20 Years of Freak by ULYSSE NARDIN

ในช่วงปลายของยุค 90s การฟื้นฟูการผลิตนาฬิกาของสวิสกำลังดำเนินไปด้วยดี และผู้ประกอบการชาวสวิสจำนวนหนึ่ง ได้หันมายึดสร้างจิตวิญญาณแห่งการผลิตนาฬิกาในรูปแบบใหม่ ซึ่งยังคงความเคารพต่อรูปแบบและคุณภาพในด้านการผลิตเช่นเดิม แต่เริ่มกระบวนการสร้างแบบใหม่ขึ้นมา จากที่ในช่วงยุค 70s และ 80s ได้ถูกกลบโดยเทคโนโลยีของกลไกควอท์ซ ที่ผลิตขึ้นโดยแบรนด์นาฬิกาจากประเทศอื่น

 

Rolf Schnyder purple rvb

 

Mr.Rolf Schnyder ผู้มีวิสัยทัศน์และมองเห็นศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของนาฬิกาแบบจักรกล ที่เขาต้องการนำมรดกและชื่อเสียงของ ULYSSE NARDIN ให้หวนกลับคืนมา ด้วยแนวความคิดของนาฬิกาข้อมือร่วมสมัย ที่สร้างสรรค์อย่างมีชีวิตชีวาให้กับผู้ชื่นชอบนาฬิการุ่นใหม่ แต่การที่จะทำเช่นนั้นได้ เขาจำเป็นต้องมีตัวอย่างของนาฬิกาที่มีภาพลักษณ์ที่ชัดเจน และสามารถขยายพลังใหม่ในการผลิตนาฬิกาของสวิสให้ได้

 

Screen Shot 2566 10 26 at 23.31.19

 

ซึ่งความทะเยอทะยานที่เพิ่มขึ้นของ ULYSSE NARDIN กลายเป็นแรงพลักดันทางด้านการออกแบบ ที่พุ่งพรวดที่จะเขย่าวงการ พร้อมเบนความสนใจของกลุ่มผู้ซื้อนาฬิกากลไกรุ่นใหม่ได้ จากเบื้องหลังของ Mr.Schnyder ที่ทำงานร่วมกันกับ Dr.Ludwig Oechslin ช่างนาฬิกาอัจฉริยะในการรังสรรค์นาฬิการูปแบบใหม่ ที่จะไม่มีหน้าปัด ไม่มีเข็ม และไม่มีเม็ดมะยม พร้อมชื่อเรียกเดียวเท่านั้นนั่นคือ Freak

 

Screen Shot 2566 10 27 at 00.58.09

 

และการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2001 ที่กลายเป็นการเขย่าวงการ ที่ไม่เพียงแต่จากการออกแบบและกลไกที่แหวกแนวเท่านั้น แต่การตั้งเวลาก็ยังมาจากการหมุนขอบตัวรือน และไขลานด้วยการหมุนขอบด้านหลังตัวเรือน นอกจากนี้ Freak ยังเป็นนาฬิกาสวิสเรือนแรกที่มีกลไกไขลาน ที่มีชิ้นส่วนที่ผลิตจากซิลิคอนที่มีน้ำหนักเบาและยืดหยุ่น ไม่มีการเสียดสี พร้อมมีคุณสมบัติด้านการต้านทานแรงเสียดทานที่สูง

 2007 Freak Diamonsil

เพื่อช่วยทำให้นาฬิกามีความทนทานที่สูงขึ้น โดยปัจจุบันการใช้ซิลิคอนในการผลิตนาฬิกา ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไป ต่างจากช่วงนั้นที่นับเป็นการปฏิวัติวงการ โดยมี Freak เป็นนาฬิกาเรือนแรก หลังจากนั้นจึงมีนาฬิการุ่นอื่นๆ ที่เผยโฉมตามมาในลักษณะเดียวกันมากมาย ซึ่งนาฬิกา Freak ก็ยังมีการปรากฏตัวในรูปแบบต่างๆ อีก พร้อมใช้เป็นผลงานในการทดสอบเทคโนโลยีขั้นสูงอีกด้วย แต่ก็ยังคงรูปแบบเหมือนเดิมนั่นก็คือ Freak

 

gphg2010 ulyssenardin 10 0630 2080 115 01

 

จากปี 2001ที่ Freak รุ่นแรกถูกนำเสนอ และถือเป็นผลลัพธ์ในการผลิตนาฬิการะดับไฮเอนด์ของสวิส พร้อมชิ้นส่วนกลไกที่ผลิตจากซิลิคอน จนต่อมาในปี 2007 กับ Freak [DiamonSil] ที่เป็นดั่งเครื่องมือทดสอบสำหรับนวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง จากชิ้นส่วนซิลิคอนเคลือบผงเพชรที่ได้รับการจดสิทธิบัตร เพื่อเพิ่มคุณสมบัติด้านประสิทธิภาพให้กับกลไก ซึ่งยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน

Screen Shot 2566 10 27 at 00.56.10

และต่อมาปี 2010 กับ Freak [DiaVolo] กับชุดตูร์บิยองแบบฟลายอิ้ง หมุนครั้งที่สอง จากชื่อที่มาจากกระสวยสีแดง ที่กักเก็บพลังสำรองลานซึ่งสามารถมองเห็นได้ผ่านทางฝาด้านหลัง จนถึงปี 2018 กับ Freak [Vision] ที่มากับกลไกแบบอัตโนมัติเป็นครั้งแรก พร้อมบาลานซ์วีลขนาดใหญ่กับไมโครเบลด ที่มีการจดสิทธิบัตรเพิ่มเติมอีกครั้งถึง 3 รายการที่ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นนาฬิกานวัตกรรมของFreak

 

Screen Shot 2566 10 27 at 00.23.34

 

จนในปี 2019 ที่ Freak [X] ที่สร้างตำนานบทใหม่ขึ้นเพื่อความเข้าถึงที่ง่ายกว่า โดยช่างนาฬิกาของ ULYSSE NARDIN ได้ทำการปรับปรุงกลไกนาฬิกาให้เรียบง่ายขึ้น และเพิ่มเม็ดมะยมเพื่อใช้ในการตั้งค่าเวลา ที่ถือเป็นต้นแบบของ Freak ในยุคใหม่ จนต่อมาในปี 2022 กับ Freak [S] ที่เป็นการพัฒนาแนวทางด้านเทคนิค จากบาลานซ์วีลสองวงที่เชื่อมกับดิฟเฟอเรนเชียล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการแสดงค่าเวลา

 

Ulysse Nardin Freak S 4

 

พร้อมล่าสุดในปีนี้กับ Freak [One] พร้อมการการพัฒนาปรับรูปแบบใหม่ ที่ได้รับการออกแบบดูลงตัวพร้อมหลักการเดิม ที่จะไม่มีหน้าปัด ไม่มีเข็ม และเม็ดมะยม ในตัวเรือนไทเทเนียมดีแอลซีสีดำและโรสโกลด์ พร้อมการทำงานของซิลิคอนแฮร์สปริง และเอสเคปเมนต์ที่เคลือบไดมอนซิล ทำงานด้วยกลไกอินเฮ้าส์อัตโนมัติแบบกรินเดอร์ (Grinder®) ที่สามารถให้พลังสำรองลานได้นานถึง 90 ชั่วโมง

 

Screen Shot 2566 07 29 at 19.47.07