใช้งานทั่วโลก โดยกลไกคาลิเบอร์นี้เป็นรหัสคาลิเบอร์ที่ใช้สำหรับกลไกที่จำหน่ายให้กับผู้ผลิตอื่นๆ ในขณะที่กลไกชุดเดียวกันนี้จะใช้ในนาฬิกาของ SEIKO เอง
ในรหัสคาลิเบอร์ 4R35 ที่ถือเป็นกลไกที่ใช้งานในนาฬิการุ่นยอดนิยมมากมายของ SEIKO ทั้งในโมเดลพื้นฐานที่รู้จักกันดีในชื่อตัวเรือน Monster, Samurai หรือแม้แต่ในตัวเรือนแบบ Turtle หรือ Tunaอีกด้วย โดยกลไกชุดนี้จะแสดงเวลาแบบ 3 เข็ม ชั่วโมง นาที และวินาที พร้อมชุดดิสก์แสดงวันที่ ทำงานที่ความถี่สูง 21,600 รอบต่อชั่วโมง และสามารถให้พลังสำรองลานได้นาน 41 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีฟีจเจอร์การแฮ๊กเข็มแสดงเวลาวินาที เพื่อให้สามารถตั้งค่าเวลาได้อย่างเที่ยงตรงสูงสุดพร้อมกันอีกด้วย
กับชุดโรเตอร์มาตรฐานที่สามารถหมุนขึ้นลาน ได้ในสองทิศทางทั้งตามการเดินของเข็มและทวนเข็ม นอกจากนี้ยังมีชุดกันกระแทกในกลไกแบบไซโกไดอะช็อค ที่ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1956 และใช้งานในนาฬิกา SEIKO Marvel ที่ถือเป็นชิ้นส่วนชุดแรกๆ ที่ SEIKO พัฒนาขึ้นเป็นของตัวเอง จนกระทั่งสามารถพัฒนามาเป็นกลไกอินเฮ้าส์ทั้งชุดของตัวเองได้ในเวลาต่อมา โดยชุดกันกระแทกนี้จะยึดอยู่ใจกลางของชุดบาลานซ์วีล เพื่อทำหน้าที่ในการลดแรงกระแทกอันจะส่งผลต่อชุดบาลานซ์ และเกิดความเสียหายต่อกลไก
โดยกลไกคาลิเบอร์ NH35A นี้จะไม่มีการขัดแต่งใดๆ จากวัตถุประสงค์ในการผลิตของ SEIKO Instruments ที่สร้างกลไกชุดนี้ขึ้นและเน้นไปที่ประสิทธิภาพในการใช้งานเท่านั้น ซึ่งในการเลือกใช้กลไกชุดนี้ทาง CORNICHE ต้องสร้างชุดแท่นรองระหว่างชุดกลไกกับตัวเรือน โดยมีลักษณะคล้ายชุดวงแหวนเพื่อยึดกลไก ให้เข้ากับตัวเรือนได้อย่างพอดี พร้อมกันกับพื้นที่เพื่อให้ชุดกลไกมีการให้ตัวได้ และชุดสกรูว์ขนาดใหญ่ 2 ชุดเพื่อให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพด้านการใช้งานในระยะยาวอย่างสูงสุด
ประกบด้วยฝาหลังแบบขันเกลียวแน่นเช่นเดียวกันกับเม็ดมะยม เพื่อมอบประสิทธิภาพด้านการกันน้ำได้ในระดับ 100 เมตรเช่นเดียวกับนาฬิกาสปอร์ตชั้นดีระดับโลก พร้อมกล่องนาฬิกาด้านในที่สามารถแยก เพื่อใช้เป็นในแบบกล่องพกพา เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในชีวิตประจำวันได้มากขึ้นอีกระดับ